xs
xsm
sm
md
lg

Talk of the Town 2025 ปีแห่งการเปิดโปง นักสืบออนไลน์ทำงานหนักมาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปี 2568 ถูกจารึกว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่สังคมไทย ต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ภาพลักษณ์ไม่ตรงปกกับความจริง เมื่อคดีความและดรามาหลายกรณีที่พัวพันกับบุคคลมีชื่อเสียง ดารา นักกฎหมาย และผู้มีสถานะทางสังคม ถูกเปิดโปงอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็น Talk of the Town ที่เขย่าความเชื่อมั่นของสาธารณชน

จาก “ชื่อเสียง” สู่ “ชื่อเสีย” บทเรียนสังคมปี 2568 เมื่ออำนาจ ภาพลักษณ์ และความไว้ใจ ถูกตั้งคำถาม เริ่มต้นด้วยคดีใหญ่ๆ ที่ช็อกชาวไทยตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี อย่าง กรณี The iCon Group ภาพสะท้อนชัดของการใช้ชื่อเสียง เป็นใบเบิกทางทางธุรกิจ เมื่อดาราและคนดังเข้าไปเกี่ยวข้องกับโมเดลธุรกิจ ที่ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงมูลค่ามหาศาล ทั้งที่ถูกดำเนินคดีและไม่ถูกดำเนินคดี คดีนี้ไม่ได้เพียงสร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบ ของผู้มีอิทธิพลต่อความเชื่อของผู้บริโภค ว่าเงินที่ลงทุนไป หรือสินค้าที่ได้รับนั้น สมควรค่าแก่การจ่ายออกไปหรือไม่



ไม่ต่างจากคดี “ทนายตั้ม-ษิทรา เบี้ยบังเกิด” เป็นทนายความชื่อดัง ที่ภาพลักษณ์ช่วงแรกก็ดูเป็นคนที่ทำงานเพื่อสังคม มีชื่อเสียงโด่งดังจากการทำคดีดังต่างๆ แต่จู่ๆ ก็ปรากฏว่ามีการยักยอกทรัพย์ “เจ๊อ้อย” กว่า 111 ล้านบาท ที่กลายเป็นแรงสั่นสะเทือนต่อวงการกฎหมาย เมื่อบุคคลในวิชาชีพ ซึ่งควรเป็นที่พึ่งของประชาชน ถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตเสียเอง กรณีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นการตอกย้ำศรัทธาของสังคมต่อระบบยุติธรรม และตอกย้ำว่าตำแหน่งหน้าที่ไม่อาจเป็นเกราะคุ้มกันความผิดได้




มาทางด้านคนดังในแวดวงสังคม ที่ถูกเปิดโปงอย่างเละเทะท่ามกลางภาพลักษณ์ที่ดูดี ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีความสุขจนใครๆ อิจฉา แต่เบื้องหลังมากจากการหลอกลวง นำเงินคนอื่นมาปรนเปรอตัวเอง ช็อกแรกด้วยข่าวของดาราชื่อดัง “ดิว-อริสรา ทองบริสุทธิ์” ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ เนื่องจากยืมกระเป๋าแบรนด์เนม และเครื่องประดับมูลค่ากว่า 62 ล้านบาท ของ “เมย์-วาสนา อินทะแสง” นักธุรกิจเจ้าของฉายา "มาดามเมนี่" ไปจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งต่อมา ดิวรับผิดและตกลงคืนของบางส่วน (สร้อย Bvlgari และกระเป๋า Hermes) พร้อมเจรจาเรื่องหนี้สิน ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะนำไปหมุนเงินมาใช้ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อเพื่ออวดโซเชียลมีเดีย ฉะนั้น ฉากหน้าการมีชีวิตที่ดี ก็อาจจะไม่ใช่ภาพจริงอย่างที่เราคิดกัน




