เจ้าพ่อไอที บิล เกตส์ เจ้าของอาณาจักรไมโครซอฟท์ที่ตอนนี้หันไปเอาดีทางด้านสาธารณสุข เปิดเผยกับวอลล์สตรีทเจอร์นัลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เขาเคยกล่าวเตือน โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับเรื่องโรคระบาดครั้งใหญ่มาตั้งแต่ปี 2016 ก่อนที่เขาจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเสียอีก
บิล เกตส์ บอกว่า เขาเห็นสัญญาณของหายนะแห่งโรคร้ายที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าขีปนาวุธนิวเคลียร์ ทำให้เขาต้องการทำหน้าที่ของพลเมืองที่ดี ขอเข้าพบ โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในปี 2016 ทุกราย เพื่อที่จะบอกเตือนใครก็ตามที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้นำประเทศ ว่าการหาทางจัดการด้านสาธารณสุขจะกลายเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่จะมาท้าทายการบริหารจัดการของพวกคุณ
มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ และองค์กรการกุศลบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ได้บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากโคโรนาไวรัสไปแล้วกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดในเมืองอู่ฮั่นของจีน มาจนถึงเมื่อศูนย์กลางของการระบาดของ COVID-19 ย้ายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา
บิล เกตส์ เล่าว่า เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2016 เขาได้เข้าพบกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทรัมป์ทาวเวอร์ ซึ่งตอนนั้นกำลังหาเสียงเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เขาได้พูดถึงการคาดการณ์ของเขาว่า ในอนาคตอันใกล้จะมีโรคระบาดร้ายแรงที่จะมาคร่าชีวิตของผู้คนจำนวนมาก และกระตุ้นให้โดนัลด์เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว หากเขาได้เป็นประธานาธิบดี เขาควรจะยกเรื่องระบบการจัดการด้านสาธารณสุขขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง
ในช่วงเวลาดังกล่าว บิล เกตส์ ได้มีการลงทุนทางด้านสุขอนามัยชุมชนไปบ้างแล้ว รวมทั้งการตั้งมูลนิธิบิล แอนด์ เมลินดา เกตส์ ขึ้นมา เพื่อให้การช่วยเหลือทางด้านสุขภาพ สำหรับประเทศในถิ่นทุรกันดารที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ โดยในปี 2015 บิล ก็เคยให้สัมภาษณ์ในรายการเท็ดทอล์กไปแล้วด้วยว่า ไวรัสจะกลายเป็นภัยคุกคามใหญ่ของโลก
“ถ้าจะมีอะไรก็ตามที่สามารถสังหารมนุษย์ได้เป็น 10 ล้านคนในช่วง 10 ปีถัดไปจากนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นเชื้อไวรัสมากกว่าสงคราม ไม่ใช่จรวดมิสไซล์แน่นอน แต่ต้องเป็นเชื้อโรค”
เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ยังบอกในรายการวันนั้นอีกว่า ทุกวันนี้หลายๆ ประเทศทุ่มเทเงินทองไปกับการปกป้องบ้านเมืองจากสงคราม แต่ลืมที่จะวางรากฐานทางด้านสาธารณสุขซึ่งนับว่าอยู่บนความเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บิล ยังกล่าวกับวอลล์สตรีทเจอร์นัลอีกว่า เขารู้สึกเสียใจที่ไม่ผลักดันรัฐบาลและเปิดเผยข้อกังวลในเรื่องโรคระบาดของเขาต่อสาธารณชนให้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม บิล ไม่ใช่คนเดียวที่ออกมาเตือนเรื่องโรคระบาดร้ายแรงที่จะมาคุกคามชีวิตของผู้คนจำนวนมาก สำหรับหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เองก็ระแคะระคายได้รับสัญญาณเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยที่ บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี และพยายามออกมาตั้งข้อสังเกตเช่นกัน
โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ทั้งก่อนและหลังการระบาดของโรค COVID-19 นับตั้งแต่การจัดสรรงบประมาณต่างๆ ด้านสาธารณสุข รวมทั้งความรับผิดชอบของหน่วยงานรัฐในการแจ้งเตือน ก่อนหน้าการเกิดโรค มาจนถึงการจัดการและการควบคุมโรคระบาดที่ล้มเหลวทุกขั้นตอน จนสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในโลก
สหรัฐอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางของการระบาดของโรค COVID-19 ด้วยตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว 1.3 ล้านราย และเสียชีวิตแล้วเกือบ 8 หมื่นคน