By Lady Manager
Question ทาครีมกันแดดเป็นประจำ แต่พักหลังฝ้าขึ้น เมื่อก่อนไม่มีนะคะ ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร เคยไปยิงเลเซอร์ก็ไม่หาย ว่าจะไปลองฝังเข็ม แต่อยากรู้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานไหมคะ และได้ผลจริงหรือเปล่า กลัวฝ้ากลับมาขึ้นอีก
Answer โดย แพทย์แผนจีน บุญเหลือ รุ่งสกาวเลิศ แผนกปราณะ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 กล่าวว่า
“ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า แสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้มากขึ้น แต่แดดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เป็นฝ้า สังเกตได้ง่ายๆ ว่าบางคนโดนแดดเท่ากันกับเราแต่ผิวหน้าก็ยังเนียนใสไม่เป็นฝ้า
คนนี้ทาครีมกันแดดเป็นประจำ แต่ยังมีฝ้าขึ้นใช่ไหม
การแพทย์แผนจีนอธิบายไว้ว่า การเป็นฝ้าและรอยด่างดำทุกชนิดบนร่างกายของเรา เกิดจากเส้นเลือดฝอย และเส้นน้ำเหลืองฝอยระหว่างกล้ามเนื้อกับผิวหนังเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดและสารอาหารต่างๆ ไม่สามารถเข้าไปบำรุงรักษาตำแหน่งที่เป็นรอยฝ้า และคล้ำได้เพียงพอ เมื่อผิวบริเวณดังกล่าวมีเลือดมาเลี้ยงไม่เต็มที่ก็ไม่สามารถทนต่อลม และแสงแดดได้เหมือนผิวหนังบริเวณอื่นที่มีเลือดหล่อเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์ เหมือนใบไม้ที่ขาดน้ำและอาหารไปหล่อเลี้ยง ใบก็จะเหลืองแห้งกรอบ
90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นฝ้าเป็นผู้หญิง สาเหตุมีทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก
ปัจจัยภายในมักเกิดขึ้นช่วงอายุประมาณ 30-60 ปี (ไม่ค่อยเกิดในผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี) เพราะอยู่ในวัยที่มีปัญหาเรื่องประจำเดือน, มดลูก, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ เช่น กินยาคุมกำเนิด เพราะยาคุมกำเนิดคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโพรเกสทินที่ไปกดกระบวนการทำให้ไข่สุก และไม่เกิดการตกไข่
ผลที่ตามมาอย่างหนึ่งคือ ทำให้เลือดที่มาเลี้ยงบริเวณผิวหนังมีปัญหา รวมทั้งผู้หญิงวัยทอง และคนที่มีปัญหาเรื่องไทรอยด์จะมีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าคนปกติมากถึง 4 เท่าตัว เพราะเลือดจะข้นขึ้น หนืดขึ้น ไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ผิวหนังได้ยาก
การขาดวิตามินซีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝ้าดำขึ้นเรื่อยๆ เพราะวิตามินซีมีส่วนทำให้เม็ดสีทำงานได้อย่างสมดุล ซึ่งเม็ดสีจะมีการสร้างและสลายไปตลอดเวลา การขาดวิตามินซีจะทำให้เม็ดสียิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
ความเครียดก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุล จึงมักพบฝ้าในคนที่มีอารมณ์เครียดอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องตับ คนที่ขาดสารอาหารประเภทวิตามินบี และพันธุกรรม ล้วนเป็นเหตุให้เกิดฝ้าได้
ส่วนปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดฝ้ามักเกิดจากการใช้สารเคมีที่มีสารทำลายผิว เช่น การใช้เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของสี หรือกลิ่นที่ทำให้เกิดการแพ้, การรับประทานยากันชัก เช่น ไดเฟนิล ไฮเดนโทอิน และมีแซนโทอิน
