แม้จะเป็นเวลาเพียง 2 ปีกว่าที่เข้ามาคลุกคลีช่วยงานด้านการเมือง กานต์ ศรีเปารยะ ก็สามารถเปลี่ยนทัศนคติของคนรอบข้างที่คิดต่างทีละเล็กทีละน้อย ประสานรอยร้าวให้เข้าที่เข้าทางได้ในระดับหนึ่ง แม้จะยังไม่ได้ทั้งหมดตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่เพียงเท่านี้เขาและเพื่อนก็ภูมิใจที่ได้ทำ
กานต์ ศรีเปารยะ เป็นลูกชายคนโตของ บวร กับ อัชฌา ศรีเปารยะ คนดังเมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นผู้บริหารงานฝ่ายต่างประเทศในบริษัทบริหารทรัพยากรมนุษย์แห่งหนึ่ง
“กานต์” ถือเป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ชื่นชอบงานเอ็นเตอร์เทน รักการท่องเที่ยว และการดำน้ำเป็นชีวิตจิตใจ แต่ใครจะเชื่อบ้างว่าเมื่อถึงเวลาที่บ้านเมืองมีปัญหา เด็กหนุ่มคนนี้ก็ยอมหยุดไลฟ์สไตล์ที่แสนสนุกของเขาชั่วคราว แล้วหันมาเป็นจิตอาสางานด้านการเมือง จากเดิมที่ไม่เคยสนใจเลย แม้คุณพ่อจะมีตำแหน่งใหญ่เป็นถึงประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดเชียงใหม่
“ที่เข้ามาทำเพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราได้เห็นสิ่งต่างๆในประเทศที่กำลังดำเนินไปในทางที่แย่ลง และที่สำคัญอย่างยิ่งเราสัมผัสได้ว่าโครงสร้างหลักของประเทศเรากำลังถูกบั่นทอน ทำลาย เรารู้สึกอึดอัด รู้สึกทนไม่ไหว แย่และก็หยุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ก็เลยบอกตัวเองว่า แทนที่เราจะนั่งบ่นอยู่ที่บ้านเฉยๆเราก็เอาตัวเองไปอยู่ในงาน หรือโครงสร้างอะไรบางอย่างเพื่อจะได้สร้างความเปลี่ยนแปลงของประเทศไปในทางที่ดีจะดีกว่า” กานต์กล่าว
หลังจากได้แนวคิดเรื่องการเปลี่ยนคำพร่ำบ่นมาเป็นการลงมือทำแล้ว กานต์ได้มีโอกาสรู้จักกับกลุ่ม บอกต่อความจริง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกัน กลุ่มบอกต่อความจริงเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวในภาคประชาชนโดยการแบ่งปันข้อมูลด้วยวิธีการที่ให้คนตระหนักถึงข้อมูลและผลกระทบแบบรอบด้านด้วยกลยุทธ "ปากต่อปาก" กานต์เข้ามาเป็นอาสาสมัครร่วมกับกลุ่มคนรักชาติหลายคนจากหลายกลุ่มอายุคนและหลากหลายอาชีพ กิจกรรมในกลุ่มคือการจัดสัมนาสำหรับผู้ที่สนใจและให้ข้อมูลพร้อมปรับทัศนคติของผู้ร่วมสัมนา เพื่อลดการแตกแยกและสามารถที่จะช่วยชาติได้พร้อมๆกัน
สำหรับการสัมนานี้เราจัดทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดครับ สำหรับกรุงเทพนี่ประมาณสัปดาห์และ 1 - 2 ครั้ง เราทำสัมนากลุ่มเล็กๆประมาณ 30 ท่านที่ได้รับการเชิญมาจากสมาชิกเก่า และบางท่านก็มาลงทะเบียนเอง สำหรับเนื้อหาในการสัมนานั้นนะครับ เราจะเน้นเสมอว่า การพูดคุยกับคนคิดต่างนั้นให้เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรี ไม่ต้องเถียงเพื่อเอาชนะ ให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างสร้างสรรค์ เพราะอย่างไรก็ตามมันไม่มีเหตุที่เราจะต้องไปโกรธเกลียดกันโดยไม่มีเหตุผล เพราะก่อนหน้านี้เราก็ไม่ได้โกรธอะไรกับกับเขา แท้จริงแล้ว เราและคนที่คิดต่างจากเราล้วนแล้วแต่มีความประสงค์ดีต่อชาติเพียงแต่ความประสงค์ดีนั้น อาจจะมองออกมาจากคนละมุมเท่านั้นเอง
