การปรากฏตัวบนเวทีประกวดหนุ่ม CLEO BACHELORS 2016 ของ เป๊ก-เศรณี ชาญวีรกูล ทายาทรุ่น 3 แห่ง ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริง แอนด์ คอนสตรัคชัน เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดของเหล่าสาวๆ ด้วยบุคลิกโดดเด่นในวัย 20 ปี อีกทั้งแนวความคิดและวิถีชีวิตน่าสนใจยิ่งนัก ตั้งแต่เรื่องการใช้เงินและไลฟ์สไตล์ที่เก๋ไก๋ นี่คือคลื่นลูกใหม่ที่อาจเรียกได้ว่า กำลังก้าวเข้ามาเขย่าวงการเซเลบริตีเมืองไทยก็ว่าได้
เป๊ก-เศรณี เป็นลูกชายคนเล็กของ อนุทิน-สนองนุช ชาญวีรกูล ซึ่งถ้านับจาก ชวรัตน์ ชาญวีรกูล (ปู่) ผู้ก่อตั้ง ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริง แอนด์ คอนสตรัคชัน แล้ว เป๊ก ก็ถือเป็นทายาทรุ่น 3 ที่ถูกวางตัวให้มาสืบทอดธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอันดับต้นๆ ของไทย และแม้จะเป็นถึงลูกและหลานชายของนักธุรกิจ-การเมืองผู้มั่งคั่งชื่อดัง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหลงใหลหรือเห่อเหิมไปกับเงินทองที่มีมากมายของครอบครัว
เจ้าของร่างสูงโปร่งที่นั่งตรงหน้า เริ่มต้นบอกเรื่องราวการถูกอบรมเลี้ยงดูของเขาให้ฟังว่า นอกจากถูกสอนให้เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ กตัญญูรู้คุณแล้ว พ่อยังสอนให้รู้จักคุณค่าของเงินมาตลอด
“พ่อไม่เคยพูดว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ให้ลองผิดลองถูกเอง ตอนถูกส่งไปเรียนมัธยมที่อังกฤษใหม่ๆ ได้บัตรเครดิต 1 ใบ วงเงิน 1 แสน สำหรับเด็กในยุคนั้นถือว่าเยอะนะครับ เห็นอะไรอยากได้ก็รูดซื้อเต็มวงเงินตลอด พ่อก็ไม่ว่านะครับ จนผ่านไป 5 เดือน พ่อส่งบัตรเครดิตให้ใหม่ แล้วให้หักใบเก่าทิ้ง ผมก็นึกว่าใบใหม่วงเงินสูงกว่าเก่า หักเสร็จเอาไปใช้ปรากฏวงเงินใหม่มีแค่ 2 หมื่น แทบทรุดครับ โทร.ถามพ่อก็บอกเลยว่า เงินทุกบาทมีค่าพ่อหามาด้วยความลำบาก ขอเพิ่มก็ไม่ได้หลังจากนั้นซื้ออะไรก็ระมัดระวังมากขึ้น”
ประสบการณ์ครั้งนั้น เปลี่ยนเด็กชายที่เคยใช้ชีวิตสบายๆ ใช้เงินฟุ่มเฟือย ให้กลายเป็นคนรอบคอบ มีสติในการใช้เงินมากขึ้น ซึ่งเป๊กบอกว่า เป็นเรื่องดีที่ทำได้ไม่ยากเลย และทุกวันนี้ยังคงระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย โดยในแต่ละวันเขาใช้เงินแทบไม่ถึง 100 บาท
“ผมเรียนจุฬาฯ เอารถไปจอด 3 ชั่วโมงแรกฟรี หลังจากนั้นชั่วโมงละ 20 บาท ใช้เวลาเต็มที่ 5-6 ชั่วโมง ส่วนเกิน 40 บาท กินข้าวโรงอาหารมหาวิทยาลัยประมาณ 50 บาท เรียนเสร็จก็กลับบ้าน แต่ถ้าจะซื้อของก็ต้องอยากได้จริงๆ อย่างต้นปี ผมอยากได้รถยนต์เชฟโรเลต คามาโร่ บัมเบิลบี มาก! คิดแล้วคิดอีกแต่ไม่กล้าขอพ่อ เลยเอารถที่ใช้อยู่ไปตีราคา เต๊นท์ให้ 5.5 ล้าน แต่รถที่อยากได้ 6 ล้าน เลยเข้า-ออกเต๊นท์ไปโฆษณาขายรถทุกวัน จนมีอยู่เต๊นท์นึงใจอ่อนให้ราคา 7 ล้าน ผมก็ได้รถมาใช้ ส่วนอีกล้านนึงก็เอาไปคืนพ่อ” หนุ่มเป๊กกล่าว
