ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
เราอาจจะคุ้นเคยในการที่เคยได้ยินว่าการตรวจว่าใครเป็นโรคมะเร็งจะตรวจได้ก็มักจะต้องมีการตรวจตัวอย่างชิ้นเนื้อที่มีความสงสัยในก้อนเนื้อที่มีความผิดปกติ แต่สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้คือการตรวจเลือดหรือพลาสมาแล้วจะรู้คำตอบได้ก่อนที่จะเริ่มมะเร็งโดยที่ไม่ต้องตัดชิ้นเนื้อที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียหายแต่ประการใด
เพราะการตรวจเลือดหรือพลาสมานั้นเป็นการตรวจด้วยการถอดรหัสพันธุกรรม ยีนบางตำแหน่งหากมีการกลายพันธุ์จะสามารถทำนายได้ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำว่าเรากำลังจะป่วยเป็นโรคมะเร็งถ้าเรายังไม่ปรับพฤติกรรม
ขอย้ำว่าข้อมูลนี้สามารถรู้ได้ทั้งที่ยังไม่ป่วยเลย หรือกำลังจะป่วย และป่วยแล้ว และ สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลนี้ได้หลากหลายทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ป่วย หรือป่วยแล้วจะตัดสินใจเลือกหนทางในการบำบัดและรักษาทางไหนจึงจะได้ผลจริงก่อนที่จะเริ่มรักษาได้
แม้กระทั่งเมื่อรู้ก่อนป่วยแล้วยังจะสามารถวางแผนในอนาคตในการทำประกันสุขภาพให้ครอบคลุมถึงโรคมะเร็งที่ยังมาไม่ถึง
นักวิจัยด้านการถอดรหัสพันธุกรรมทั่วโลกพบว่าการป่วยมะเร็งนั้นมีเพียง 5% เท่านั้นที่เกิดจากกรรมพันธุ์ที่เชื่อกันก่อนหน้านี้ว่าไม่สามารถรักษาหรือป้องกันได้ แต่ผู้ที่จะป่วยเป็นมะเร็งที่เกิดจากพฤติกรรมหรือการกลายรหัสพันธุกรรมที่เรียกว่าโซเมติกมีสูงถึง 95%
แปลว่าคนส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งนั้นเกิดจากพฤติกรรม ไม่ใช่กรรมพันธุ์ !!!
กรณีตัวอย่างเช่นดาราดังระดับฮอลลีวูด อย่าง แองเจลิน่า โจลี่ ได้ตัดสินใจตัดเต้านมทิ้งล่วงหน้าก่อนที่จะป่วย เพราะผลการตรวจพบว่ามียีนที่ระบุว่าจะป่วยเป็นมะเร็งเต้านมจากกรรมพันธุ์ถึง 87% ซึ่งความจริงแล้วแม้ต่อให้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่ถ้าเราสามารถปรับพฤติกรรมก่อนมิให้เกิดการเหนี่ยวนำทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในรหัสพันธุกรรมโซเมติก ก็มีโอกาสที่จะไม่เสียชีวิต หรือไม่ป่วยเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ในการถอดรหัสพันธุ์กรรม ยีน KRAS เป็นตำแหน่งสำคัญ จากงานวิจัยพบฐานข้อมูลพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดมีการกลายพันธุ์ของยีนนี้ 40% ผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้มีการกลายพันธุ์ของยีนส์ตำแหน่งนี้ 40% และผู้ป่วยมะเร็งที่ตับอ่อนสูงพบว่ามีการกลายพันธุ์ของยีนส์ชนิดนี้ 80-90% (แล้วแต่เชื้อชาติ)
