xs
xsm
sm
md
lg

เป็ด-อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์ กับหัวใจที่กล้าแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็ด–อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์  เมคอัพอาร์ทิสต์
 
วันที่ "ร่างกาย" ต้องเจ็บป่วยด้วยมะเร็งร้ายแต่ "หัวใจ" ของ เมคอัพอาร์ทิสต์ มือทอง ที่ชื่อ เป็ด-อภิชาติ นรเศรษฐาภรณ์ ยังแข็งแรงแกร่ง ตลอดเวลา นานกว่า 4 เดือนที่เขาเข้าพักรักษาตัวโรงพยาบาลจุฬาฯ นอกจากญาติสนิทมิตรสหายที่แห่ไปให้กำลังใจไม่ขาดสายแล้ว ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากสมเด็จนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานแจกันดอกไม้ ตลอดจนตะกร้าเครื่องใช้มาเยี่ยมเยียน สร้างความปลาบปลื้มปิติกับชายร่างเล็กผู้นี้ยิ่งนัก ทำให้เขาไม่ย้อท้อที่จะต่อสู้กับโรคนี้โดยปราศจากความกังวลใดๆ

 
ท่ามกลางกำลังใจที่ล้นเหลือ บวกกับการรักษาต่อเนื่องและถูกหลัก ทำให้อาการป่วยของ เป็ด-อภิชาติ ดีขึ้นตามลำดับ ทีมแพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านหลังใหญ่ ย่านพระราม 3 ได้ แต่ยังคงต้องเทียวไป-มา เพื่อรับการรักษาตามขั้นตอนและอาการที่เกิดขึ้น ยามเย็นหลังเลิกงานที่บ้านพักหลังเล็กของช่างแต่งหน้าดังวัย 55 ปี ซึ่งปลูกแยกตัวออกมาจากบ้านหลังใหญ่ของพี่ใหญ่-วิบูลย์ศรี วิศวพรบุตร (พี่สาวคนโต) จากเดิมที่เคยเงียบเชียบ หากแต่วันนี้ไม่มีเหงาอีกต่อไป เพราะเสียงพูดคุยของบรรดาเพื่อนฝูงในแวดวงแฟชั่น-แมกกาซีน และเหล่าดารา นางแบบ ยังคงพากันแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอย่างต่อเนื่อง โดยมีพี่ใหญ่คอยให้การต้อนหลับขับสู้เป็นอย่างดี

“เป็ด” ในชุดเสื้อยืด SHUT DOWN BKK สัญญลักษณ์การแสดงพลังประชาชนออกมาต่อสู้เพื่อโค่นล้มระบบทักษิณ ยิ้มร่าบอกกับเราถึงมูลเหตุที่ต้องไปที่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ยาวนานครั้งนี้ว่า หลังจากรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่หาย ก็ใช้ชีวิตปกติ จนเมื่อต้นปีก่อนไปตรวจเช็คก็พบว่ามะเร็งกลับมาอีกแล้ว ครั้งนี้เกิดที่ต่อมน้ำเหลือง
กระเช้าเครื่องใช้พระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
 
“พอรู้ว่ามะเร็งกลับมาใหม่ เราก็ระมัดระวังเรื่องทานอาหาร การพักผ่อน ทุกอย่างก็ดีขึ้น ออกไปทำงานได้ ไปร่วมแสดงพลังประชาชนปกป้องชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ มาต้นเดือนมีนาคม เราเริ่มกินอาหารไม่ได้ แต่ไม่รู้ตัว จนประมาณวันที่ 4 เมษายน กลับถึงบ้านไม่มีแรงล้มอยู่ที่พื้น พี่สาวพาส่งโรงพยาบาลคราวนี้นอนยาวเลย 4 เดือนกว่าได้ หมอรักษาจนเริ่มทานอาหารได้ เริ่มมีแรง หมอจะเริ่มให้คีโมทั้งหมด 8 เข็ม ตอนนี้ให้มาแล้ว 1 เข็ม ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกว่าครั้งนี้ที่ไป ไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนครั้งแรกเลย”

