xs
xsm
sm
md
lg

3 เซเลบเปิดตู้สะสมกระเป๋าแบรนด์หรู กว่าจะสอยมาได้หมดไปหลายล้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จะเกิดอะไรขึ้น? เมื่อกระเป๋าหนังซูเปอร์แบรนด์ที่มีราคาแพงระดับโลกได้กลายมาเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายไปเสียแล้ว เพราะเซเลบคนดังในเมืองไทยหลายคนต่างเลือกใช้กระเป๋าซูเปอร์แบรนด์ระดับโลกตามฐานะกันเบาๆ แต่ถ้าใครมีไว้ครอบครองเพียง 2-3 ใบ ไม่ต้องมาพูดให้เสียเวลา เพราะมีเซเลบคนคลั่งกระเป๋าแบรนด์เนม มีกระเป๋าไว้ในความครอบครองไม่ต่ำกว่า 10 ใบขึ้นไป ที่สำคัญกว่าจะได้กระเป๋าแต่ละใบมาครอบครองได้นั้น มีเงินอย่างเดียวใช่ว่าจะซื้อได้


ในถึงแวดวงเซเลบแห่งวงการแฟชั่นคงไม่มีใครไม่รู้จัก แฟชั่นไอคอน อย่าง “ออ-อดิศัย กุญชร ณ อยุธยา” ลูกค้าระดับท็อปสเปนเดอร์ของซูเปอร์แบรนด์ดังระดับโลก คริสเตียน ดิออร์ (Christian Dior), อีฟ เเซง โลรองต์ (Yves Saint Laurent) และโลเอเว่ (LOEWE) ซึ่งแน่นอนว่ากระเป๋าที่เขาสะสมไว้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น 3 แบรนด์หรูนี้อย่างแน่นอน

“ผมเริ่มจากการสั่งซื้อเสื้อผ้าของแบรนด์เหล่านี้ก่อน และเมื่อมีเสื้อผ้าแล้วเพื่อให้เกิดความมิกซ์แอนด์แมตช์ เลยสั่งกระเป๋าที่เป็นแบรนด์เดียวกับเสื้อผ้าเสียเลย เพื่อให้มีความกลมกลืนกัน เผลอแป๊บเดียวกลายเป็นว่าเราติดใจกระเป๋าแบรนด์เนมเหล่านี้มาถึง 20 ปีแล้ว” ออเริ่มต้นเล่าถึงแรงบันดาลใจที่กลายเป็นคอลเลกเตอร์กระเป๋าแบรนด์เนม

แม้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ออจะไม่ได้บอกตัวเลขเป๊ะๆ ให้ฟังว่าสะสมกระเป๋าไว้แล้วกี่ใบ แต่เจ้าตัวก็ตอบด้วยน้ำเสียงสดใสว่ามีไม่ถึงร้อยใบ แค่หลักสิบบวกๆ และแต่ละใบที่กว่าจะได้มานั้นต้องรอนานถึงครึ่งปี หรือเกือบปีเลยก็ว่าได้


“เริ่มซื้อสะสมไปเรื่อยๆ เช่น เวลาไปชมแฟชั่นโชว์ของ คริสเตียน ดิออร์ แล้วเห็นว่ากระเป๋าสวยถูกใจก็สั่งซื้อเลย บางรุ่นใช้เวลาอยู่เป็นเดือนกว่าจะได้ ยิ่งถ้ารุ่นไหนเป็นลิมิเต็ดจริงๆ ก็จะใช้เวลานานเกือบครึ่งปี โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต้องใช้เวลารอกระเป๋าเกือบปี เพราะมีปัญหาเรื่องการขนส่ง”

เมื่อถามว่ากระเป๋าที่ซื้อมาแพงสุดอยู่ที่ใบละเท่าไหร่ เขาตอบด้วยน้ำเสียงสดใสว่า กระเป๋าดิออร์หนังจระเข้ใบละ 140,000 บาท

“กระเป๋าดิออร์รุ่นนี้ที่ผมซื้อมามีเพียงใบเดียวในประเทศไทย และในเอเชียเท่านั้น ด้วยความที่เราเป็นท็อปสเปนเดอร์ของแบรนด์นี้อยู่แล้ว พอเห็นกระเป๋าใบนี้เหมือนมีชะตาต้องกัน จึงรีบสั่งกับผู้จัดการแบรนด์ประจำภาคทันที และยิ่งรู้ว่าใบนี้มีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย ยิ่งรู้สึกถึงคุณค่าและยิ่งต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี”


