ท่ามกลางความโหดร้ายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายคนต้องตกงาน หรือถูกเลิกจ้างชั่วคราว อันเป็นผลพวงมาจากมาตรการต่างๆ แต่ในเรื่องร้ายๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะ คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดงที่คลอดลูกในช่วงนี้ เพราะนอกจากจะได้ของขวัญอันล้ำค่าแล้ว ยังจะมีเวลาได้อยู่ดูแลใกล้ชิดลูกน้อยตลอด 24 ชม. อันเป็นอีกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ เพราะโรคระบาดมีมาก็ต้องมีไป แต่ห้วงเวลาที่จะให้ความรักความผูกพันอันเป็นสายใยรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้สักวินาทีเดียว
คุณแม่มือใหม่จึงมาแชร์ประสบการณ์การดูแลทารกน้อยให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่หลายคนกำลังกังวลใจอยู่ในขณะนี้ด้วย
พอรู้ว่ากำลังจะมีทายาทมาสืบสกุล “เฟย์-อรชุมา ดุรงค์เดช” ก็แสนจะดีใจและตื่นเต้นเป็นที่สุด เหมือนฟ้าประทานของขวัญอันล้ำค่ามาให้ เพราะกว่าจะมีลูกน้อยมาให้เชยชมได้นั้น เจ้าตัวและสามีพยายามมาหลายวิธี ทั้งไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สุดท้ายความก้าวหน้าทางวิทยาการแพทย์ทำให้ทั้งคู่มีลูกน้อยมาเชยชมสมใจ
“ที่ผ่านมาเราพยายามที่จะมีลูกมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นจริงเป็นจัง แต่ปีนี้วัยเราเข้าหลักสี่แล้ว จึงต้องไปปรึกษาคุณหมอเพื่อที่จะมีทายาทอย่างจริงจังเสียที และสุดท้ายเราก็ใช้วิธี IVF (In-vitro Fertilization) ซึ่งเป็นการปฏิสนธิภายนอกร่างกายด้วยวิธีการฝังไข่ไปที่มดลูก และพอรู้ว่าลูกติดทั้งยังเป็นแฝดเราก็ตื่นเต้นระคนดีใจมาก และพอรู้ว่าเป็นแฝดหญิง-ชายก็ยิ่งเพิ่มความดีใจให้กับเราและครอบครัวไปอีกทวีคูณ”
ตลอดระยะเวลาของการอุ้มท้อง 9 เดือนของคุณแม่เฟย์ที่ว่ายากเย็นแสนเข็ญแล้ว แต่พอวันใกล้คลอดกลับมีเรื่องที่ทำให้ว่าที่คุณแม่ป้ายแดงมีความเครียดเข้าไปอีก เพราะช่วงครบกำหนดคลอด เป็นช่วงที่ทั่วโลกและประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พอดี แต่ด้วยความมั่นใจว่า 9 เดือนที่ผ่านมา เธอตั้งใจดูแลใส่ใจสุขภาพของตัวเองและลูกน้อยในครรภ์เป็นอย่างดี ประกอบกับมั่นใจในฝีมือของทีมแพทย์ที่ทำคลอด จึงคลายความกังวลใจทั้งหมดที่มีไปได้
“ช่วงไม่กี่สัปดาห์จะครบกำหนดคลอดก็แอบกังวลใจ เพราะช่วงเดือนกุมภาฯ ไวรัสโควิดเริ่มแพร่ระบาดเข้ามาในเมืองไทยแล้ว และเราคลอดช่วงเดือนมีนาคม ช่วงที่สถานการณ์เริ่มมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนั้นก็แอบเครียดและกังวล แต่คุณหมอที่ทำคลอดก็ให้กำลังใจตลอดเวลา ว่าทางโรงพยาบาลมีความสะอาดและปลอดภัย รับประกันว่าทารกที่คลอดมาไม่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แน่นอน ประกอบกับคุณหมอแนะนำว่าให้เราทำจิตใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ อย่ากังวล และพอถึงวันที่ต้องเข้าห้องคลอดจริงๆ วันนั้นก็มีสามี (ติ-ปิติพัฒน์ ปรีดานนท์) คอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เราจึงสบายใจหายกังวล คิดเพียงอย่างเดียวว่าขอให้ลูกออกมาปลอดภัยที่สุด”