เท่านั้นยังไม่พอ กับเคสของศิลปินนักแสดงคุ้นหน้าคุ้นตา ที่ไม่เคยมีข่าวเสียหาย แต่จู่ๆ หนองก็ไหล เมื่อหนึ่งในนักแสดงสุดแกลมแก๊งนางฟ้า ถูกเปิดโปงว่าโกงเงินเพื่อน! โดยคนคนนั้นก็คือ "นานา ไรบีนา" ซึ่งกลายเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (แชร์ลูกโซ่) โดยมีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความ ว่าถูกชักชวนให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ เช่น ปล่อยกู้, เทรดหุ้น, และร้านอาหารต่างประเทศ รวมความเสียหายเบื้องต้นกว่า 195 ล้านบาท รวมถึงการหลอกเพื่อนสนิทในแก๊งว่าจะนำเงินไปลงทุน แต่ความจริงแล้วนำเงินไปใช้ฟุ้งเฟ้อส่วนตัวกับสามี ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่สะท้อนว่า ชื่อเสียงและความสนิทสนม ไม่อาจรับประกันความบริสุทธิ์ใจได้ในทุกสถานการณ์


ส่วนปลายปีก็ยังไม่หยุดเรื่องการยืมเงินแล้วไม่คืน เมื่อแวดวงไฮโซมีข่าวคดี “ไฮโซ ต.” นามสกุลดัง ยืมเงิน “ไฮโซ น.” กว่า 14 ล้านบาท แล้วไม่คืน ส่วนเจ้าตัวบินหนีเงียบไปต่างประเทศ ซึ่งหลังจากที่ CelebOnline นำเสนอข่าวไป ก็ถูกขุด ถูกแฉผ่านโซเชียลมีเดียอย่างหนักหน่วง รวมถึงเริ่มมีเจ้าทุกข์เจ้าอื่นๆ ออกมาเล่าพฤติกรรม “ไฮโซ ต.” กันอีกหลายราย แสดงให้เห็นบทบาทใหม่ของโลกออนไลน์ในฐานะ “ศาลสาธารณะ” ที่ผู้เสียหายใช้เป็นพื้นที่เรียกร้องความเป็นธรรม และทำให้คำว่า “ไฮโซ” ถูกตั้งคำถามว่า สถานะทางสังคมยังคงมีความหมายเพียงใด เมื่อปราศจากความรับผิดชอบ สรุปแล้วคำว่า “ไฮโซ” เขารวยกันจริงๆ หรือเปล่า


นอกจากเรื่องฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ในทางโลกแล้ว วงการสงฆ์ปีนี้ถูกเขย่าสะเทือนอย่างที่ไม่เคยมีในรอบหลายปี เป็นข่าวฉาวที่ดังที่สุดในปีนี้ เริ่มเป็นข่าวใหญ่ช่วงกลางปี ผู้ต้องหาที่เป็นสีกาถูกจับฐานกรรโชกทรัพย์, ฟอกเงิน, รับของโจร หลังจากมีสัมพันธ์ทางเพศกับพระหลายรูป แล้วใช้คลิป ภาพลับข่มขู่ให้จ่ายเงินหลายล้านบาทให้เธอ มีการค้นพบภาพและคลิปนับหมื่นถึงแสนไฟล์เกี่ยวกับพฤติกรรมลับของพระที่ถูกถ่ายไว้ พระผู้ใหญ่ อย่างน้อย 9 รูป ถูกสึกและถอดสมณเพศแล้วในคดีนี้ คดีนี้สะท้อนปัญหาเรื่อง ละเมิดพระธรรมวินัย และความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมของพระกับคฤหัสถ์

ข่าวทุจริตด้านการเงินในวงการสงฆ์ ก็เกิดขึ้นหลายคดีตลอดปี เช่น อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ (เจ้าคุณอลงกต) ถูกจับกุมข้อหาทุจริตเงินบริจาคใช้ส่วนตัวและฟอกเงิน เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีความผิดเกี่ยวกับเงินวัดจำนวนมาก แถมยังสวมชื่อในทะเบียนราษฎร์ของคนอื่น จึงไม่รู้ว่าแท้จริงคือใครกันแน่ และยังมีหมอดูคนดังเข้ามามีชื่อในกระบวนการนี้ด้วย เป็นปีที่กวาดล้างมารศาสนาวงการสงฆ์อย่างรุนแรง และช็อกประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพราะแต่ละเรื่องที่ถูกแฉออกมาแรงซะยิ่งกว่าในละครซะอีก!


