โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
กล้วยไม่ค่อยขาดตลาดครับ ไม่ว่าจะฤดูไหนถ้าอยู่เมืองไทยก็พอจะหา กล้วย มาสนองความต้องการของกระเพาะได้
ไม่ว่าจะกล้วยน้ำว้าที่มีแทบทุกหน้า
กล้วยหอมที่หวานอร่อยกว่าหลายๆ ประเทศ
กล้วยไข่ในเทศกาลเข้าพรรษาที่จับมากินกับกระยาสารทแสนเข้ากัน
กล้วยเป็นอาหารสำคัญติดครัวคนไทยมาช้านาน การรับประทานกล้วยจึงเป็นเรื่องสามัญที่แทบจะอยู่ในสายเลือด
ในความรู้สึกจึงเห็นกล้วยเป็นผลไม้พื้นๆ
แต่ประโยชน์ของมันนั้นระดับพื้นหินอ่อนคาราร่าจากอิตาลีเลยนะครับ เพราะกล้วยเป็นเคล็ดลับแห่งสุขภาพในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องสำคัญต่อไปนี้
1) เลือดจาง
กล้วยเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ช่วยเติมธาตุเหล็กให้ร่างกายนำไปสร้าง “เม็ดเลือดแดง” โดยเฉพาะในส่วนที่ช่วยจับออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย (ฮีโมโกลบิน) โดยกล้วยเป็นคลังธาตุเหล็กสำคัญของผู้ที่รับประทาน “มังสวิรัติ” ด้วยครับ
2) สร้างสมอง
รวมถึงระบบประสาทในที่ต่างๆ ทั่วร่างกายครับ จากการที่กล้วยมี “วิตามินบี 6” ซึ่งส่วนหนึ่งจะช่วยเรื่องอารมณ์ในช่วง “มีประจำเดือน (PMS)” ให้ไม่แกว่งจนเกินไปนักจากการที่มันมีส่วนจัดการระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้พลังงานกำลังดีไม่มีอาการน้ำตาลต่ำ และบี 6 ยังจำเป็นต่อระบบประสาทด้วย
3) ป้องกันผูก
คุณสมบัติเด่นที่รู้กัน โดยประโยชน์ในการช่วยคลายผูกให้ลำไส้อยู่ที่พระเอกชื่อว่า “เพ็กติน” ที่กินเข้าไปแล้วเหมือนฟองน้ำธรรมชาติช่วยขับพากากอาหารอื่นๆ ให้ไหลลื่นคล่อง มีอยู่ในเนื้อกล้วยฉ่ำลื่นนั่นละครับ นอกจากนั้นยังมีกลไก “พรีไบโอติกส์” คือ อาหารเลี้ยงเชื้อดีๆในลำไส้ให้ทำงานปกติครับ
4) ปลูกปัญญา
ใครที่มีปัญหากับการเรียนอาจกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ ได้ ถ้ารู้จักวิธีใช้กล้วยช่วยจัดการครับ มีการศึกษาจากนักเรียนในอังกฤษที่รับประทานกล้วย 3 เวลาคือเช้า, สาย, และเที่ยงว่าช่วยเพิ่มพลังสมองได้ในการสอบ ซึ่งผู้ทำวิจัยชี้ว่ามาจาก “โพแทสเซียม” ที่ช่วยในการนำกระแสประสาท
5) พาหายเมา(ค้าง)
กล้วยเป็นหนึ่งในการล้างอาการแฮงก์โอเวอร์ให้จบลงโดยเร็วครับ เพราะอาการเมาค้างนั้นส่วนหนึ่งมาจาก “ขาดน้ำ” และ “น้ำตาลต่ำ” ก็ทำให้เกิดมึนต้องถอน เอ๊ย…มึนตอนเช้าได้ ขอฝากสูตรง่ายๆไว้ให้ใช้คือ “กล้วยปั่นใส่น้ำผึ้ง” ครับ หารับประทานง่ายตามร้านผลไม้ปั่นทั่วไป
