xs
xsm
sm
md
lg

“ชูวิทย์” เปรยหันหลังการเมือง ชี้แนะไว้แล้วให้ ปชป.ไขก๊อก เมินหนุนสภา ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย(แฟ้มภาพ)
“เสี่ยอ่าง” ได้ทีอ้าง ปชป.ลาออก ส.ส.ตามคำแนะ ตนไขก๊อกตามสัญญา เหตุสภาไปต่อไม่ได้ แต่ปัดหนุนสภา ปชช. ชี้ไม่อยู่ใน รธน. คุยชกข้างเวทีไม่เป็น รับแจ้งลาออกช่วงกินข้าว โวไม่เคยกินด้วยความสุขแบบนี้ แย้มไม่เล่นการเมืองอีก เพราะความขัดแย้งเกินเยียวยา ฝันอยากให้คนไทยรักกัน

วันนี้ (9 ธ.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ยุบสภา นายกฯ ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภาเมื่อเช้านี้ และจะจัดการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด เมื่อวานนี้ ขณะที่คุณอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศนำทีม ส.ส.ลาออกยกพรรค เหมือนอย่างที่ผมเคยกล่าวแนะนำไว้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ควรลาออกทั้งหมด และไปร่วมกับคุณสุเทพ

“ทันทีที่คุณอภิสิทธิ์แถลงข่าวลาออก ผู้สื่อข่าวจากไทยรัฐออนไลน์ได้โทร.หาผม และถามถึงคำสัญญาที่ผมเคยพูดไว้ ผมตอบโดยไม่ลังเล แม้ว่าในขณะนั้นผมนั่งทานข้าวอยู่กับครอบครัวที่ “ร้านก้ามปู” ย่านเทพารักษ์ สมุทรปราการ ว่าผมเป็นคนรักษาคำพูด ยืนยันลาออกตามพรรคประชาธิปัตย์ การลาออกของผมนั้นต้องมีเหตุผล เพราะมีผู้คนเลือกผมถึงหนึ่งล้านคนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ผมต้องชี้แจงด้วยว่า สาเหตุที่ผมลาออกนั้น เพราะเห็นว่าสภาฯทำงานต่อไปไม่ได้ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับวิธีการจัดตั้ง “สภาประชาชน” เพราะไม่มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เมื่อเราอยากให้คนอื่นทำตามกติกา แต่ตัวเราไม่ทำเสียเอง คงเป็นไปไม่ได้

ผมเป็น “นักมวย” ชกบนเวที ลงมาชกข้างเวทีไม่เป็น ผมลาออกตามกระบวนการของรัฐสภา ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2556 ตามที่ผมได้ประกาศเอาไว้ ผมทานข้าวด้วยความเอร็ดอร่อย ร้านอาหารร้านนี้บรรยากาศครึ้มไปด้วยแมกไม้ เมื่อสมัยเกือบ 30 ปีก่อน ขณะที่ผมยังทำหมู่บ้านจัดสรรอยู่ในย่านนี้ ชื่อหมู่บ้าน “สรารี” ผมมาทานเป็นประจำ อยากเชิญชวนให้ทุกคนพาครอบครัวมาทานข้าวที่นี่

ตั้งแต่ผมเป็น ส.ส. ผมไม่เคยทานข้าวด้วยความสุขเท่ามื้อนี้มาก่อน มันรู้สึกเบาใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ผมรู้ดีว่าเสนอตัวเข้ามาเอง แต่เหมือนกับผมล่องเรือลงไปในทะเล ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะไปถึงฝั่ง ผมทานอาหารกับครอบครัวด้วยความสบายใจ มองหน้าลูกๆ และอยากเห็นเขาเติบโต เป็นคนมีคุณภาพของสังคม รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก และรู้ว่าเวลาไหนควรให้อภัย

ผมครุ่นคิดกับตัวเองว่า อาจจะไม่ได้มารับใช้ประชาชนอีก เพราะภายใต้บรรยากาศของความขัดแย้งในขณะนี้เกินเยียวยา ทำให้ผมทำงานลำบากมากยิ่งขึ้น ผู้คนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย หวาดระแวงซึ่งกันและกัน เห็นตัวเองถูกอยู่เสมอ และคนเห็นต่างคือคนผิด ผมยินดีกลับไปเป็นคนไทยคนหนึ่งเหมือนอย่างพวกคุณ ไม่ต้องให้ใครมาด่าว่าผมว่า เป็นพวกใคร? ฝั่งไหน? เลวอย่างไร? เพราะแท้จริงแล้ว ผมเป็นแค่คนไทยคนหนึ่ง ด้วยเงินเดือนหนึ่งแสนบาท ผมใช้ไม่ถึงอาทิตย์ก็หมดแล้ว ผมกำลังคิดว่าจะขอลาประชาชนเดินทางท่องโลก

ผมขอให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้ง คนไทยทุกคนกลับมารักและสามัคคีกัน ประเทศเดินหน้า พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ”


กำลังโหลดความคิดเห็น