คุณแม่ป้ายแดงเล่าวินาทีที่เห็นใบหน้าและเรือนร่างอันบอบบางของลูกแฝดชาย-หญิงทั้งคู่แล้ว น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“รู้เลยว่าอาการตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเป็นอย่างไร วินาทีที่เห็นลูกเปรียบเสมือนของขวัญชิ้นพิเศษ ที่เราต้องดูแลและทะนุถนอมให้ดีที่สุดในชีวิต”
ช่วงเวลาที่คลอดลูกแฝดทั้งสองนั้น เป็นช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะการแพร่ราะบาดของโรคโควิด-19 อย่างหนักพอสมควร ดังนั้น การดูแลลูกแฝดของคุณแม่เฟย์จึงให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
“ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่เฟย์พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ก็จะมีเพื่อนๆ หรือคนรู้จักกันมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล เราก็จะให้พยาบาลพาคุณป้าคุณน้าคุณลุงไปเยี่ยมน้องที่ห้องดูแลเด็กแรกเกิด ซึ่งก่อนที่ทุกคนจะไปเยี่ยมน้องนั้น ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลล้างมือทุกครั้ง และจะไม่มีการสัมผัสน้อง เพราะทุกคนจะได้เยี่ยมน้องผ่านกระจกใสของห้องดูแลเด็กแรกเกิด และเมื่อเวลาในห้องพักไม่มีใครมาเยี่ยมแล้ว เราก็จะให้พยาบาลพาลูกขึ้นมากินนมในห้องของเรา ซึ่งเฟย์คิดว่าเป็นวิธีที่ดีอีกทางหนึ่งในการป้องกันลูกจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้”
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่โรงพยาบาล ว่าดูแลเรื่องความสะอาดและอนามัยเป็นอย่างดีแล้ว พอถึงวันที่ต้องพาลูกแฝดกลับมาบ้าน คุณแม่เฟย์จัดการพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งบ้าน และคุมเข้มในเรื่องของความสะอาด มากกว่าที่โรงพยาบาลอีกเป็นเท่าตัว
“ช่วงที่เฟย์กลับมาพักฟื้นที่บ้าน เพื่อนๆ ก็ส่งของเยี่ยมมาให้แทนการมาเยี่ยมเรา บางคนก็ส่งข้อความมาแสดงความยินดีผ่านช่องทางต่างๆ ส่วนคุณตาคุณยาย เฟย์ สามี และแนนนี่พี่เลี้ยงลูก ก็ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนที่จะสัมผัสน้อง โดยเฉพาะแนนนี่ต้องใส่ชุดเอี๊ยมเหมือนพยาบาลใส่ที่โรงพยาบาลทุกกระเบียดนิ้ว และที่บ้านจะมีการพ่นโอโซนฆ่าเชื้อทุกวันทั้งเช้า-เย็น เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหรือคนในบ้านติดเชื้อไวรัสชนิดนี้”
ขณะที่ฟากฝั่งคุณพ่อป้ายแดงผู้ที่อยู่เคียงข้างภรรยามาโดยตลอด อย่าง ติ-ปิติพัฒน์ ที่ดูจะเห่อลูกแฝดชาย-หญิงมากกว่าใคร เปิดใจเล่าว่า แค่รู้ว่าจะมีน้องก็ดีใจที่สุดในชีวิตแล้ว และยิ่งวันที่ได้เห็นหน้าลูกแฝดยิ่งดีใจและตื้นตันใจเป็นที่สุด
“วันที่เขาคลอด ถึงแม้ว่าช่วงนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาโรคระบาดอย่างรุนแรง แต่วินาทีที่ผมได้เห็นหน้าลูกแล้ว ความกังวลใจทั้งหมดมันหายไป มีเพียงความคิดที่ว่า เราต้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตให้ได้”
คุณพ่อป้ายแดงเล่าว่า ในช่วงที่เราคิดว่าจะผ่านสถานการณ์รุนแรงแบบนี้ไปได้เช่นไร แต่พอเห็นหน้าลูกแล้ว สิ่งหนึ่งที่เขาต้องขอบคุณโรคระบาดนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีของชีวิตอีกช่วงหนึ่ง ที่เขาจะได้มีเวลาอยู่กับลูกน้อยตลอด 24 ชม.
