พบกับอีกหนึ่งต้นแบบของแรงบันดาลใจ จาก EXPERIENCE THE 7 ที่คราวนี้มาในนิยาม The Individual กับความกล้าที่จะแตกต่างและฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อหาแบบฉบับของตัวเอง สร้างสไตล์อันโดดเด่นได้อย่างน่าชื่นชมในแบบคุณเต้ - ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์ และ คุณยุ่ย - พิสิฐ จงนรังสิน 2 ดีไซเนอร์คนเก่งผู้ก่อตั้งแบรนด์ Tube Gallery แบรนด์แฟชั่นไทยที่เป็นที่รู้จักในระดับโลก
โดย EXPERIENCE THE 7 แคมเปญดีๆ จาก BMW Thailand ที่สะท้อนให้เห็นถึงอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในสายเลือดของ BMW ผ่านทางบุคคลต้นแบบที่มีมุมมองในการใช้ชีวิตที่โดดเด่นไปคนละสไตล์ แต่ล้วนสามารถสร้างแรงบันดาลใจและสามารถชี้นำแนวทางในการใช้ชีวิตที่จะช่วยพัฒนาตนเองและสังคม
สำหรับดีไซเนอร์แล้ว สิ่งสำคัญที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าฝีมือในการดีไซน์นั่นคือความมีตัวตนและสไตล์ที่แตกต่าง “ถ้างานที่ทำออกมาแล้วมีคนพูดว่า สวยนะ! แต่ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่ งานนั้นจะด้อยค่าขึ้นมาทันที มันเกิดขึ้นมาแล้วกับตัวเรา เวลาเราทำงานมันจะต้องมีจุดที่ทุกคนมองมาแล้วเห็นเลยว่านี่แหล่ะคือเราเป็นตัวตนเราเป็นเอกลักษณ์ของเราเองจริง ๆ ฉะนั้นเราจะต้องทำให้คนเห็นให้ได้ว่า สิ่งนี้คืองานที่เกิดจากการ Creativity ที่แท้จริง นี่แหล่ะคือตัวตนที่แท้จริงของเรา” คุณเต้กล่าว
ดังนั้น 2 หนุ่มจึงปฏิเสธไม่ได้เลยถึงความสำคัญของคำว่า The Individual ที่ช่วยทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จมาจนถึงวันนี้ โดยเมื่อถามว่าทั้งคู่มีวิธีการหาความเป็นตัวตน ความเป็น Individual หรือแนวทางของตัวเองอย่างไรบ้าง
คุณเต้ตอบว่า “สำหรับผมมองว่าจริงๆ แล้วมันคงไม่มีวิธีการใดในการค้นหาตัวตนหรอก เพราะไม่อย่างนั้นมันคงมีคณะการเรียนการสอนวิธีค้นหาตัวตนยศาสตร์ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของเวลาที่ค่อยๆ เพาะบ่ม คำว่า “Individual” หรือ “ตัวตน” สำหรับเราทั้งคู่ เราใช้เวลากับมันพอสมควร เพราะเราไม่ได้เรียนมา อาศัยครูพักลักจำ อย่างเช่น ช่วงแรกของการทำให้เนื้องานออกมาน่าสนใจ น่าตื่นเต้น มันไม่เหมือนกันสักครั้ง เพราะพวกเรายังไม่เจอตัวตนของตัวเอง เหมือนศิลปินยุค 80’s 90’s ที่ออกเทปมา 6 - 7 เทปก็ยังไม่มีแกนของตัวเองเลยว่าจะเป็นแนวไหน จริงๆ แล้วมันคือเรื่องของเวลา”
ส่วนคุณยุ่ยบอกว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานของผมเลยคือ ทำในสิ่งที่เรารักและเชื่อมั่นในตัวตนของเราเอง เพราะถ้าเกิดเราไปลอกงานจากคนอื่น ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีความเป็นตัวตนของเราอยู่ ฉะนั้นถ้าเราทำในสิ่งที่เรารักและเราหาตัวตนของเราเจอเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราจะรู้ว่าเราจะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่นเขาได้”
กว่าจะตกผลึกถึงความเป็นตัวตนและค้นหาสไตล์ที่ใช่สำหรับแบรนด์ Tube Gallery ต้องผ่านวิธีคิดอย่างไร
“คำถามนี้เป็นคำถามที่เราเอาไว้ถามตัวเองอยู่ตลอดตั้งแต่เริ่มทำงานแรกๆ คงไม่มีอะไรจะช่วยเราไปได้มากกว่า กาลเวลา เรามีความฟุ้งซ่านมากในการทำงานจนทำให้เราหลุดออกนอกกรอบของตัวเองไปบ้าง และคนรอบข้างเนี่ยแหล่ะที่ค่อยบอกเราว่า ความฟุ้งซ่านอะไรของเราที่มันเวิร์ค แล้วอะไรที่เราฟุ้งซ่านแล้วมันไม่บ้า เพราะฉะนั้นเราก็เลยค่อยๆ ใช้กาลเวลาและคนรอบตัวค่อยๆ ปั้นตัวตนเราขึ้นมา”คุณเต้กล่าว
ส่วนคุณยุ่ยบอกว่า “สำหรับผมการที่จะทำงานพวกนี้ได้ สิ่งแรกที่สำคัญเลยคือเราต้องใจรักและทุ่มเทกับมัน เพราะไม่อย่างนั้นเราจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราจะทำมันคืออะไร การที่จะค้นหาตัวตนของเราเจอมันต้องใช้เวลาลองถูกลองผิดกับมัน เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้ใช้เวลาลองจับสิ่งที่ผิดมาทำให้มันถูก จนกลายเป็นผลงานขึ้นมาได้”