ขณะที่เซเลบสาวเจ้าแม่แบรนด์เนม “แก้ว-ปัทม์ บุญเดช” ที่ออกปากว่าในชีวิตนี้รักและถูกใจกระเป๋าอยู่เพียงสองแบรนด์ อย่าง แอร์เมส (HERMES) และหลุยส์ วิตตอง (LOUIS VUITTON) เท่านั้น ทุกวันนี้ตู้เก็บกระเป๋าเต็มไปด้วยแอร์เมสรุ่นลิมิเต็ดไม่ต่ำกว่า 30 ใบ รวมทั้งหลุยส์วิตตองอีกไม่ต่ำกว่า 20 ใบ ซึ่งเธอให้เหตุผลไว้ว่าถูกใจในความคลาสสิก และซื้อไว้เพื่อการลงทุน

“ที่เลือกซื้อแอร์เมสเพราะเป็นกระเป๋าที่ดูสวยคลาสสิกตลอดกาล แม้ผ่านไปสัก 10-20 ปีก็ยังสามารถใช้ได้อยู่ในบางรุ่น ที่สำคัญเมื่อเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง กระเป๋าบางรุ่นของแอร์เมสสามารถขายได้ในราคาที่แพงกว่าที่ซื้อมาด้วยซ้ำไป ส่วน หลุยส์ วิตตอง เป็นกระเป๋ารูปทรงคลาสสิกสามารถหยิบมาใช้ได้ง่ายในชีวิตประจำวัน จึงชอบสองแบรนด์นี้มากที่สุด”

สำหรับกระเป๋าแอร์เมสรุ่นที่แก้วมีไว้ในครอบครอง ราคาแพงสุดและหายากสุดเท่าที่มีมา คือ Hermes Birkin รุ่นหิมาลายา เพราะตอนที่เธอซื้อมาราคาใบละล้านกว่าบาท แต่ปัจจุบันราคาพุ่งสูงถึงใบละ 5 ล้านบาทแล้ว และกว่าที่เธอจะได้กระเป๋าใบนี้มาครอบครองก็ไม่ง่าย ใช่ว่าจะมีเงินล้านแล้วจะรูดกระเป๋าออกมาได้ง่ายๆ ต้องทำให้เจ้าของแบรนด์เชื่อใจก่อนว่ามีคุณสมบัติเพียงพอในการเป็นผู้ครอบครอง


“ตอนที่ซื้อกระเป๋าเบอร์กิน แอร์เมส รุ่นหิมาลายานั้น ราคาใบละล้านกว่าบาท ทางแอร์เมสเขามีเงื่อนไขว่าเราต้องใช้ของตกแต่งบ้านของแอร์เมสเสียก่อน โต๊ะ เก้าอี้ ภายในบ้านต้องเป็นแอร์เมสทั้งหมด ตอนนั้นกว่าจะได้เบอร์กินใบนี้มา เราต้องลงทุนซื้อของตกแต่งบ้านแบรนด์แอร์เมสไปอีกประมาณ 9 แสนบาท แต่พอได้มาเป็นเจ้าของก็รู้สึกว่าคุ้มค่ามาก เพราะตอนนี้ราคากระเป๋าใบนี้เขาขายกันอยู่ที่ใบละ 5 ล้านบาท”

แม้จะรักแอร์เมสมากเพียงใดก็ตาม แต่กระเป๋าในดวงใจที่สาวแก้วรักและภูมิใจสุดๆ ที่มีไว้ในครอบครอง คือ กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง รุ่นหัวใจ ที่มีเพียง 8 ใบในเมืองไทย แม้ราคาจะเพียงใบละ 60,000 บาท แต่ก็มีคุณค่าทางจิตใจไม่น้อย

“อย่างที่บอกว่าชอบกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง เพราะใช้ได้เกือบทุกกิจกรรมก็ว่าได้ ล่าสุดเขามีคอลเลกชันใหม่เป็นกระเป๋ารูปทรงหัวใจใบเล็กๆ ที่มีวางขายในประเทศไทยแค่ 8 ใบเท่านั้น แต่กว่าเราจะได้ใบนี้มาก็ต้องซื้อเครื่องประดับของหลุยส์ วิตตอง เสียก่อน ซึ่งเราก็จัดเต็มทุกอย่างเพื่อให้ได้ใบนี้มาครอบครอง และตอนนี้ไม่ว่าจะไปไหนในวันสบายๆ ก็จะใช้ใบนี้ตลอด”


แก้วยังบอกต่ออีกว่า ไม่อยากให้ทุกคนมองว่าการที่ตัวเองสะสมกระเป๋าแบรนด์เนมไว้เยอะๆ นั้น เป็นการอวดรวย ซึ่งความจริงแล้วการลงทุนซื้อเบอร์กิน แอร์เมส ก็คือการลงทุนไว้เก็งกำไรในระยะยาวอีกประเภทหนึ่ง