ตามหลักแพทย์แผนจีนแบ่งฝ้าอออกตามลักษณะของฝ้า คือ ฝ้าแนวตั้ง เช่น แนวหน้าผาก จมูก และคาง, ฝ้าแนวขวาง ได้แก่ บริเวณโหนกแก้ม และจมูก และสุดท้าย ฝ้าแนวล่าง เป็นฝ้าที่เกิดบริเวณคาง
การรักษาฝ้าแบบแพทย์แผนจีนนั้น จะวินิจฉัยหาสาเหตุของการเกิดฝ้าว่ามาจากปัญหาใดเพื่อจะได้แก้ไขให้ถูกจุด เช่น ถ้าเกิดจากปัญหาภายใน ก็จะหาสาเหตุว่าเพราะอะไรเลือดและน้ำหล่อเลี้ยงถึงมาหล่อเลี้ยงผิวหนังบริเวณดังกล่าวไม่ได้ เกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดด้วยสาเหตุอะไร เช่น เส้นเลือดฝอยตีบเนื่องจากฮอร์โมนผิดปกติ หรือเกิดจากลักษณะการรับประทานอาหาร เช่น ขาดวิตามินบี 12 หรือวิตามินซี ฯลฯ
ถ้าเกิดจากการขาดวิตามินซี อาจใช้วิธีฝังเข็มเพื่อให้ร่างกายภายในปรับสมดุลดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้น และต้องปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารควบคู่ไปด้วย
แต่ถ้าเส้นเลือดฝอยอุดตัน ก็อาจใช้การฝังเข็มควบคู่ไปกับการรับประทานยาจีน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารไปละลายการอุดตันในเส้นเลือดฝอย หรือถ้าเส้นเลือดฝอยตีบ ก็สามารถใช้การฝังเข็มควบคู่กับการรับประทานยาจีนเพื่อให้เส้นเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้เลือดและน้ำหล่อเลี้ยงสามารถไปเลี้ยงผิวหน้าได้ตามปกติ
สำหรับปัญหาที่เกิดจากฮอร์โมนจะต้องแก้ที่การทำงานของต่อมหมวกไตเพื่อให้ผลิตฮอร์โมนได้ตามที่ร่างกายต้องการ
กรณีของคนที่ถามมา ก็ต้องตรวจวินิจฉัยก่อนว่าฝ้าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งการรักษาด้วยการฝังเข็ม และอาจต้องรับประทานยาจีนด้วย เป็นการรักษาเข้าไปถึงข้างใน ได้ผลแต่ต้องใช้เวลาครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วฝ้ามักเกิดจากปัญหาภายใน น้ำหล่อเลี้ยง และเลือดมาเลี้ยงผิวไม่ได้อย่างเต็มที่
ถ้าไม่ได้แก้ปัญหาจากภายใน ฝ้าก็จะกลับมาเรื่อยๆ เพราะถึงผิวชั้นบนจะหลุดลอกออกไป แต่ผิวที่ขึ้นมาแทนที่ใหม่ก็ยังเจอกับปัญหาเดิมๆ คือ ขาดน้ำหล่อเลี้ยง และเลือดมาเลี้ยง
อย่างไรก็ตาม ครีมกันแดดก็ต้องทาเป็นประจำเหมือนเดิม ไม่ใช่ทาเฉพาะตอนเช้า แต่ควรทาซ้ำระหว่างวัน จำนวนที่ต้องทาซ้ำขึ้นอยู่กับค่าเอสพีเอฟ ถ้าเอสพีเอฟ 1 สามารถป้องกันผิวจากแสงแดดได้ 15 นาที ถ้าเลือกค่าเอสพีเอฟ 15 จะสามารถกันแดดได้ 225 นาที ( 3 ชั่วโมง 25 นาที ) และทาครีมกันแดดทุกครั้งแม้จะอยู่ภายในตึกหรือรถยนต์เพราะรังสียูวีสามารถสะท้อนเข้ามาได้ และควรทากันแดดแม้ในวันที่แดดไม่จัดเพราะรังสียูวีก็สามารถผ่านเมฆมาได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์
เลือกครีมกันแดดชนิดที่ป้องกันรังสียูวีเอ และยูวีบีได้ดี โดยดูที่ฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง
เลิกใช้เครื่องสำอางค์ที่มีสารเคมีทำลายผิว และควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อช่วยให้สุขภาพร่างกายดี ซึ่งส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังได้ดีขึ้น และควรใช้สมุนไพรบำรุงผิวที่มีวิตามินซี เช่น ใช้แตงกวาฝานบางๆ มาแปะบริเวณที่มีฝ้า ต้องดูแลตัวเองด้วยตัวเองไปด้วยระหว่างการรักษาครับ”
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
