xs
xsm
sm
md
lg

เมลินดา เกตส์ - แม็กเคนซี เบซอส ร่วมระดมทุนสนับสนุนการไม่เหยียดผิว-เพศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สองมหาเศรษฐินี เมลินดา เกตส์ - แม็กเคนซี เบซอส รวมพลังคูณสอง ร่วมระดมทุนสนับสนุนการไม่เหยียดผิวและไม่เหยียดเพศ โดยตั้งเงินทุนไว้ถึง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปบริจาคให้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ที่ทำงานเพื่อช่วยให้ผู้หญิงที่ถูกกีดกันออกจากงานได้กลับเข้าทำงานตามความสามารถของพวกเธอ โดยเฉพาะผู้หญิงผิวสีที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมยิ่งกว่าผู้หญิงผิวขาวอีกระดับด้วย

เมลินดา เกตส์
โปรเจกต์ Equality Can't Wait Challenge เปิดโอกาสให้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกาทุกองค์กร ยื่นเสนอแผนงานที่จะช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงความไม่เท่าเทียม โดยตั้งประเด็นขึ้นมาในเรื่องที่ยืนของสตรีในสังคม แต่ละองค์กรจะมีแนวทางแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมอย่างไร

ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือจะนำมาตรฐานอะไรมาวัดประสบการณ์และความสามารถของผู้หญิงที่ไม่ใช่สีผิว ฐานะทางครอบครัว และเพศสภาพ (ผู้หญิงแท้ หรือเพศทางเลือก)

องค์กรใดที่มีไอเดียเจ๋งๆ และสามารถปฏิบัติได้จริง ก็จะสามารถแบ่งเงินทุนจำนวนดังกล่าวเพื่อไปดำเนินงานตามแผนได้เลย ซึ่งในการคัดเลือกจะต้องผ่านคณะกรรมการ รวมทั้ง เมลินดา เกตส์ กับแม็กเคนซี เบซอสด้วย งานนี้ ไพโวทัล เวนเชอร์ส บริษัทของเมลินดา เป็นผู้กระจายข่าว

เมลินดา เกตส์
การเปิดโอกาสให้องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเข้ามาแข่งกันเสนอโปรเจกต์ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการกุศลมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่มูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ประกาศเจตจำนงเอาไว้ในปี 2019 ที่จะสนับสนุนความเท่าเทียมกันทางสังคมระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ไม่เพียงในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่มูลนิธิฯ ได้เข้าไปสนับสนุนแนวคิดนี้ทั่วโลก

แม็กเคนซี เบซอส
ขณะที่ แม็กเคนซี เบซอส ก็ได้บริจาคเงินให้แก่องค์กรการกุศลมากมาย นับตั้งแต่ได้รับเงินจำนวนมหาศาลจากการหย่าขาดจาก เจฟฟ์ เบซอส อดีตสามีเจ้าของอาณาจักรแอมะซอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริจาคช่วยเหลือคนไร้บ้าน

“ความไม่เท่าเทียมกันทำให้อเมริกาแตกแยก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเชื้อชาติ สีผิว เพศสภาพ หรือฐานะทางสังคม สิ่งเหล่านี้จะไม่หมดไปถ้าเราไม่ช่วยกันแก้ไขทั้งระบบ” เมลินดา เกตส์ กล่าวด้วยว่า “โปรเจกต์นี้ต้องการหาแนวคิดที่จะรื้อความเชื่อแบบเดิมๆ และเติมพลังสนับสนุนความเท่าเทียมของผู้หญิงจากทุกระดับสังคม”

การระบาดของโคโรนาไวรัส ทำให้เราได้เห็นความไม่เท่าเทียมทางสังคมได้ชัดเจนขึ้น ทั้งเรื่องเชื้อชาติ สีผิว และความไม่เสมอภาคทางเพศ นักธุรกิจและคนทำงานส่วนใหญ่ก็ถูกบังคับให้ทำงานที่บ้าน หลายแห่งมีการเลย์ออฟพนักงาน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพนักงานสตรีจะตกเป็นเป้าก่อนพนักงานชาย

