หากเปรียบเป็นเมล็ดพันธุ์พืช “ผศ.ดร. ดนุวัศ สาคริก” ก็คงไม่ต่างจากเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยมที่เกิดมาพร้อมกับศักยภาพตามวงศ์วาน ทำหน้าที่ให้ความรู้ลูกศิษย์ลูกหา ในฐานะอาจารย์ประจำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอาจารย์พิเศษคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรวิทยากรหมายข่าวเจาะรอบโลก ทางนิวทีวี ช่องnew)tv 18 และรายการมือที่มองไม่เห็น ช่องฟ้าวันใหม่ ณ วันนี้เขาคือผู้ผสานสิ่งที่เขารักให้เป็นอาชีพและงานที่ยั่งยืนสำหรับตัวเอง
แม้ว่าครอบครัวไม่เคยตีกรอบว่า ต้องเป็นข้าราชการตามแบบอย่างบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา แต่ดีเอ็นเอที่แฝงฝังมาในร่างของ ผศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก นักวิชาการรุ่นใหม่คนนี้ดูจะมีเต็มเปี่ยม ในตอนเด็กๆ เขาก็เองก็มีความคิดไม่ต่างคนทั่วไปที่อยากทำงานบริษัท เมื่อเติบโตเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษ เขาจึงเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ ซึ่งพอดีตรงกับช่วงปี 2548 ที่สังคมไทยมีปัญหาเกี่ยวกับจริยธรรมนักการเมือง ทำให้มีการเคลื่อนไหว และเขาก็เข้าร่วมแชร์ประสบการณ์ด้านการเมืองภาคประชาชนด้วย
“ตรงนั้นทำให้เขาคิดอะไรได้หลายอย่าง กลับมาเมืองไทยก็มีโอกาสแสดงความเห็นทางวิชาการ รู้ตัวเลยชอบอิสระทางความคิด ก็คิดว่าอาชีพอาจารย์น่าจะเป็นสิ่งที่ตรงกับตัวผมมากกว่าที่จะไปทำงานเป็นพนักงานบริษัท ที่ต้องอยู่ในระบบ เพราะมันไม่สามารถแสดงออกทางความคิดได้” ดร.เบิร์ด เริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงชัดเจน
“ดนุวัศ” เข้าสู่เส้นทางการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พร้อมดีกรี ปริญญาตรี BSc.(Hons) Economics, University of Essex ปริญญาโท MSc. Economics, Finance, and Management, University of Bristol หลังจากนั้น ได้ออกไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอก PhD. Development Admistration ที่ NIDA และในขณะศึกษาปริญญาเอกก็ได้รับทุน Gradute Exchange Fellowship, School of Public and Environmental Affairs จาก Indiana University Bloomington
แต่เฉพาะปริญญาที่จบมา คงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาก้าวหน้าในวิชาชีพ จนได้เป็นอาจารย์ระดับแถวแนวหน้า ได้เท่ากับทัศนคติที่ดีในการทำงาน เพียงไม่นานเขา ก็ได้รับการทาบทามให้มาเป็นหัวหน้าสาขาวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต อินเตอร์ ก่อนจะข้ามมาสอนรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งตรงกับปริญญาเอกที่จบมา
“ผมมีความสุขนะครับ เป็นอาชีพที่ท้าทายและได้ทำประโยชน์ต่อสังคมด้วยการสอนหนังสือต้องสอนทั้งความรู้และพัฒนาความคิด รวมทั้งทัศนคติที่ดีที่ถูกต้องให้กับลูกศิษย์ มหาวิทยาลัยจะต้องเป็นแหล่งผลิตคนซึ่งมีพร้อมทั้งความรู้และความคิดที่ดี ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดในทุกๆ ด้าน แต่อย่างน้อยต้องเป็นคนดี ยิ่งรัฐประศาสนศาสตร์ที่ผมสอน ครอบคลุมทุกมิติของการบริหารงานภาครัฐที่ต้องคิดถึง “ประชาชน” โดยยึดหลักการจัดการที่ดี มีประสิทธิภาพ ประหยัดและมีความเป็นธรรมในสังคม ดังนั้น มันสำคัญในการสร้างคนและการพัฒนาประเทศครับ” ดนุวัศ เกริ่นนำถึงเนื้องานที่เขารับผิดชอบอยู่