“ในความโชคร้าย ผมมองว่าก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เข้ามาอยู่เสมอ เพราะช่วงนี้หลายคนได้หยุดทำงานอยู่ที่บ้าน เช่นเดียวกับผมที่ Work from Home มาตั้งแต่วันที่น้องคลอดจนถึงวันนี้ มันทำให้เราได้มีเวลาช่วยภรรยาดูแลลูกๆ อย่างเต็มที่ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงได้กลับมาเห็นหน้าลูกหลังเลิกงานเท่านั้น แต่ตอนนี้เวลาที่คุณเฟย์ป้อนนมน้องไม่ทัน ผมก็จะช่วยป้อนนมลูกอีกคน และหน้าที่อีกอย่างของผมคือ ช่วยอุ้มลูกเวลาให้น้ำนม ซึ่งเราทั้งคู่คิดว่าคงไม่มีช่วงไหนวิเศษเท่ากับการได้อยู่ได้เห็นพัฒนาการลูกน้อย 24 ชม.แบบนี้อีกแล้ว โรคมาแล้วเดี๋ยวก็ไป แต่การมีโอกาสได้ใกล้ชิด และดูแลลูกๆ แบบนี้ สำหรับคนเป็นพ่อผู้นำครอบครัวอย่างผม มันคือโอกาสเดียวที่ต้องเก็บเกี่ยวไว้ให้มากที่สุด”
ขณะที่คุณแม่มือใหม่ป้ายแดงอีกคนที่คลอดลูกในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดในเมืองไทย ซึ่ง “มิ้นท์-พัศญา จิรมณีกุล” ยอมรับว่าแอบกังวลนิดหน่อย แต่เพราะมั่นใจในฝีมือคุณหมอและทีมทำคลอด ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี
“แรกๆ ก็กังวลนิดหน่อย แต่เรามั่นใจในตัวคุณหมอและโรงพยาบาลว่ามีความเป็นมืออาชีพ สะอาดปลอดภัยแน่นอน และตอนที่คลอดน้องเราก็ไม่ได้บอกใคร มีเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันเท่านั้นจริงๆ ซึ่งเวลามีคนมาเยี่ยมลูกเรา ก็จะให้พยาบาลหรือสามีพาไปเยี่ยมน้องผ่านกระจกใสที่ห้องเนิร์สเซอรี ซึ่งทุกคนที่มาเยี่ยมก็ปฏิบัติตามหลักของความปลอดภัยทุกอย่าง ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยน้ำยาล้างมือ จากนั้นก็ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมืออีกครั้งหนึ่ง”
ด้วยความที่เป็นคุณแม่มือใหม่แถมลูกน้อยเกิดมาในช่วงโควิด-19 กำลังระบาด คุณแม่ป้ายแดงจึงต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยของลูกรักมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“ทันทีที่เราพาน้องกลับจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้าน ทุกคนในบ้านปฏิบัติตามกฎเว้นระยะห่างทางสังคมกันอย่างเคร่งครัด นอกจากจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือบ่อยๆ ทุกครั้งที่อุ้มน้องแล้ว เราจะไม่พาลูกออกนอกบ้านเลย ซึ่งตั้งแต่คลอดน้องจนถึงทุกวันนี้พาน้องออกนอกบ้านแค่เวลาไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล แล้วเราก็จะรีบพาน้องกลับบ้านทันที ซึ่งก็เป็นการป้องกันลูกที่จะได้รับเชื้อจากภายนอกอีกทางหนึ่ง ส่วนเพื่อนๆ เราก็จะพยายามบอกว่าเอาไว้ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสดีขึ้นแล้วค่อยมาเยี่ยมน้อง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ เพราะเด็กทารกแรกเกิดภูมิคุ้มกันน้อย มีความเสี่ยงสูงมากในการรับเชื้อจากภายนอกได้อย่างรวดเร็ว”