นอกจากนี้ เมื่อสถานเลี้ยงเด็กไม่สามารถเปิดได้ ผู้หญิงก็จะต้องตัดสินใจที่จะเลิกทำงานเพื่อจะมาดูแลลูก ทำให้พวกเธอไม่มีอิสระในการตัดสินใจที่เท่าเทียม เพราะต้องพึ่งพารายได้จากสามี

ผู้หญิงผิวสี มีโอกาสตกเป็นเป้ามากกว่าผู้หญิงผิวขาว ที่เป็นกลุ่มรองลงมา จากผลสำรวจล่าสุดของ ลีนอิน พบว่าผู้หญิงผิวสีถูกเลย์ออฟมากกว่าผู้ชายผิวขาวถึง 2 เท่าตัว และยังพบว่าพวกเธอมีปัญหาในการหารายได้มาจับจ่ายค่าเช่าบ้าน หรือซื้อสิ่งของที่จำเป็นในการดำรงชีวิตอีกด้วย

หลังจากการเสียชีวิตของอาห์โหมด โอบรีย์ จอร์จ ฟลอยด์ บรีออนนา เทย์เลอร์ และคนผิวสีคนอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการประท้วงไปทั่วสหรัฐฯ ในขณะนี้ มองในแง่ดีก็คือ ได้จุดประกายเรื่องการต่อต้านการเหยียดสีผิวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษขึ้นมา

แม็กเคนซี เบซอส
หลายๆ คนเคยเรียนเรื่องประวัติศาสตร์การต่อสู้ขอคนผิวสีในอดีต โดยเฉพาะ ความเจ็บปวดของผู้หญิงผิวดำ ตอนนี้พวกเขาต่างได้ประจักษ์ว่าเรื่องความอยุติธรรมเหล่านี้มีอยู่จริงๆ ความรุนแรงต่อคนผิวดำมีจริง ค่าแรงที่แตกต่างกันระหว่างเพศชาย เพศหญิง และเพศหญิงผิวสี ก็มีอยู่จริง เช่นเดียวกับระบบอื่นๆ ทางสังคมที่ผู้หญิงผิวสีถูกกีดกัน เช่นระบบคัดเลือกเข้าทำงาน และระบบสาธารณสุข เป็นต้น

“พวกคุณจะลดช่องว่างตรงนี้ได้อย่างไรที่จะให้แต่ละฝ่าย วิน-วิน กันทั้งคู่” แม็กเคนซี เบซอส ตั้งคำถาม “ประวัติศาสตร์ได้สอนพวกเราว่า เมื่อมีเสียงของความแตกต่าง ย่อมมีการตัดสินใจ และผลที่ได้รับจะต้องดีต่อทุกๆ คน”

“ตอนนี้ทุกคนมีโอกาสที่จะคิดวิธีแก้ไข เราจะได้ไอเดีย ได้ผู้นำความคิด ได้นักสร้างสรรค์สังคมหน้าใหม่ๆ ที่จะผลักดันไปสู่ความก้าวหน้า” เฮเวน ลีย์ กรรมการผู้จัดการของไพโวทัล เวนเจอร์ส กล่าวด้วยว่า ในความคิดของเธอ การเร่งให้เกิดพลังและแรงบันดาลใจในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงผิวสีนั้นก็จะช่วยให้ประเทศมีพลังและแรงบันดาลใจไปด้วย

“เหตุการณ์เหยียดสีผิวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ทำให้เกิดความกลัวและความเจ็บปวดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อในสังคม แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีแง่มุมของความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เราไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ให้ผ่านไป มาช่วยกันคิดหาไอเดียที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมของเราให้เสมอภาคดีกว่า เงินทุนรอทุกคนที่มีไอเดียดีๆ อยู่” เฮเวนกล่าว

สำหรับโปรเจกต์ Equality Can't Wait Challenge จะหมดเขตให้ส่งโครงการเข้ามาในวันที่ 22 กันยายนนี้ โดยจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับคัดเลือกให้ได้ทุนในต้นปี 2021


กำลังโหลดความคิดเห็น