Question ทาครีมกันแดดเป็นประจำ แต่พักหลังฝ้าขึ้น เมื่อก่อนไม่มีนะคะ ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร เคยไปยิงเลเซอร์ก็ไม่หาย ว่าจะไปลองฝังเข็ม แต่อยากรู้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานไหมคะ และได้ผลจริงหรือเปล่า กลัวฝ้ากลับมาขึ้นอีก
Answer โดย แพทย์แผนจีน บุญเหลือ รุ่งสกาวเลิศ แผนกปราณะ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 กล่าวว่า
“ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนว่า แสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้มากขึ้น แต่แดดไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เป็นฝ้า สังเกตได้ง่ายๆ ว่าบางคนโดนแดดเท่ากันกับเราแต่ผิวหน้าก็ยังเนียนใสไม่เป็นฝ้า
คนนี้ทาครีมกันแดดเป็นประจำ แต่ยังมีฝ้าขึ้นใช่ไหม
การแพทย์แผนจีนอธิบายไว้ว่า การเป็นฝ้าและรอยด่างดำทุกชนิดบนร่างกายของเรา เกิดจากเส้นเลือดฝอย และเส้นน้ำเหลืองฝอยระหว่างกล้ามเนื้อกับผิวหนังเกิดการอุดตัน ทำให้เลือดและสารอาหารต่างๆ ไม่สามารถเข้าไปบำรุงรักษาตำแหน่งที่เป็นรอยฝ้า และคล้ำได้เพียงพอ เมื่อผิวบริเวณดังกล่าวมีเลือดมาเลี้ยงไม่เต็มที่ก็ไม่สามารถทนต่อลม และแสงแดดได้เหมือนผิวหนังบริเวณอื่นที่มีเลือดหล่อเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์ เหมือนใบไม้ที่ขาดน้ำและอาหารไปหล่อเลี้ยง ใบก็จะเหลืองแห้งกรอบ
90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่เป็นฝ้าเป็นผู้หญิง สาเหตุมีทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก
ปัจจัยภายในมักเกิดขึ้นช่วงอายุประมาณ 30-60 ปี (ไม่ค่อยเกิดในผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี) เพราะอยู่ในวัยที่มีปัญหาเรื่องประจำเดือน, มดลูก, การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ เช่น กินยาคุมกำเนิด เพราะยาคุมกำเนิดคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโพรเกสทินที่ไปกดกระบวนการทำให้ไข่สุก และไม่เกิดการตกไข่
ผลที่ตามมาอย่างหนึ่งคือ ทำให้เลือดที่มาเลี้ยงบริเวณผิวหนังมีปัญหา รวมทั้งผู้หญิงวัยทอง และคนที่มีปัญหาเรื่องไทรอยด์จะมีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าคนปกติมากถึง 4 เท่าตัว เพราะเลือดจะข้นขึ้น หนืดขึ้น ไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ผิวหนังได้ยาก
การขาดวิตามินซีก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฝ้าดำขึ้นเรื่อยๆ เพราะวิตามินซีมีส่วนทำให้เม็ดสีทำงานได้อย่างสมดุล ซึ่งเม็ดสีจะมีการสร้างและสลายไปตลอดเวลา การขาดวิตามินซีจะทำให้เม็ดสียิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
ความเครียดก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุล จึงมักพบฝ้าในคนที่มีอารมณ์เครียดอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องตับ คนที่ขาดสารอาหารประเภทวิตามินบี และพันธุกรรม ล้วนเป็นเหตุให้เกิดฝ้าได้
ส่วนปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดฝ้ามักเกิดจากการใช้สารเคมีที่มีสารทำลายผิว เช่น การใช้เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของสี หรือกลิ่นที่ทำให้เกิดการแพ้, การรับประทานยากันชัก เช่น ไดเฟนิล ไฮเดนโทอิน และมีแซนโทอิน
ตามหลักแพทย์แผนจีนแบ่งฝ้าอออกตามลักษณะของฝ้า คือ ฝ้าแนวตั้ง เช่น แนวหน้าผาก จมูก และคาง, ฝ้าแนวขวาง ได้แก่ บริเวณโหนกแก้ม และจมูก และสุดท้าย ฝ้าแนวล่าง เป็นฝ้าที่เกิดบริเวณคาง
