ปัญหาน้ำหนักเกินเป็นเรื่องหนักอกหนักใจของคนยุคนี้ โดยเฉพาะคนที่ยิ่งปล่อยให้อ้วนจนกลายเป็นที่มาของโรคเรื้อรังทั้งหลาย จนต้องหาวิธีลดน้ำหนัก แต่ไม่ว่าจะทั้งอดอาหาร ออกกำลังกาย ไดเอ็ททุกรูปแบบ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเข็มเครื่องชั่งจะกระดิกกลับหลัง การผ่าตัดด้วยการใช้บอลลูน (Gastric Balloon) จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลดน้ำหนักให้ได้ผล
นพ.วิศิษฎ์ เกษตรเสริมวิริยะ ศัลยแพทย์ทั่วไปและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่าตัดผ่านกล้องโรงพยาบาลพญาไท 2 เผยถึงนวัตกรรมการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยการใช้บอลลูน (Gastric Balloon) กล่าวว่า นวัตกรรมการลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด เพียงใส่บอลลูนผ่านทางช่องปากเข้าสู่กระเพาะอาหารเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน ไม่ใช่เพียงแต่ความสวยงามเท่านั้น ยังสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ มากมาย วิธีดังกล่าวนิยมใช้กันในต่างประเทศ เพื่อช่วยในการรักษาโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นจากภาวะน้ำหนักเกิน
“บอลลูนที่ใส่เข้าไปเป็นซิลิโคนที่ถือว่าเป็นวัสดุถูกผลิตมาโดยไม่เป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหาร โดยมีการเติมน้ำเข้าไปจำนวนเฉลี่ย 400 - 500 cc. จะทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลา และทำให้การบริโภคอาหารน้อยลงกว่าเดิม ส่วนใหญ่ระยะเวลาการใส่เฉลี่ยต่อรายประมาณ 6 เดือน - 1 ปีใน คนไข้ที่ได้ใส่บอลลูนไปแล้วน้ำหนักลดลงเฉลี่ยประมาณ 20 กิโลกรัม หากมีความประสงค์ต้องการถอดออกก่อนเวลาที่กำหนดก็สามารถทำได้”
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวต่อว่า การใช้บอลลูนเข้ามาช่วยในการลดน้ำหนักนั้นมีภาวะแทรกซ้อนเพียง 0.27% เมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดลดน้ำหนัก ที่มีภาวะแทรกซ้อนถึงประมาณ 7-9% ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนส่วนใหญ่ คือ จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้องในช่วงสัปดาห์แรกหลังใส่บอลลูนคนไข้บางรายอาจใช้วิธีดังกล่าวในการลดน้ำหนักลงมาก่อนการผ่าตัดลดน้ำหนักโดยศัลยแพทย์ หลังจากใส่บอลลูนแล้วนักโภชนาการจะเข้ามาแนะนำการบริโภคอาหาร และการปรับพฤติกรรมในการบริโภคเพื่อให้คนไข้สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างวินัยในการรับประทานอาหารหลังจากที่นำบอลลูนออกเมื่อครบกำหนด โดยส่วนใหญ่ในช่วง 1 เดือนแรก จะแนะนำรับประทานอาหารอ่อนๆ และรับประทานยาในกลุ่มลดการระคายเคืองของกระเพาะอาหารควบคู่ไปด้วย แพทย์ผู้ให้การรักษาจะมีการติดตาม เพื่อดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดและคอยให้คำปรึกษาและคำแนะนำทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อทำให้การรักษาเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