6) ล้างพิษได้
ท่านที่นิยม “ดีท็อกซ์” ขอให้ลองด้วยกล้วยดู เปล่าครับ---ไม่ใช่ให้สวน แต่ให้รับประทาน (Oral detox) ซึ่งก็ช่วยล้างพิษลำไส้ ล้างพิษตับได้ไม่แพ้กัน ที่สำคัญคือ ง่ายๆ แค่ปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้น เทคนิคการล้างพิษคือ เลือกสักวันหนึ่งในสัปดาห์รับประทานแต่ผักผลไม้หรือกล้วยครับ
7) ไล่แผลกระเพาะ
กล้วยช่วยไล่แผลที่มากัดกินกระเพาะได้ดี โดยส่วนหนึ่งที่โรคกระเพาะไม่หายง่ายมาจาก “เชื้อกระเพาะอักเสบ(H.pylori)” ที่จะมาเวลาที่เมือกบุกระเพาะที่เหมือนเกราะหุ้มบางลง ซึ่งกล้วยจะช่วยเคลือบกระเพาะไว้ต่างเมือกธรรมชาติ ทำให้กรดไม่อาจทำร้ายเนื้ออ่อนๆ ของกระเพาะได้รุนแรงครับ
8) เกราะคุมความดัน
กล้วยช่วยคุมความดันได้อีกแรงสำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูงครับ มาจากแร่ธาตุตัวเด่นคือ “โพแทสเซียม” ที่มีฤทธิ์ปรับสมดุลย์โซเดียมให้ความดันไม่สูง ซึ่งเรื่องนี้ทาง อย.ของสหรัฐอเมริกาถึงกับอนุญาตให้บริษัทผู้ผลิตกล้วยโฆษณาได้ว่าเป็น “อาหารลดความดันป้องกันสโตร้ค” ครับ
9) ป้องกันแสบอก
แม้จะกันอกหักไม่ได้แต่กล้วยก็เป็นดั่งวัคซีนป้องกันอาการ “แสบร้อนอก(Heartburn)” อันเกิดจากกรดไหลย้อน เพราะเมื่อกรดกระฉอกผ่านหูรูดกระเพาะขึ้นมาจะพากันกัดเนื้อนุ่มๆ ของหลอดอาหารจนเกิดอาการแสบสันต์ แต่กล้วยมีส่วนช่วย “ต้านกรด(Antacid)” อ่อนๆ คล้ายยาจากธรรมชาติครับ
10) ช่วยยกอารมณ์
มีส่วนช่วยบำบัดอาการซึมเศร้าได้ จากการศึกษาโดย MIND ชี้ว่าเมื่อให้ผู้ป่วยซึมเศร้ารับประทานกล้วยแล้วหลายรายรายงานว่า “รู้สึกดีขึ้น” ซึ่งไม่ได้แปลว่าอิ่มดี แต่ว่ามีอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งเรื่องนี้มาจากเคมีชื่อ “ทริปโตแฟน” ที่แสนดีเป็นวัตถุดิบที่ช่วยสร้างสารสุขใจในสมอง(Serotonin)ครับ
ทั้งหมดนี้คือ คุณประโยชน์จากพืชที่แสนดีที่อยู่คู่คนไทยเรามานานครับ สำหรับท่านที่สงสัยว่าจะเลือกรับประทานกล้วยชนิดไหนดีก็ขอแนะง่ายๆ ว่าลองรับประทานให้ “หลากหลาย” เข้าไว้
เพราะในแต่ละกล้วยมีของดีอยู่ทั้งนั้น อย่าง “กล้วยนาก” ที่สีแดงสวยมีวิตามินซีเยอะที่ช่วยสร้าง “คอลลาเจน” หรือ “กล้วยหักมุก” ห่ามๆ มีสารแทนนินที่กินแล้วช่วยอาการท้องเสียได้
ส่วนกล้วยไข่ก็ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งเบต้าแคโรทีน(วิตามินเอ)ที่สำคัญอันดับต้นๆ ถัดมาจากมะละกอสุกเลยครับ
รับประทานกล้วยช่วยท่านได้แน่