นอกจากนี้ มิ้นท์ยังแนะนำเทคนิคให้แก่ว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังจะให้กำเนิดทายาทช่วงนี้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากการมีจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว การให้ลูกกินนมแม่นั้นดีที่สุด เพราะในน้ำนมแม่จะมีเกราะป้องกันลูกน้อยจากเชื้อไวรัสต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
“ช่วงนี้ว่าที่คุณแม่ทุกคนต้องทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด ไม่วิตกกังวลต่อเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าจิตใจเรามีความวิตกกังวลก็จะส่งผลเสียถึงเด็กในท้อง เพราะจะไปกระตุ้นฮอร์โมนบางอย่าง ที่สำคัญเกราะที่ป้องกันอันตรายที่ดีที่สุดให้แก่ลูกคือ น้ำนมแม่ เราควรให้ลูกกินนมตัวเอง เพราะในน้ำนมแม่มีเม็ดเลือดขาวอันชาญฉลาด ซึ่งคุณหมอบอกว่าเม็ดเลือดขาวในน้ำนมแม่จะผลิตภูมิคุ้มกันชนิดต่างๆ มาต่อต้านกับเชื้อไวรัสทุกชนิด ซึ่งลูกที่กินนมแม่ก็จะมีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย” คุณแม่มือใหม่แนะนำปิดท้าย
คุณแม่มือใหม่จึงมาแชร์ประสบการณ์การดูแลทารกน้อยให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่หลายคนกำลังกังวลใจอยู่ในขณะนี้ด้วย
พอรู้ว่ากำลังจะมีทายาทมาสืบสกุล “เฟย์-อรชุมา ดุรงค์เดช” ก็แสนจะดีใจและตื่นเต้นเป็นที่สุด เหมือนฟ้าประทานของขวัญอันล้ำค่ามาให้ เพราะกว่าจะมีลูกน้อยมาให้เชยชมได้นั้น เจ้าตัวและสามีพยายามมาหลายวิธี ทั้งไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สุดท้ายความก้าวหน้าทางวิทยาการแพทย์ทำให้ทั้งคู่มีลูกน้อยมาเชยชมสมใจ
“ที่ผ่านมาเราพยายามที่จะมีลูกมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นจริงเป็นจัง แต่ปีนี้วัยเราเข้าหลักสี่แล้ว จึงต้องไปปรึกษาคุณหมอเพื่อที่จะมีทายาทอย่างจริงจังเสียที และสุดท้ายเราก็ใช้วิธี IVF (In-vitro Fertilization) ซึ่งเป็นการปฏิสนธิภายนอกร่างกายด้วยวิธีการฝังไข่ไปที่มดลูก และพอรู้ว่าลูกติดทั้งยังเป็นแฝดเราก็ตื่นเต้นระคนดีใจมาก และพอรู้ว่าเป็นแฝดหญิง-ชายก็ยิ่งเพิ่มความดีใจให้กับเราและครอบครัวไปอีกทวีคูณ”
ตลอดระยะเวลาของการอุ้มท้อง 9 เดือนของคุณแม่เฟย์ที่ว่ายากเย็นแสนเข็ญแล้ว แต่พอวันใกล้คลอดกลับมีเรื่องที่ทำให้ว่าที่คุณแม่ป้ายแดงมีความเครียดเข้าไปอีก เพราะช่วงครบกำหนดคลอด เป็นช่วงที่ทั่วโลกและประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พอดี แต่ด้วยความมั่นใจว่า 9 เดือนที่ผ่านมา เธอตั้งใจดูแลใส่ใจสุขภาพของตัวเองและลูกน้อยในครรภ์เป็นอย่างดี ประกอบกับมั่นใจในฝีมือของทีมแพทย์ที่ทำคลอด จึงคลายความกังวลใจทั้งหมดที่มีไปได้