อีกทั้งยังพบว่าเมื่อมีการกลายพันธุ์ในยีนตำแหน่งนี้แล้วก็จะไม่ตอบสนองกับการรักษาด้วยยาคีโมในกลุ่ม TKI แปลว่าเส้นทางการใช้ยาคีโมชนิดนี้จะไม่ได้ผล และเซลล์มะเร็งก็จะแบ่งตัว ขยายตัว เพิ่มจำนวนและกระจายตัวได้มากขึ้นแม้ว่าจะใช้ยาคีโมชนิดนี้ก็ตาม ดังนั้นถ้าเราไม่ถอดรหัสพันธุกรรมเสียก่อนเราก็จะต้องเสียเงินอย่างมหาศาลหรือถึงขั้นหมดตัวไปกับการใช้ยา TKI ที่ไม่ได้ผล และสุดท้ายยังต้องเสียชีวิตที่รักษาไม่หายอีกด้วย
ในประเทศที่พัฒนาแล้วจึงกำหนดเป็นขั้นตอนและระเบียบการใช้ยาคีโมและการฉายแสงนั้นจะต้องมีการตรวจเลือดเพื่อถอดรหัสพันธุกรรมเสียก่อน แต่โชคร้ายที่ประเทศไทยไม่มีใครใส่ใจในเรื่องเหล่านี้
ตำแหน่งยีน KRAS นั้น เปรียบเสมือนเป็นประตูปิดเปิดเส้นทางการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ถ้ายีน KRAS เกิดการกลายพันธุ์ก็จะทำให้ไม่สามารถยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งได้ เซลล์มะเร็งจึงจะแบ่งตัว เพิ่มจำนวน และขยายตัวเพิ่มมากขึ้นได้
ดังนั้นถ้ายีน KRAS นี้เกิดกลายพันธุ์ก่อนที่จะป่วยเป็นมะเร็งแล้ว เราก็ต้องมีการปรับพฤติกรรมการโภชนาการอาหารเสียใหม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เริ่มป่วยเป็นมะเร็งจริงๆ และหากรู้ทันและปรับพฤติกรรมได้ทัน การกลายพันธุ์ของยีน KRAS ที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ยังมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ทันก่อนที่เป็นมะเร็งจริงได้เช่นกัน
รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร นักชีวเคมีผู้เชี่ยวชาญด้านการถอดรหัสพันธุกรรม ที่ได้มาร่วมงาน ASTV-ผู้จัดการ ในนาม Man Nature Lab Center ได้รวบรวมสถิติผู้ที่เข้ามาตรวจเลือดเพื่อถอดรหัสพันธุกรรมโดยที่ยังไม่ป่วยพบว่า :
“7 ใน 10 คนที่เข้ามาตรวจนั้นมีการกลายพันธุ์ของยีน KRAS แล้ว และอายุของคนที่มียีน KRAS ที่กลายพันธุ์ มีอายุน้อยลงไปเรื่อยๆ หมายความว่ามีแนวโน้มที่คนไทยจะป่วยเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่อายุยังน้อยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น” !!!
จากข้อมูลของผู้ที่เข้ารับการตรวจจำนวนมาก รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร พบว่า
“ไม่ใช่เพียงแค่อาหารเท่านั้นที่จะช่วยทำให้ยีน KRAS ฟื้นตัว แต่การทำให้จิตนิ่งสงบ พักผ่อนเพียงพอ นั่งสมาธิจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกัน งดใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกกับอาหาร ทำให้เยียวยาการกลายพันธุ์โซเมติกยีนในตำแหน่ง KRAS สามารถฟื้นตัวและไม่เป็นมะเร็งในที่สุดได้”
ตรงนี้เองทำให้ Man Nature Lab Center มีความหวังอย่างยิ่งในการทำงานทางวิทยาศาสตร์ที่รองรับงานธรรมชาติบำบัด และทำให้งานธรรมชาติบำบัดเป็นวิทยาศาสตร์ !!!