น้ำเสียง แววตาและคำพูดที่ออกมานั้น ชัดเจนสะท้อนให้เห็นถึงความคิดและความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน ช่างไม่ผิดเพี้ยนจาก ศ.ระพี สาคริก อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เป็นปู่ และ พีระพงศ์ สาคริก อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังธรรม ผู้เป็นพ่อเลย ซึ่ง ดร.หนุ่มหล่อคนนี้ก็ยอมรับว่า อาจเป็นเพราะซึมซับแบบอย่างบุคคลทั้งสองมาตั้งแต่เด็ก
“จริงๆ แล้ว คุณปู่กับคุณพ่อแทบไม่ได้สอนอะไรมากนัก แต่ท่านมักจะให้ข้อคิดและที่สำคัญมากคือ การทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่เรื่องความรักชาติ ซื่อสัตย์ ขยัน ประหยัด ไม่เอาเปรียบคน ตรงนี้ท่านทำให้ผมเห็นไม่ใช่ 1-2 ครั้ง แต่ท่านทำเรื่อยๆ ผมเห็นมาตั้งแต่เด็กจนผมโต ท่านก็ยังเป็นแบบนี้ ทำให้ผมซึมซับติดเป็นนิสัย ทุกวันนี้ผมยึดหลักตรงนี้มาใช้กับลูกศิษย์ที่มหาวิทยาลัย เพราะเชื่อว่าแบบอย่างที่ดีสำคัญกว่าการสอน เพราะถ้าเราสอนเด็กให้ทำความดี แต่ตัวเราทำผิดเองมันก็ไม่ใช่แล้ว เด็กที่ไหนจะเชื่อฟัง”
เสน่ห์แห่งการคิดและพูดที่แคล่วคล่อง บวกกับหน้าตาที่หล่อเหลาราวพระเอกหนัง ทำให้ปัจจุบันนอกจากเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และนิด้าแล้ว ดนุวัศ ยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรวิทยากรประจำของหมายข่าวเจาะรอบโลก ทางนิวทีวี ช่อง new)tv 18 และรายการมือที่มองไม่เห็น ช่องฟ้าวันใหม่อีกด้วย ขณะเดียวกัน ก็ยังไปช่วยงานหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมาก ทำให้แต่ละวันคิวงานของดร.หนุ่มคนนี้ค่อนข้างแน่นเอี้ยด แต่ถ้าวันไหนเป็นวันหยุด เขาเลือกที่จะพักผ่อนด้วยการเข้าครัวทำอาหาร
“ผมมาเริ่มทำอาหารเป็นและทำทานเองมาตลอด ตอนช่วงที่อยู่อังกฤษครับ ตอนนั้นผมสนิทกับเพื่อนชาวฮ่องกง สิ่งที่เรา 2 คนมีเหมือนกันคือ เป็นคนชอบทานอาหารเหมือนกัน และบังเอิญว่าเพื่อนคนนี้ทำอาหารเก่ง เขาก็เลยสอนผมทำอาหารหลายอย่าง ความสุขอยู่ตรงที่ได้ลุ้นว่า ทำออกมาจะอร่อยมากมั๊ย กินได้หรือเปล่า พอทำแล้วคนชมก็ทำอาหารเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังทำอยู่ ทำให้ภรรยาทานด้วย อาทิตย์หนึ่งอย่างน้อย 2 วัน ที่ผมต้องเข้าครัวทำกับข้าว”
สำหรับอาหารจานโปรดของเขาคือ อาหารจีน ดังนั้น เมนูฮิตที่ ดนุวัศ บอกว่าชอบทำมากที่สุด และเมื่อทำทุกครั้งภรรยาจะชมและชอบมากที่สุด ต้องยกให้ “หมูแดง” โดยนำหมูมาหมักซอส ก่อนนำไปอบให้ได้ที่
รอยยิ้มและดวงตายามได้พูดเรื่องอาหารดูช่างสดใส ทำให้เรารู้สึกสนุกตาม และอดเสียดายเวลาในการพบปะทายาทนักวิชาการชื่อดังไม่ได้ และก่อนจากกัน ผศ.ดร.ดนุวัศ สาคริก ยังฝากถึงคนไทย โดยเฉพาะ เด็กรุ่นใหม่ว่าปัญหาความซับซ้อนทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ คอร์รัปชัน ความยากจน ปัญหาสังคม คุณภาพชีวิต และคุณภาพของคนจะหมดลงได้แน่หากพวกเราร่วมมือร่วมใจแก้ไขอย่างจริงจัง
เรื่อง วรกัญญา สมพลวัฒนา
ภาพ กัมพล เสนสอน