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
กล้วยไม่ค่อยขาดตลาดครับ ไม่ว่าจะฤดูไหนถ้าอยู่เมืองไทยก็พอจะหา กล้วย มาสนองความต้องการของกระเพาะได้
ไม่ว่าจะกล้วยน้ำว้าที่มีแทบทุกหน้า
กล้วยหอมที่หวานอร่อยกว่าหลายๆ ประเทศ
กล้วยไข่ในเทศกาลเข้าพรรษาที่จับมากินกับกระยาสารทแสนเข้ากัน
กล้วยเป็นอาหารสำคัญติดครัวคนไทยมาช้านาน การรับประทานกล้วยจึงเป็นเรื่องสามัญที่แทบจะอยู่ในสายเลือด
ในความรู้สึกจึงเห็นกล้วยเป็นผลไม้พื้นๆ
แต่ประโยชน์ของมันนั้นระดับพื้นหินอ่อนคาราร่าจากอิตาลีเลยนะครับ เพราะกล้วยเป็นเคล็ดลับแห่งสุขภาพในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องสำคัญต่อไปนี้
1) เลือดจาง
กล้วยเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ช่วยเติมธาตุเหล็กให้ร่างกายนำไปสร้าง “เม็ดเลือดแดง” โดยเฉพาะในส่วนที่ช่วยจับออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย (ฮีโมโกลบิน) โดยกล้วยเป็นคลังธาตุเหล็กสำคัญของผู้ที่รับประทาน “มังสวิรัติ” ด้วยครับ
2) สร้างสมอง
รวมถึงระบบประสาทในที่ต่างๆ ทั่วร่างกายครับ จากการที่กล้วยมี “วิตามินบี 6” ซึ่งส่วนหนึ่งจะช่วยเรื่องอารมณ์ในช่วง “มีประจำเดือน (PMS)” ให้ไม่แกว่งจนเกินไปนักจากการที่มันมีส่วนจัดการระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้พลังงานกำลังดีไม่มีอาการน้ำตาลต่ำ และบี 6 ยังจำเป็นต่อระบบประสาทด้วย
3) ป้องกันผูก
คุณสมบัติเด่นที่รู้กัน โดยประโยชน์ในการช่วยคลายผูกให้ลำไส้อยู่ที่พระเอกชื่อว่า “เพ็กติน” ที่กินเข้าไปแล้วเหมือนฟองน้ำธรรมชาติช่วยขับพากากอาหารอื่นๆ ให้ไหลลื่นคล่อง มีอยู่ในเนื้อกล้วยฉ่ำลื่นนั่นละครับ นอกจากนั้นยังมีกลไก “พรีไบโอติกส์” คือ อาหารเลี้ยงเชื้อดีๆในลำไส้ให้ทำงานปกติครับ
4) ปลูกปัญญา
ใครที่มีปัญหากับการเรียนอาจกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ ได้ ถ้ารู้จักวิธีใช้กล้วยช่วยจัดการครับ มีการศึกษาจากนักเรียนในอังกฤษที่รับประทานกล้วย 3 เวลาคือเช้า, สาย, และเที่ยงว่าช่วยเพิ่มพลังสมองได้ในการสอบ ซึ่งผู้ทำวิจัยชี้ว่ามาจาก “โพแทสเซียม” ที่ช่วยในการนำกระแสประสาท
5) พาหายเมา(ค้าง)
กล้วยเป็นหนึ่งในการล้างอาการแฮงก์โอเวอร์ให้จบลงโดยเร็วครับ เพราะอาการเมาค้างนั้นส่วนหนึ่งมาจาก “ขาดน้ำ” และ “น้ำตาลต่ำ” ก็ทำให้เกิดมึนต้องถอน เอ๊ย…มึนตอนเช้าได้ ขอฝากสูตรง่ายๆไว้ให้ใช้คือ “กล้วยปั่นใส่น้ำผึ้ง” ครับ หารับประทานง่ายตามร้านผลไม้ปั่นทั่วไป