แม้จะต้องใช้ระยะเวลา การวางแผน และทำงานที่ไม่มีใครรู้และผลตอบแทน แต่พวกเขาก็สนุกและมีความสุขที่ได้ทำ ยิ่งเมื่อคนรอบข้างที่คิดต่างๆค่อยเปลี่ยนใจ โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้พรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนสูงในพื้นที่ภาคเหนือ แต่ก็มีคะแนนลดลงจากเดิมมาก ตรงนี้ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงประเทศ
“การที่คะแนนออกมาแบบนี้เราก็ดีใจที่คนไทยเริ่มมองออกออกแล้วว่าอะไรผิดอะไรถูก เพราะเรารู้กันอยู่ว่าภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงใหม่เป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย อันนี้ผมว่าเราเริ่มเห็นชัยชนะแล้ว แต่ชัยชนะตรงนี้ไม่ใช่ผลงานของกลุ่มเราทั้งหมด ผมมองว่ามาจากการที่ประชาชนเห็นและได้รับผลกระทบโดยตรงไม่ว่าจะเป็นในเรื่องข้าวยากหมากแพง รวมถึงปัญหาการทุจริต การลุแก่อำนาจโดยไม่เห็นหัวประชาชนอันนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ” กานต์กล่าว
เมื่อถามว่าการทำงานตรงนี้กลัวการคุกคามของรัฐบาลหรือไม่ หนุ่มมีเครายิ้มหวานก่อนบอกเบาๆ แบบไม่โกหกว่า "กลัว" แต่กลัวยิ่งกว่าคือกลัวชาติพังมากกว่า และก็กลัวหลายๆอย่างที่จะตามมาหากระบอบทักษิณยังคงทำลายประเทศของเราแบบนี้ต่อไป เขาเลยเลือกทีจะไม่อยู่เฉยเหมือนที่เคยเป็น
ส่วนการสลัดภาพหนุ่มนักปาร์ตี้ ที่เคยเที่ยวออกกำลังกาย ต้องกลายมาเป็นเดินสายกู้ชาติ ไม่มีเวลาท่องโลกออกกำลังกายหรือดำน้ำดูปะการังอย่างที่ผ่านมา แถมยังถูกลูกหลงคำพูดเสียดสีจากกลุ่มคนไทยที่ศรัทธาระบอบทักษิณอีกด้วยนั้น กานต์บอกว่า ไม่รู้สึกเครียด เพราะถ้าจัดสรรเวลาดีๆก็สามารถเดินห้าง ไปออกกำลังกายได้เหมือนเดิมแต่อาจจะไม่บ่อยกว่าเดิมมากนัก
“ชีวิตผมยังสบายๆครับ เพียงแต่ว่าตอนนี้เวลาเหล่านี้มันน้อยลง เวลาการทำงานของเราก็น้อยลง พักผ่อนน้อยลง แต่ถ้าจะให้นึกถึงคนที่เค้าลำบากกว่าเรา นอนกลางถนน กินข้าวจากกล่องโฟม เราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ลำบากซักเท่าไหร่ มันเป็นอะไรที่เราบอกตัวเองแล้วเราสามารถไปต่อกับมันได้เวลาเราเหนื่อยครับ ที่บ้านผม เราก็จะเป็นแบบนี้กันหมดเลย น้องชายอยู่เชียงใหม่ ตอนนี้ทำเรื่อง กปปส เชียงใหม่อยู่ ก็โดนเสื้อแดงมาเผาโลง เผาพวงหรีดพวกนี้ชื่อเค้า ประเด็นเรื่องความปลอดภัยก็เริ่มมีความกังวลเกิดขึ้นเหมือนกัน” ล่าสุดก็มีเรื่องของการรื้อเวที กปปส เชียงใหม่ด้วย ทางครอบครัวก็โดนคุกคามพอสมควร
เมื่อถามว่า ได้มาคลุกคลีงานการเมืองเแล้ว เขารู้สึกสนใจอยากเป็นนักการเมืองบ้างหรือไม่?? กานต์บอกว่า เคยมีคนมาถามเหมือนกัน แต่เขาก็มีคำตอบให้กับตัวเองและทุกคนชัดเจนว่า ไม่อยาก แต่ชอบที่จะคอยให้ประสานงาน หรือให้การสนับสนุนเป็นกำลังอยู่เบื้องหลังผู้แทนประชาชนที่มีคุณภาพจะดีกว่า "จริงๆผมเชื่อนะครับว่านักการเมืองดีดียังมีอีกมากมายแต่ว่าตอนนี้เค้าอาจจะหมดกำลังใจ หมดกำลังที่จะไปสู้ สิ่งที่อยากจะทำแล้วก็เริ่มต้นทำไปแล้วนิดๆหน่อยๆตามที่กำลังจะทำได้ก็คือการให้การสนับสนุนนักการเมืองน้ำดี"
ก่อนจากกัน “กานต์ ศรีเปารยะ” ยังฝากถึงคนรุ่นใหม่บางคนที่ยังเป็นไทยเฉยหรือคนที่อึดอัด พร่ำบ่น (เหมือนกานต์ในอดีต) ว่า ได้เวลาที่จะต้องช่วยกันแล้ว เพราะพลังของทุกคนถือเป็นพลังสำคัญในการปรับปรุงบ้านเมืองให้กลับมาดีเหมือนเดิม และหากใครได้เข้ามาทำงานหรือมีส่วนร่วมตรงนี้แล้ว เขาเชื่อว่าทุกคนจะต้องภาคภูมิใจเหมือนที่เขาและเพื่อนๆเป็นอยู่เช่นกัน