และอย่างที่รู้กันดีว่า ในอนาคต เขาจะต้องเข้ามาสานต่องานของครอบครัว ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมของครอบครัวที่ทำธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ ที่จะมีตำราสอนลูกหลานเรื่องการทำงานแทบไม่ต่างกันเลยคือ การเคี่ยวกรำฝึกงานอย่างหนัก เป๊กก็เช่นกัน ในอีก 2 ปีข้างหน้าก่อนเรียนจบเศรษฐศาสตร์ อินเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขาต้องออกฝึกงานตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่แทนที่เขาจะฝึกในบริษัทของพ่อ เขากลับวางแผนไปฝึกงานบริษัทอื่นแทน
“อันนี้เป็นความตั้งใจทั้งของผม และคุณปู่กับคุณพ่อก็เห็นด้วย ท่านบอกตั้งแต่ต้นเลยว่า ให้ไปฝึกที่อื่น เพราะจะได้เรียนรู้ชีวิตการทำงานได้อย่างเต็มที่ หากฝึกที่นี่ผมคงไม่ได้อะไร เพราะทุกคนรู้ว่าผมคือ “เป๊ก” ซึ่งแน่นอนว่า คงไม่มีใครใช้ถ่ายเอกสารหรือหยิบจับอะไรแน่นอนครับ”
แม้ภารกิจการสานต่อธุรกิจครอบครัวจะยังเป็นเรื่องของอนาคต หากแต่เจ้าตัวก็ยอมรับว่า ถ้าถึงวันที่ต้องก้าวขึ้นมาทำงานจริงๆ เขาก็อดกังวลใจไม่ได้ว่า จะทำอย่างไรให้ธุรกิจที่ปู่และพ่อได้สร้างและทำไว้ดีแล้วนั้น ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปกว่านี้ได้อย่างไร
ชายหนุ่มหยุดยิ้มก่อนจะหยิบถ้วยน้ำชาตรงหน้าขึ้นจิบ แล้วพูดต่อถึงช่วงชีวิตที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนผ่านจากหนุ่มน้อยเป็นหนุ่มใหญ่ เตรียมเข้าสู่วัยทำงานว่า เป็นช่วงชีวิตที่เขาให้ความสำคัญมาก ซึ่งการเข้าประกวดหนุ่มคลีโอตามคำชักชวนของไฮโซรุ่นพี่ แหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ ก็ถือเป็นโอกาที่เหมาะสม โดยเชื่อว่าเวทีนี้จะช่วยให้เขาปรับตัวและได้รู้จักคนมากขึ้น
“เป๊กอาจเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบอะไรที่โหวกเหวก พอมาอยู่ตรงนี้ได้ปรับตัว ได้รู้จักเพื่อนๆ หลากหลาย ได้เห็นมิตรภาพตรงนี้มันอบอุ่น ถามว่าเป๊กหวังมั้ย ลึกๆ มันก็ต้องมีบ้าง รางวัลมันคือเกียรติประวัติอย่างหนึ่งในชีวิต ถ้าได้มาก็ดีนะครับ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่สำคัญกว่ารางวัล ซึ่งเป๊กได้มาแล้วคือ มิตรภาพและเพื่อนที่มากขึ้นครับ”
เรื่องราวการดำเนินชีวิตหลากหลายของหนุ่มเป๊ก ยังมีอีกมากนัก หากแต่พื้นที่ตรงนี้มีจำกัด และเมื่อถึงวันเวลาที่เหมาะสม คอลัมน์ The People Celeb online daily จะได้นำเรื่องสนุกๆ กับความสุขในการขับเครื่องบิน ไลฟ์สไตล์สุดเก๋ ที่เป๊กบอกเล่ากับเรา มาให้ได้อ่านกันอีกค่ะ
เรื่อง วรกัญญา สมพลวัฒนา