ส่วนข่าว Talk of The Town เมาท์มอยกระจิบกระจาบทั่วไป เกี่ยวกับคนดังก็มีประปรายอยู่บ้าง เริ่มตั้งแต่ต้นปีกับการประกาศโสดของ “ปอ-ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์” ตั้งแต่ต้นปีว่าเหงา อยากรับสมัครหาคนพิเศษไว้ฉลองด้วยกันในช่วงเทศกาล เป็นการปิดฉากรักต่างวัย กลับมาใช้ชีวิตสาวไฮโซเริ่ดๆ เชิดๆ ต่อไป


กับข่าวการเลิกราของคู่รักกิ่งทองใบหยก อย่าง “เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม” และ “เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล” ลูกชายอดีตนายกฯ อนุทิน ที่เคยเป็นคู่รักที่ถูกจับตามอง และมีข่าวดีเรื่องการหมั้นหมายเมื่อปลายปี 2024 แต่ล่าสุด เพลงได้ออกมายืนยันว่าได้เลิกรากับเป๊กแล้ว โดยฝ่ายเป๊กเป็นผู้ที่ขอลดสถานะ จบความรัก 7 ปี และจะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้น




นอกจากนี้ ในปี 2568 ยังเป็นปีที่ประเทศไทยอนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสกันได้แล้ว ตาม กฎหมายสมรสเท่าเทียม ทำให้ทุกเพศสามารถสมรสและมีสิทธิเท่าเทียมกันทางกฎหมาย เช่น สิทธิในมรดก, สวัสดิการ, การตัดสินใจทางการแพทย์ และสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน จึงมีคู่รักเพศเดียวกันหลายคู่ ที่คบกันมาอย่างยาวนาน จูงมือกันไปจดทะเบียนสมรส เผยสถานะกันอย่างเปิดเผย อาทิ คู่ของพิธีกรคนดัง อย่าง “วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา และโอ๊ต-อัครพล จับจิตรใจดล” ที่มีการจัดงานแต่งงานอย่างอบอุ่น และมีความสุข เช่นเดียวกับคู่ของ “แอ๊ม-มาสิริ ตามสกุล และ จก-ธนิกานต์ สุขวัฒนศิริ” ที่รู้จักและใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 20 ปีแล้ว


ปิดท้ายด้วยดรามาเรื่องของ “ฌอน โพเอม” เจ้าของแบรนด์ POEM กับ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังฉายา “หมอมุกกินเค้ก” หรือหมออินฟลูฯ ทำคอนเทนต์ นำเสนอประสบการณ์ไม่ดี กับการบริการของพนักงานร้าน จนยอดวิวพุ่งกระฉูดและเหมือนจะเรียกทัวร์มาลงที่ร้าน แต่ฝ่าย ฌอน Poem ก็โต้กลับในหลายประเด็น เพราะเกรงว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ และพนักงานได้รับความเสียหาย จากนั้น “หมอมุกกินเค้ก” ก็ออกมาทำคลิปขอโทษ แต่ดรามายังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะ TikTok Thailand ได้ถอนรางวัล Rising Creator of the Year 2025 จากช่องของหมอมุกอีกด้วย!

ความจริงแล้วเรื่องราว Talk of The Town ตลอดปียังมีอีกมาก แต่เรารวบรวมมาพอหอมปากหอมคอ อย่างน้อยๆ ก็สะท้อนภาพรวมของสังคมไทยในปี 2568 อย่างชัดเจนว่า กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ชื่อเสียงไม่ใช่หลักประกันความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ไม่อาจกลบความจริงได้ตลอดไป


กำลังโหลดความคิดเห็น