การรักษาฝ้าแบบแพทย์แผนจีนนั้น จะวินิจฉัยหาสาเหตุของการเกิดฝ้าว่ามาจากปัญหาใดเพื่อจะได้แก้ไขให้ถูกจุด เช่น ถ้าเกิดจากปัญหาภายใน ก็จะหาสาเหตุว่าเพราะอะไรเลือดและน้ำหล่อเลี้ยงถึงมาหล่อเลี้ยงผิวหนังบริเวณดังกล่าวไม่ได้ เกิดจากการอุดตันของเส้นเลือดด้วยสาเหตุอะไร เช่น เส้นเลือดฝอยตีบเนื่องจากฮอร์โมนผิดปกติ หรือเกิดจากลักษณะการรับประทานอาหาร เช่น ขาดวิตามินบี 12 หรือวิตามินซี ฯลฯ
ถ้าเกิดจากการขาดวิตามินซี อาจใช้วิธีฝังเข็มเพื่อให้ร่างกายภายในปรับสมดุลดูดซึมวิตามินซีได้ดีขึ้น และต้องปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารควบคู่ไปด้วย
แต่ถ้าเส้นเลือดฝอยอุดตัน ก็อาจใช้การฝังเข็มควบคู่ไปกับการรับประทานยาจีน เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารไปละลายการอุดตันในเส้นเลือดฝอย หรือถ้าเส้นเลือดฝอยตีบ ก็สามารถใช้การฝังเข็มควบคู่กับการรับประทานยาจีนเพื่อให้เส้นเลือดเกิดการขยายตัว ทำให้เลือดและน้ำหล่อเลี้ยงสามารถไปเลี้ยงผิวหน้าได้ตามปกติ
สำหรับปัญหาที่เกิดจากฮอร์โมนจะต้องแก้ที่การทำงานของต่อมหมวกไตเพื่อให้ผลิตฮอร์โมนได้ตามที่ร่างกายต้องการ
กรณีของคนที่ถามมา ก็ต้องตรวจวินิจฉัยก่อนว่าฝ้าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งการรักษาด้วยการฝังเข็ม และอาจต้องรับประทานยาจีนด้วย เป็นการรักษาเข้าไปถึงข้างใน ได้ผลแต่ต้องใช้เวลาครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วฝ้ามักเกิดจากปัญหาภายใน น้ำหล่อเลี้ยง และเลือดมาเลี้ยงผิวไม่ได้อย่างเต็มที่
ถ้าไม่ได้แก้ปัญหาจากภายใน ฝ้าก็จะกลับมาเรื่อยๆ เพราะถึงผิวชั้นบนจะหลุดลอกออกไป แต่ผิวที่ขึ้นมาแทนที่ใหม่ก็ยังเจอกับปัญหาเดิมๆ คือ ขาดน้ำหล่อเลี้ยง และเลือดมาเลี้ยง
อย่างไรก็ตาม ครีมกันแดดก็ต้องทาเป็นประจำเหมือนเดิม ไม่ใช่ทาเฉพาะตอนเช้า แต่ควรทาซ้ำระหว่างวัน จำนวนที่ต้องทาซ้ำขึ้นอยู่กับค่าเอสพีเอฟ ถ้าเอสพีเอฟ 1 สามารถป้องกันผิวจากแสงแดดได้ 15 นาที ถ้าเลือกค่าเอสพีเอฟ 15 จะสามารถกันแดดได้ 225 นาที ( 3 ชั่วโมง 25 นาที ) และทาครีมกันแดดทุกครั้งแม้จะอยู่ภายในตึกหรือรถยนต์เพราะรังสียูวีสามารถสะท้อนเข้ามาได้ และควรทากันแดดแม้ในวันที่แดดไม่จัดเพราะรังสียูวีก็สามารถผ่านเมฆมาได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์
เลือกครีมกันแดดชนิดที่ป้องกันรังสียูวีเอ และยูวีบีได้ดี โดยดูที่ฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง
เลิกใช้เครื่องสำอางค์ที่มีสารเคมีทำลายผิว และควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อช่วยให้สุขภาพร่างกายดี ซึ่งส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังได้ดีขึ้น และควรใช้สมุนไพรบำรุงผิวที่มีวิตามินซี เช่น ใช้แตงกวาฝานบางๆ มาแปะบริเวณที่มีฝ้า ต้องดูแลตัวเองด้วยตัวเองไปด้วยระหว่างการรักษาครับ”
# ท่านผู้อ่านสามารถฝากคำถามสารพันปัญหาคาใจหญิงเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ ความงาม และแน่นอน เรื่องเซ็กซ์กับความสัมพันธ์ มาได้ที่ lady@astvmanager.com เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเคลียร์ให้หายคลางแคลงใจเลยค่ะ *_*
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net