ทายาทของมหาเศรษฐีพันล้านชาวจีน เหรินเจิ้งเฟย เจ้าของฉายา ‘เจ้าหญิงหัวเว่ย’ แอนนาเบล เหยา เผยซิงเกิลเพลงป็อปเพลงแรกของเธอ Backfire ที่กลายเป็นกระแสฮิตในเว่ยปั๋ว โซเชียลมีเดียของจีนไปเรียบร้อยแล้ว
ชาวเน็ตจีนต่างนำเอาท่าเต้นของแอนนาเบล มาเปรียบเทียบกับท่าของลิซ่าของแบล็กพิงค์ เปรียบเปรยไปถึงท่าเต้นแบบริอันน่า ด้วยพื้นฐานบัลเลต์ กับการออกแบบท่าเต้นสมัยใหม่ รวมทั้งเนื้อร้องภาษาอังกฤษในซิงเกิลแรกนี้ จะทำให้ลูกเศรษฐีนักศึกษาฮาร์วาร์ด ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงอย่างงดงามหรือไม่?
ซิงเกิล Backfire ออกมาเมื่อกลางเดือนมกราคม พร้อมกับวิดีโอสารคดีสุดฮอต ความยาว 17 นาที เรื่อง Breaker เล่าที่มาที่ไปของทายาทหัวเว่ยในการกระโจนเข้าสู่วงการบันเทิง
ในช่วงต้นสารคดีพูดถึงที่มาของฉายา ‘เจ้าหญิงหัวเว่ย’ ก่อนที่จะมาเป็นนักร้อเพลงป็อป โดยหลายๆ คนอาจจะรู้อยู่แล้วว่า แอนนาเบล เป็นนักบัลเลต์ที่มากความสามารถ และมักจะได้แสดงในบท ‘เจ้าหญิง’ เสมอ
ในวิดีโอเปิดเผยคลิปขณะที่เธอเป็นบัลเลต์ลีน่า ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นชุดมินิสเกิร์ต และบูตยาวถึงเข่า ส่วนท่าเต้นก็เปลี่ยนเป็นร่วมสมัย
แอนนาเบล ปรากฏกายในมิวสิกวิดีโอเพลง Backfire ในชุดแจ็กเกตสไตล์บัลแม็งสีดำ และรองเท้าบูตส้นเข็ม ซึ่งเจ้าตัวยอมรับเองว่าเป็นการแต่งตัวที่เวอร์วังกว่าตัวจริงๆ ของเธอไปมาก
วิดีโอแนะนำตัวพ่วงซิงเกิลแรก กลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมออนไลน์ในจีนอย่างรวดเร็ว ทั้งแพลตฟอร์มเว่ยปั๋วและติ๊กต็อก เพียงไม่กี่วันก็มียอดคนดูเป็นล้านๆ วิว
บัณฑิตวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพิ่งเซ็นสัญญากับทีเอช เอนเตอร์เทนเมนต์ ค่ายเดียวกับศิลปินอย่าง ฉีเว่ย และอารีฟ ระห์มาน ในวันเกิดครบ 23 ปีของเธอเมื่อ 14 มกราคมที่ผ่านมา โดยแอนนาเบลยังมีสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้รถอเนกประสงค์รุ่นล่าสุดของค่ายรถยนต์จีน เกรท วอลล์ มอเตอร์สอีกด้วย
ชาวเน็ตจีนเห็นว่า เนื้อหาในเพลงซิงเกิลแรก สะท้อนบุคลิกจริงๆ ของแอนนาเบล ไม่ว่าจะเป็นตรงที่ร้องว่า “ฉันจะทลายภาพลักษณ์เดิมๆ ที่ทุกคนเคยเห็น และสร้างตำนาน ‘เจ้าหญิง’ ในแบบของตัวเอง” หรือ “การไม่ทำตามกฎคือสไตล์ของฉัน”
ขณะที่ในส่วนของสารคดีสั้น มีคอมเมนต์ที่แตกต่างกันไปหลายหลาก บ้างก็ว่า แอนนาเบล ช่างกล้าที่จะเลือกเดินเข้าสู่วงการบันเทิง แทนที่จะนั่งสบายๆ เป็นคุณหนูลูกมหาเศรษฐี อีกฝ่ายก็ว่า การที่เธอก้าวเข้ามามีผลงานเพลงได้ก็ต้องขอบคุณที่มีครอบครัวที่ร่ำรวยนั่นแหละ
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นอย่าง “น่าเอามาเป็นริงโทนใหม่ของโทรศัพท์หัวเว่ยนะ” บ้างก็บอกว่าเธอก็อปสไตล์การเต้นของลิซ่าวงแบล็กพิงค์ และริอันน่า บางส่วนก็วิจารณ์เนื้อเพลงที่ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ จนถึงกับฟังไม่ออกตอนที่แอนนาเบลร้องเป็นภาษาจีนตรงตอนกลางๆ ของเพลง ซึ่งเธออธิบายว่า เพราะต้องการขายในตลาดนานาชาติด้วย
เจ้าหญิงหัวเว่ย ยังได้โพสต์ลงในหน้าเพจเว่ยปั๋วของตัวเองว่า “ในฐานะนักร้องหน้าใหม่ ฉันขอบคุณคำติชมทุกความคิดเห็น คำวิจารณ์เหล่านี้จะเป็นแรงขับให้ฉันก้าวหน้าในอาชีพ และสัญญาว่าจะพัฒนาตัวเองและผลงานให้ดียิ่งขึ้น”
ก่อนหน้านี้ แอนนาเบล เพิ่งจะเปิดตัวอย่างงดงามในฐานะนักบัลเลต์ในงาน เลอ บัล เดส์ เดบูต็องต์ ที่กรุงปารีส ในปี 2018 ซึ่งเธอได้เต้นคู่กับเคานต์กาสปารด์ เดอ ลิมเบิร์ก-สตีรุม จากเบลเยียม
แอนนาเบล ให้สัมภาษณ์เสมอเกี่ยวกับความฝันอยากเป็นนักร้องนักแสดง “ฉันก็อยากที่จะทำงานหาเงินด้วยตัวเอง แบบที่คนทั่วไปเขาทำๆ กัน ตอนนี้ฉันก็เรียนจบแล้ว และเข้าใจว่าตัวเองต้องการจะทำอะไรในชีวิต
“ฉันรู้ว่าตัวเองอาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์มากมาย ซึ่งฉันจะพยายามให้มากขึ้นเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด การเป็นนักบัลเลต์สอนฉันในเรื่องนี้ เราต้องขยันฝึกฝนเท่านั้นถึงจะสำเร็จได้”