ยีนอีกชนิดหนึ่งในตำแหน่งที่เรียกว่า TP53 เป็นยีนที่มีหน้าที่ในการฆ่าเซลล์แปลกปลอม รวมถึงกำจัดเซลล์มะเร็ง ดังนั้นยีน TP53 ถ้าไม่กลายพันธุ์เราจะสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้
และยังพบว่า TP53 เป็นยีนที่ยังทำหน้าที่หยุดการกลายพันธุ์ และทำการซ่อมยีนที่มีการกลายพันธุ์ได้ด้วย เมื่อซ่อมสำเร็จแล้วก็จะปล่อยให้ยีนนั้นไปทำงานปกติ แต่ถ้าซ่อมยีนไม่สำเร็จ ยีน TP53 ก็จะจัดการทำลายยีนที่กลายพันธุ์และไม่สามารถซ่อมได้นั้นให้ตายเสีย การสนับสนุน TP53 นั้นสามารถทำได้ด้วยการปรับการโภชนาการเช่นเดียวกัน
ด้วยความสามารถของยีน TP53 จึงได้รับการกล่าวขานและยกย่องในวงการการถอดรหัสพันธุกรรมว่าเป็น “นางฟ้าจีโนม”
ถ้ายีน TP53 นี้กลายพันธุ์ เราก็จะไม่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ ไม่สามารถซ่อมยีนได้ การกลายพันธุ์ TP53 จำนวนมากมาจากมลพิษ โลหะหนัก ที่มีมากในยุคปัจจุบัน และ ยีน TP53 ก็สามารถฟื้นฟูได้ด้วยอาหารที่ดีและถูกต้องต่อสุขภาพ นั่งสมาธิ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงมลภาวะและสารพิษ
ข้อที่น่าสนใจที่สุดเราพบว่า การกลายพันธุ์ TP53 เกิดขึ้นอย่างมากและผิดปกติในผู้ที่ฉีดสเต็มเซลล์จากสัตว์ชนิดอื่นหรือแม้แต่จากพืช ดังนั้นแม้ต่อให้บริโภคอาหารดี จิตใจดี นั่งสมาธิ หลีกเลี่ยงมลภาวะ แต่ถ้ามีการฉีดสเต็มเซลล์จากสัตว์ชนิดอื่นหรือจากพืช ก็จะทำให้ TP53 กลายพันธุ์ และมีความเสี่ยงจะเป็นโรคมะเร็งได้ด้วย
ดังนั้นถ้ามีการกลายพันธุ์แล้วก็ต้องพยายามดูแลอาหารและสิ่งแวดล้อม หยุดการฉีดสเต็มเซลล์เพื่อให้เกิดการซ่อมตัวให้เสียหายน้อยลงที่สุด
การถอดรหัสพันธุกรรม ไมโตคอนเดรีย ที่ช่วยในอัตราการเผาผลาญในระบบร่างกาย เป็นดัชนีที่เกี่ยวโยงกับอนุมูลอิสระและหากจะเป็นโรคมะเร็ง รหัสพันธุกรรมของไมโตคอนเดรียจะเกิดการกลายพันธุ์ก่อนตำแหน่งอื่นก่อนเป็นมะเร็ง และซ่อมได้ยากมาก และสามารถฟื้นฟูหรือหาตัวช่วยได้จากการอาหารที่ต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน
การถอดรหัสพันธุกรรม ดีท็อกซ์ ยีน มีหน้าที่ในการกำจัดสารพิษในโลหะหนัก หากมีการกลายพันธุ์ในยีนนี้ ซึ่งร่างกายก็จะไม่สามารถกำจัดโลหะหนักได้เช่นกัน และเมื่อตกค้างในร่างกายก็จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในยีนอื่นๆรวมถึงทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน
ในการรักษาโรคมะเร็ง คีโมบำบัดและการฉายแสง บางสูตรมีเป้าหมายในทำลายและทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในเซลล์มะเร็ง แต่การตายของเซลล์มะเร็งก็ยังต้องพึ่งยีนบางตำแหน่งเพื่อให้เซลล์มะเร็งตายด้วย หากยีนบางตำแหน่งนั้นไม่ทำงาน เซลล์มะเร็งก็จะเจริญเติบโตต่อไป ซ้ำร้าย ไป กว่านั้นการใช้คีโมบำบัดและการฉายแสงอาจทำให้รหัสพันธุกรรมในส่วนของยีนที่เป็นปกติให้กลายเป็นไม่ปกติและทำให้เซลล์มะเร็งลุกลามและขยายตัวโดยไม่สามารถกำจัดได้เช่นกัน
ด้วยเหตุผลนี้จึงมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ถอดรหัสพันธุกรรมเสียก่อนที่จะใช้คีโมบำบัดหรือฉายแสง แล้วไปดำเนินการคีโมหรือฉายแสงแบบลองผิดลองถูกอันเป็นผลทำให้มะเร็งลุกลามและเสียชีวิต ก็เพราะปราศจากข้อมูลเรื่องรหัสพันธุกรรมก่อนเลือกวิธีการบำบัดรักษานั้นนั่นเอง
ดังนั้นท่านในสนใจโครงการตรวจเลือดเปลี่ยนชีวิต เพื่อถอดรหัสพันธุกรรม สามารถเข้าร่วมโครงการได้กับ Man Nature Lab Center ณ อาคารบี บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กทม. 10200 ทุกวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์เวลา 10.00 น.-18.00 น. ถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2557
หลังจากนั้นวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไปจะเปิดทำการเฉพาะวันอังคารถึงวันอาทิตย์ในเวลาเดียวกัน สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 096-065-3684 และ 096-065-3685