“ช่วงไม่กี่สัปดาห์จะครบกำหนดคลอดก็แอบกังวลใจ เพราะช่วงเดือนกุมภาฯ ไวรัสโควิดเริ่มแพร่ระบาดเข้ามาในเมืองไทยแล้ว และเราคลอดช่วงเดือนมีนาคม ช่วงที่สถานการณ์เริ่มมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ช่วงนั้นก็แอบเครียดและกังวล แต่คุณหมอที่ทำคลอดก็ให้กำลังใจตลอดเวลา ว่าทางโรงพยาบาลมีความสะอาดและปลอดภัย รับประกันว่าทารกที่คลอดมาไม่มีโอกาสติดเชื้อไวรัสชนิดนี้แน่นอน ประกอบกับคุณหมอแนะนำว่าให้เราทำจิตใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ อย่ากังวล และพอถึงวันที่ต้องเข้าห้องคลอดจริงๆ วันนั้นก็มีสามี (ติ-ปิติพัฒน์ ปรีดานนท์) คอยให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เราจึงสบายใจหายกังวล คิดเพียงอย่างเดียวว่าขอให้ลูกออกมาปลอดภัยที่สุด”
คุณแม่ป้ายแดงเล่าวินาทีที่เห็นใบหน้าและเรือนร่างอันบอบบางของลูกแฝดชาย-หญิงทั้งคู่แล้ว น้ำตาแห่งความตื้นตันก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“รู้เลยว่าอาการตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นเป็นอย่างไร วินาทีที่เห็นลูกเปรียบเสมือนของขวัญชิ้นพิเศษ ที่เราต้องดูแลและทะนุถนอมให้ดีที่สุดในชีวิต”
ช่วงเวลาที่คลอดลูกแฝดทั้งสองนั้น เป็นช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับภาวะการแพร่ราะบาดของโรคโควิด-19 อย่างหนักพอสมควร ดังนั้น การดูแลลูกแฝดของคุณแม่เฟย์จึงให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ
“ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่เฟย์พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ก็จะมีเพื่อนๆ หรือคนรู้จักกันมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล เราก็จะให้พยาบาลพาคุณป้าคุณน้าคุณลุงไปเยี่ยมน้องที่ห้องดูแลเด็กแรกเกิด ซึ่งก่อนที่ทุกคนจะไปเยี่ยมน้องนั้น ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลล้างมือทุกครั้ง และจะไม่มีการสัมผัสน้อง เพราะทุกคนจะได้เยี่ยมน้องผ่านกระจกใสของห้องดูแลเด็กแรกเกิด และเมื่อเวลาในห้องพักไม่มีใครมาเยี่ยมแล้ว เราก็จะให้พยาบาลพาลูกขึ้นมากินนมในห้องของเรา ซึ่งเฟย์คิดว่าเป็นวิธีที่ดีอีกทางหนึ่งในการป้องกันลูกจากการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้”
ช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่โรงพยาบาล ว่าดูแลเรื่องความสะอาดและอนามัยเป็นอย่างดีแล้ว พอถึงวันที่ต้องพาลูกแฝดกลับมาบ้าน คุณแม่เฟย์จัดการพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งบ้าน และคุมเข้มในเรื่องของความสะอาด มากกว่าที่โรงพยาบาลอีกเป็นเท่าตัว