เป็ด ยังเล่าเสริมอย่างอารมณ์ดีว่า ตอนที่นอนป่วยที่โรงพยาบาล ก็รู้สึกหงุดหงิด และทรมาน เจ็บป่วยครั้งนี้ทำให้ได้เห็นน้ำใจ พี่-น้อง และเพื่อนๆ ว่าใครเป็นอย่างไร ทุกครั้งที่เพื่อนมาเยี่ยมก็มีความสุขดี แต่ที่สร้างขวัญและกำลังใจให้มากที่สุด คือ เครื่องใช้พระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนแจกันดอกไม้พระราชทานจาก สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์
แจกันดอกไม้พระราชทานจาก  สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์
 
“ยอมรับว่าน้ำตาไหล งง คือเราไม่รู้ว่าสมเด็จพระราชินีท่านทรงรู้ได้อย่างไร ไม่คิดว่าพระองค์ท่านจะมีพระเมตตากับเราที่เป็นเพียงประชาชนตัวเล็กๆคนหนึ่ง คือเป็นความปลาบปลื้ม และในวันที่จะออกจากโรงพยาบาล ก็ได้รับพระราชทานแจกันดอกไม้จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ส่วนที่ถือว่าสุดๆในชีวิตเลยก็คือ ผ้าพันคอจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ที่พระราชทานให้เมื่อครั้งเสด็จมาเยี่ยม และท่านก็ทรงรับเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์อีก ตรงนี้ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจมากแล้ว” เป็ดกล่าว
แจกันดอกโบตั๋น กับ ผ้าพันคอ พระราชทานจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ กำลังใจสำคัญของ เป็ด-อภิชาติ
 
เป็ด ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้หากพอมีแรง ก็ยังคงจะทำงานต่อไป เพราะไม่อยากนอนอยู่เฉย “พรุ่งนี้ก็ต้องออกไปแต่งหน้าให้กับปกนิตยสารโว้ค แถวพระราม 9” เมื่อพูดถึงประโยคนี้ พี่ใหญ่ก็เดินเข้าได้ยินพอดี ทำให้เธอต้องคำสั่งเฉียบขาดว่า “ห้ามไป” แต่เมื่อเจ้าตัวยืนยันจำเป็นต้องไป เพราะรับปากไว้แล้ว พี่ใหญ่จำต้องยอมแพ้น้องชาย แต่ไม่วายกำชับเสียงดังว่า “ให้รีบทานยาแล้วรีบนอน”

พี่ใหญ่-วิบูลย์ศรี นับเป็นพี่สาวที่เป็ดเกรงใจและกลัวที่สุดในยามนี้ บอกเล่าเรื่องราวความรักความผูกพันกับน้องชายคนเก่งของเธอด้วยสีหน้าเข้มแต่แฝงไว้ด้วยความใจดี ว่า ครอบครัวเธอมีพี่-น้องทั้งหมด 13 คน เสียชีวิตไปแล้ว 2 คน ตอนนี้เหลือกันอยู่ 11 คน มีเป็ดเป็นน้องชายคนที่ 8 เรียกได้ว่าเป็นน้องชายคนสุดท้องของเธอ
พี่ใหญ่-วิบูลย์ศรี วิศวพรบุตร พี่สาวคนโตแห่งครอบครัว
 
เมื่อ “น้องชาย” ต้องเผชิญโรคร้ายอีกครั้ง พี่ใหญ่ คนนี้ก็ไม่อาจปล่อยให้ “เป็ด” ต้องสู้อย่างโดดเดี่ยว พี่ใหญ่บอกว่า รักและเป็นห่วงเป็ดมากที่สุด เพราะเขาอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวเหมือนคนอื่น และที่สำคัญเมื่อครั้งที่เธอป่วยเกิดอาการไตวาย ก็ ได้น้องชายที่ชื่อ “เป็ด” เสียสละ ไต 1 ข้าง สร้างชีวิตใหม่ให้เธออีกครั้ง