“แอร์เมสบางรุ่นจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 10 ปี พอใช้ไปสัก 7-8 ปีแล้วเราพร้อมที่จะส่งต่อให้คนอื่น แม้จะได้กำไรจากที่เราซื้อไปนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะเราเองก็ได้ใช้แล้ว หรือเบอร์กินบางรุ่นผ่านมา 5 ปี ราคาขึ้นจากเดิมที่เคยซื้อเป็นเท่าตัว ทุกอย่างอยากให้มองว่ามันคือการลงทุนมากกว่าการใช้เงินฟุ่มเฟือย”


ขณะที่ เจ้าแม่แอร์เมสเมืองไทย “พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์” คุณหมอในแวดวงความงามของเซเลบคนดัง ผู้ซึ่งครอบครองแอร์เมสสองรุ่นยอดฮิตขั้นเทพ ทั้งเคลลี และเบอร์กิน คร่าวๆ ก็ราว 40 ใบ บอกว่าเป็นคนที่ชอบรูปทรงความสวยสง่างามของเบอร์กิน แอร์เมส ทุกใบ เหมือนกับคำกล่าวที่ว่าตกหลุมรักอย่างไม่มีเหตุผล รู้แค่เพียงว่ารักแอร์เมสก็เพียงพอ

“หมอชอบรูปทรงในความคลาสสิกของเบอร์กิน ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังคงมีความสวยงามนำสมัยอยู่ตลอดเวลา”

แม้จะเป็นคนชอบรูปทรงความคลาสสิกของเบอร์กิน แต่หากเป็นหนังนกกระจอกเทศ หนังลิซาร์ด หนังจระเข้ใบละเป็นล้านนั้น กลับไม่อยู่ในสายตาของเธอเลย


“หมอไม่ชอบลวดลายของหนังรุ่นนั้นค่ะ หมอชอบเบอร์กินสีสันน่ารักมากกว่า ทุกคนมีความชอบไม่เหมือนกัน หมอจึงเห็นด้วยกับคำว่า พระเจ้าสร้างมนุษย์ให้มีความสุขกับการเสพสุนทรียภาพ วินาทีนี้เบอร์กินคัลเลอร์ฟูลคือที่สุดของความสุขในการครอบครองก็พอแล้ว” คุณหมอคนสวยเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส

เพราะชอบสีสันสดใสของเบอร์กินอัน ซึ่งตรงกับบุคลิกผู้ครอบครองที่เต็มไปด้วยความสดใสของชีวิต คุณหมอคนสวยจึงสั่ง แอร์เมส รุ่นแคนดีคัลเลอร์เบอร์กิน มาพร้อมกัน 3 ใบรวด

“กว่าหมอจะได้กระเป๋ารุ่นนี้มาเลือดตาก็แทบกระเด็นส์ (คุณหมอขอเติมเอส) เพราะต้องออเดอร์กระเป๋ารุ่นนี้ล่วงหน้า 1 ปี และ (ต้อง) ซื้อแอ็กเซสซอรีในจำนวนเยอะมากๆ เช่น ผ้าพันคอ กำไล ไปล่วงหน้าก่อนในจำนวนเงินหลายๆ ล้านบาท เพื่อให้เราสามารถสั่งกระเป๋าในรุ่นนี้ทีเดียวได้ 3 ใบรวด เพราะรุ่นนี้ในเมืองไทยมีแค่ 10 ใบเท่านั้นค่ะ”


หมอของขวัญเล่าถึงเหตุผลการที่ยอมลงทุนซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงระดับโลกว่า มันคือการลงทุนอย่างหนึ่งนั่นเอง

“หมอไม่เคยซื้อกระเป๋าที่เมืองไทยเลย เพราะราคาสูงด้วยค่ะ เบอร์กินซื้อที่อเมริกา 3 แสนกว่าบาท ปารีสแค่ 2.5 แสนบาท ญี่ปุ่นแพงที่สุด 4 แสนนิดๆ ค่ะ แต่กว่าจะเอาออกจากชอปได้ก็เหมือนเมืองไทย คือต้องเหมาอานม้าออกมาสักหน่อย มูลค่ามันก็อยู่ในตรงนี้ด้วยค่ะ ที่กว่าจะได้มาแต่ละใบไม่ใช่เรื่องง่าย หมอเพิ่งปล่อยขายกระเป๋าแอร์เมส รุ่นเบอร์กิน ไซส์ 30 ในราคา 3 ใบ 1 ล้านบาทไปเมื่อเร็วๆ นี้เอง ที่เราขายไม่แพงเพราะกำลังใจจดใจจ่อกับการรอรุ่นใหม่อยู่ค่ะ” คุณหมอของขวัญปิดท้ายด้วยน้ำเสียงสดใส

Cr. doctorkatekate, adisaik519


กำลังโหลดความคิดเห็น