“ช่วงที่เฟย์กลับมาพักฟื้นที่บ้าน เพื่อนๆ ก็ส่งของเยี่ยมมาให้แทนการมาเยี่ยมเรา บางคนก็ส่งข้อความมาแสดงความยินดีผ่านช่องทางต่างๆ ส่วนคุณตาคุณยาย เฟย์ สามี และแนนนี่พี่เลี้ยงลูก ก็ต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนที่จะสัมผัสน้อง โดยเฉพาะแนนนี่ต้องใส่ชุดเอี๊ยมเหมือนพยาบาลใส่ที่โรงพยาบาลทุกกระเบียดนิ้ว และที่บ้านจะมีการพ่นโอโซนฆ่าเชื้อทุกวันทั้งเช้า-เย็น เพื่อป้องกันไม่ให้น้องหรือคนในบ้านติดเชื้อไวรัสชนิดนี้”
ขณะที่ฟากฝั่งคุณพ่อป้ายแดงผู้ที่อยู่เคียงข้างภรรยามาโดยตลอด อย่าง ติ-ปิติพัฒน์ ที่ดูจะเห่อลูกแฝดชาย-หญิงมากกว่าใคร เปิดใจเล่าว่า แค่รู้ว่าจะมีน้องก็ดีใจที่สุดในชีวิตแล้ว และยิ่งวันที่ได้เห็นหน้าลูกแฝดยิ่งดีใจและตื้นตันใจเป็นที่สุด
“วันที่เขาคลอด ถึงแม้ว่าช่วงนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาโรคระบาดอย่างรุนแรง แต่วินาทีที่ผมได้เห็นหน้าลูกแล้ว ความกังวลใจทั้งหมดมันหายไป มีเพียงความคิดที่ว่า เราต้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตให้ได้”
คุณพ่อป้ายแดงเล่าว่า ในช่วงที่เราคิดว่าจะผ่านสถานการณ์รุนแรงแบบนี้ไปได้เช่นไร แต่พอเห็นหน้าลูกแล้ว สิ่งหนึ่งที่เขาต้องขอบคุณโรคระบาดนี้ ก็เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดีของชีวิตอีกช่วงหนึ่ง ที่เขาจะได้มีเวลาอยู่กับลูกน้อยตลอด 24 ชม.
“ในความโชคร้าย ผมมองว่าก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เข้ามาอยู่เสมอ เพราะช่วงนี้หลายคนได้หยุดทำงานอยู่ที่บ้าน เช่นเดียวกับผมที่ Work from Home มาตั้งแต่วันที่น้องคลอดจนถึงวันนี้ มันทำให้เราได้มีเวลาช่วยภรรยาดูแลลูกๆ อย่างเต็มที่ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงได้กลับมาเห็นหน้าลูกหลังเลิกงานเท่านั้น แต่ตอนนี้เวลาที่คุณเฟย์ป้อนนมน้องไม่ทัน ผมก็จะช่วยป้อนนมลูกอีกคน และหน้าที่อีกอย่างของผมคือ ช่วยอุ้มลูกเวลาให้น้ำนม ซึ่งเราทั้งคู่คิดว่าคงไม่มีช่วงไหนวิเศษเท่ากับการได้อยู่ได้เห็นพัฒนาการลูกน้อย 24 ชม.แบบนี้อีกแล้ว โรคมาแล้วเดี๋ยวก็ไป แต่การมีโอกาสได้ใกล้ชิด และดูแลลูกๆ แบบนี้ สำหรับคนเป็นพ่อผู้นำครอบครัวอย่างผม มันคือโอกาสเดียวที่ต้องเก็บเกี่ยวไว้ให้มากที่สุด”
ขณะที่คุณแม่มือใหม่ป้ายแดงอีกคนที่คลอดลูกในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดในเมืองไทย ซึ่ง “มิ้นท์-พัศญา จิรมณีกุล” ยอมรับว่าแอบกังวลนิดหน่อย แต่เพราะมั่นใจในฝีมือคุณหมอและทีมทำคลอด ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี
“แรกๆ ก็กังวลนิดหน่อย แต่เรามั่นใจในตัวคุณหมอและโรงพยาบาลว่ามีความเป็นมืออาชีพ สะอาดปลอดภัยแน่นอน และตอนที่คลอดน้องเราก็ไม่ได้บอกใคร มีเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันเท่านั้นจริงๆ ซึ่งเวลามีคนมาเยี่ยมลูกเรา ก็จะให้พยาบาลหรือสามีพาไปเยี่ยมน้องผ่านกระจกใสที่ห้องเนิร์สเซอรี ซึ่งทุกคนที่มาเยี่ยมก็ปฏิบัติตามหลักของความปลอดภัยทุกอย่าง ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือด้วยน้ำยาล้างมือ จากนั้นก็ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมืออีกครั้งหนึ่ง”
ด้วยความที่เป็นคุณแม่มือใหม่แถมลูกน้อยเกิดมาในช่วงโควิด-19 กำลังระบาด คุณแม่ป้ายแดงจึงต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยของลูกรักมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว
“ทันทีที่เราพาน้องกลับจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้าน ทุกคนในบ้านปฏิบัติตามกฎเว้นระยะห่างทางสังคมกันอย่างเคร่งครัด นอกจากจะต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือบ่อยๆ ทุกครั้งที่อุ้มน้องแล้ว เราจะไม่พาลูกออกนอกบ้านเลย ซึ่งตั้งแต่คลอดน้องจนถึงทุกวันนี้พาน้องออกนอกบ้านแค่เวลาไปฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล แล้วเราก็จะรีบพาน้องกลับบ้านทันที ซึ่งก็เป็นการป้องกันลูกที่จะได้รับเชื้อจากภายนอกอีกทางหนึ่ง ส่วนเพื่อนๆ เราก็จะพยายามบอกว่าเอาไว้ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสดีขึ้นแล้วค่อยมาเยี่ยมน้อง ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ เพราะเด็กทารกแรกเกิดภูมิคุ้มกันน้อย มีความเสี่ยงสูงมากในการรับเชื้อจากภายนอกได้อย่างรวดเร็ว”
นอกจากนี้ มิ้นท์ยังแนะนำเทคนิคให้แก่ว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังจะให้กำเนิดทายาทช่วงนี้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากการมีจิตใจที่เข้มแข็งแล้ว การให้ลูกกินนมแม่นั้นดีที่สุด เพราะในน้ำนมแม่จะมีเกราะป้องกันลูกน้อยจากเชื้อไวรัสต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
“ช่วงนี้ว่าที่คุณแม่ทุกคนต้องทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียด ไม่วิตกกังวลต่อเรื่องราวร้ายๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าจิตใจเรามีความวิตกกังวลก็จะส่งผลเสียถึงเด็กในท้อง เพราะจะไปกระตุ้นฮอร์โมนบางอย่าง ที่สำคัญเกราะที่ป้องกันอันตรายที่ดีที่สุดให้แก่ลูกคือ น้ำนมแม่ เราควรให้ลูกกินนมตัวเอง เพราะในน้ำนมแม่มีเม็ดเลือดขาวอันชาญฉลาด ซึ่งคุณหมอบอกว่าเม็ดเลือดขาวในน้ำนมแม่จะผลิตภูมิคุ้มกันชนิดต่างๆ มาต่อต้านกับเชื้อไวรัสทุกชนิด ซึ่งลูกที่กินนมแม่ก็จะมีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย” คุณแม่มือใหม่แนะนำปิดท้าย