6) ล้างพิษได้
ท่านที่นิยม “ดีท็อกซ์” ขอให้ลองด้วยกล้วยดู เปล่าครับ---ไม่ใช่ให้สวน แต่ให้รับประทาน (Oral detox) ซึ่งก็ช่วยล้างพิษลำไส้ ล้างพิษตับได้ไม่แพ้กัน ที่สำคัญคือ ง่ายๆ แค่ปอกกล้วยเข้าปากเท่านั้น เทคนิคการล้างพิษคือ เลือกสักวันหนึ่งในสัปดาห์รับประทานแต่ผักผลไม้หรือกล้วยครับ
7) ไล่แผลกระเพาะ
กล้วยช่วยไล่แผลที่มากัดกินกระเพาะได้ดี โดยส่วนหนึ่งที่โรคกระเพาะไม่หายง่ายมาจาก “เชื้อกระเพาะอักเสบ(H.pylori)” ที่จะมาเวลาที่เมือกบุกระเพาะที่เหมือนเกราะหุ้มบางลง ซึ่งกล้วยจะช่วยเคลือบกระเพาะไว้ต่างเมือกธรรมชาติ ทำให้กรดไม่อาจทำร้ายเนื้ออ่อนๆ ของกระเพาะได้รุนแรงครับ
8) เกราะคุมความดัน
กล้วยช่วยคุมความดันได้อีกแรงสำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูงครับ มาจากแร่ธาตุตัวเด่นคือ “โพแทสเซียม” ที่มีฤทธิ์ปรับสมดุลย์โซเดียมให้ความดันไม่สูง ซึ่งเรื่องนี้ทาง อย.ของสหรัฐอเมริกาถึงกับอนุญาตให้บริษัทผู้ผลิตกล้วยโฆษณาได้ว่าเป็น “อาหารลดความดันป้องกันสโตร้ค” ครับ
9) ป้องกันแสบอก
แม้จะกันอกหักไม่ได้แต่กล้วยก็เป็นดั่งวัคซีนป้องกันอาการ “แสบร้อนอก(Heartburn)” อันเกิดจากกรดไหลย้อน เพราะเมื่อกรดกระฉอกผ่านหูรูดกระเพาะขึ้นมาจะพากันกัดเนื้อนุ่มๆ ของหลอดอาหารจนเกิดอาการแสบสันต์ แต่กล้วยมีส่วนช่วย “ต้านกรด(Antacid)” อ่อนๆ คล้ายยาจากธรรมชาติครับ
10) ช่วยยกอารมณ์
มีส่วนช่วยบำบัดอาการซึมเศร้าได้ จากการศึกษาโดย MIND ชี้ว่าเมื่อให้ผู้ป่วยซึมเศร้ารับประทานกล้วยแล้วหลายรายรายงานว่า “รู้สึกดีขึ้น” ซึ่งไม่ได้แปลว่าอิ่มดี แต่ว่ามีอารมณ์ดีขึ้น ซึ่งเรื่องนี้มาจากเคมีชื่อ “ทริปโตแฟน” ที่แสนดีเป็นวัตถุดิบที่ช่วยสร้างสารสุขใจในสมอง(Serotonin)ครับ
ทั้งหมดนี้คือ คุณประโยชน์จากพืชที่แสนดีที่อยู่คู่คนไทยเรามานานครับ สำหรับท่านที่สงสัยว่าจะเลือกรับประทานกล้วยชนิดไหนดีก็ขอแนะง่ายๆ ว่าลองรับประทานให้ “หลากหลาย” เข้าไว้
เพราะในแต่ละกล้วยมีของดีอยู่ทั้งนั้น อย่าง “กล้วยนาก” ที่สีแดงสวยมีวิตามินซีเยอะที่ช่วยสร้าง “คอลลาเจน” หรือ “กล้วยหักมุก” ห่ามๆ มีสารแทนนินที่กินแล้วช่วยอาการท้องเสียได้
ส่วนกล้วยไข่ก็ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งเบต้าแคโรทีน(วิตามินเอ)ที่สำคัญอันดับต้นๆ ถัดมาจากมะละกอสุกเลยครับ
รับประทานกล้วยช่วยท่านได้แน่
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net