“ตอนพี่ไม่สบาย ไตวาย จำเป็นต้องเปลี่ยนไตเพื่อรักษาชีวิต แต่จะต้องขอได้จากน้องที่มีเลือดกรุ๊ปเดียวกันเท่านั้น ซึ่งมีให้เลือกอยู่ 2 คน ระหว่าง น้องชายอีกคน ซึ่งมีครอบครัวแล้ว และเป็ดที่อยู่ตัวคนเดียว จึงลองถามเป็ดว่า ให้ไตพี่ได้หรือไม่“เขาตอบสั้นๆ ว่า “เอาไปเลย” เขาบอก “ให้” อย่างง่ายๆ รุ่งขึ้นก็ผ่าตัดกันเลย เขาให้ไตมาตรงนี้ เวลาที่เขาเจ็บพี่จึงทิ้งไม่ได้ และที่ต้องดุมาก เพราะเป็ดค่อนข้างดื้อ บางวันไปหาหมอก็แอบขับรถเอง เราก็อดเป็นห่วงไม่ได้” พี่ใหญ่บอกพร้อมรอยยิ้ม

 
พี่ใหญ่ ยังบอกอีกว่า พี่ต้องดุเพราะเป็ด ค่อนข้างดื้อ ไม่สบายก็ยังอยากออกไปทำงาน กลับมาพักที่บ้านก็ไม่ชอบอยู่นิ่ง “เผลอก็ขับรถไปทำงาน ขับรถไปหาหมอ 2 วันก่อนอยู่บ้านเฉยๆคงหงุดหงิด ปีนไปหยิบของก็ล้มตกเก้าอี้ แล้วไม่บอกใครนะ ปิดปากเงียบ เพิ่งมารู้เมื่อตอนที่เขาไปหาหมอ เขาต้องบอกว่าล้ม หน้าอกกระแทก พอรู้พี่โมโหมากเลย ตอนนี้เลยต้องสั่งน้องสาวคนรอง กับแม่บ้านให้เฝ้าดีๆ ส่วนพี่เองก็จะดูแลเรื่องอาหารการกินให้เขา”

สำหรับอาหารที่พี่ใหญ่ดูแลนั้น ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นพวกผัก ผลไม้ ซึ่งบางครั้งก็ก็ใจอ่อนผ่อนปรนให้น้องชายสุดรักบ้าง จะงดเนื้อ งดน้ำตาลหมดเลยก็คงไม่ได้ เพราะบางครั้งร่างกายคนเราก็ต้องมีน้ำตาลบ้าง “ตอนนี้เริ่มให้คีโม พี่เตรียมสั่งเขากวางมาต้มให้เขากินเพราะรับคีโมมาข้างในร้อน ให้กินซุบเขากวางก็จะช่วยลดร้อนข้างในได้”

พี่ใหญ่ยังกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า จากกำลังใจกับการดูแลที่ใกล้ชิดทำให้เธอ เชื่อว่า น้องชายจะหายในเร็ววัน ขณะที่น้องชายชื่อเป็ด-อภิชาติ ที่นอนยิ้มอยู่ข้างๆ บอกเสียงเบาๆว่า “ตอนนี้เลิกดื้อแล้ว เพราะพี่ใหญ่ดุมาก”

 
ก่อนที่“เป็ด”จะต้องไปพักผ่อน เขายังฝากเตือนถึงหนุ่มสาวรุ่นใหม่ อยากให้หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ใครที่ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ถ้ายังเลิกไม่ได้ก็อยากให้ลดน้อยลง และที่สำคัญมากคือเรื่องการพักผ่อนที่ต้องเพียงพอ หากทำได้รับรองว่าชีวิตจะมีความสุขมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น