“Be yourself, everyone else is already taken” เป็นคติประจำใจของทั้งคู่ โดยคุณเต้ให้ความเห็นว่า “คำนี้มันใช่ มันถูกต้อง เพราะมันมากับการทำงานของพวกเรา เพราะเราทำเสื้อผ้า การเป็นดีไซน์เนอร์เราจะต้องรู้ว่าเราคือใคร เราคงเป็นได้เพียงแค่ตัวเองเนี่ยแหละ คงเป็นคนอื่นไปไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญคือ ความเชื่อมั่น และต้องรู้จักทั้งข้อดีและข้อเสียของตัวเอง แล้วเราต้องรู้ว่าเราจะทำยังไงให้ข้อดีมันเหนือกว่าข้อด้อย”
“และเราต้องเชื่อมั่นว่าเราทำได้ และเราจะทำมันให้ได้” คุณยุ่ยช่วยเสริม
สำหรับใครที่กำลังค้นหาตัวเองแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง เพราะถูกจำกัดอยู่ภายใต้กรอบความคิดของคนอื่นจนไม่สามารถทำในสิ่งที่เป็นตัวตนของตัวเองได้ ทั้งคู่ให้คำแนะนำดังนี้ว่า
“หนึ่ง ให้เวลากับตัวเองเพราะผมมองว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเรายังรับผิดชอบชีวิตตัวเองไม่ได้ การอยากเป็นตัวของตัวเองมากก็จะลำบากหน่อย ต้องให้เวลาเพื่อจะได้ตกตะกอนว่าวันหนึ่งที่เราเริ่มรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ เมื่อนั้นความเป็นตัวตนก็จะชัดเจนขึ้น สอง คือต้องเชื่อมั่นว่าเราเป็นคนอื่นไม่ได้ เราเป็นได้แค่ตัวเอง และสิ่งนี้แหละจะทำให้เรายืนอยู่ได้ยาว ๆ ในชีวิต”
“อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือความอดทน กว่าเราจะหลุดออกมาจากสิ่งที่ถูกล้อมเอาไว้ได้ต้องอาศัยความอดทนแล้วก็ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งนี้แหล่ะคุณทำได้ มันอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันเดียว เหมือนการสร้างกำแพงเมืองจีนมันไม่ได้เสร็จภายในวันเดียว มันอาจจะใช้เวลาเป็นพันปีหรือพันวันก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าคุณทำได้ แล้วคุณจะทำมันได้จนถึงจุดหมาย”
“อย่างเราทำแฟชั่นมาก็ถือว่านานพอสมควรแล้ว มีคนเก่งกว่าเราเยอะมากตั้งแต่เราทำงานมา คนนั้นเรียนจบจากที่นู่นที่นี่ คนนั้นทำเสื้อผ้าสวยจังเลย แต่เขาอาจจะไม่ได้มาอยู่ถึงวันนี้ เพราะอะไร เพราะเราไม่ได้สวยอย่างเดียว เราสวยแล้วเราทน เราต้องทน เราต้องมีความอดทน”
“เวลาเราทำโชว์ก็มักจะมีคนคอมเม้นว่างาน Tube Gallery เป็นอย่างนั้น อย่างนี้ เรารับฟังและเอาคำเหล่านั้นมาสร้างสรรค์เป็นผลงาน เอาพูดของเขาเหล่านั้นมาสร้างเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างงานที่เป็นตัวของเราที่ชัดเจน แล้วตอกย้ำกลับไปว่าเนี่ยแหล่ะเราทำได้”
คุณเต้กล่าวเสริมว่า ถึงข้อดีของการเป็นตัวเองให้ฟังว่า “ มันเป็นเรื่องคลาสสิคของทุกคน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ นึกอยากเป็นตัวเองแล้วจะเป็นได้เลย ทุกอย่างผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของเวลาและการตกตะกอนที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม กับสภาวะที่เหมาะสม ถ้าคุณมีโอกาสแล้วมีนัยยะที่การเป็นตัวของตัวเองแล้วนำพาให้คุณไปให้ไกลได้ คุณก็ทำ แต่ถ้ามันยังไม่ได้อยู่ในจุดที่เหมาะสมที่จะทำก็ไม่ต้องไปบีบคั้นตัวเองคุณจะไม่เจอมันหรอก มันต้องใช้เวลาต้องใช้การสะสมตกตะกอน มันซื้อขายกันก็ไม่ได้ บอกให้ใครทำก็ไม่ได้ มันคือตัวใครตัวมันจริงๆ”
ทั้งคู่กล่าวทิ้งท้ายเพื่อแป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากหาตัวเองให้เจอว่า
“ให้ใช้เวลากับตัวเอง ว่าตัวเองชอบอะไร ชอบอะไรก็ทำอย่างนั้น ชอบเที่ยวก็ไปเที่ยว ชอบอ่านหนังสือก็อ่านหนังสือ ชอบเล่นกีฬาก็ไปเล่นกีฬา ทำมันจนกว่าจะเจอ มันไม่มีทางที่จะได้มาง่าย ไม่มีใครขายให้คุณ คุณต้องไปหาเอาเอง” เต้ - ศักดิ์สิทธิ์ พิศาลสุพงศ์
“ถ้ามีความฝันก็ทำเลย อย่าให้ความฝันมันอยู่ได้แค่ในความคิด เพราะไม่อย่างนั้นคนอื่นจะวิ่งนำเราไปก่อน เราต้องทำมันออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อหาจุดยืนในสังคม” ยุ่ย - พิสิฐ จงนรังสิน