คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
สิ่งละอันพันละน้อยในตู้กระจกลายฉลุไม้สักใบนั้น ถูกวางผสมกลมกลืนกันอย่างเป็นระเบียบ เหมือนจะบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตของหญิงสาว
กำไลพลาสติกสีฟ้าและสีขาววงใหญ่ที่วางแนบชิดติดกัน เคยส่งเสียงดังกรุกกริกอยู่บนเรียวแขนของสาวน้อยวัย 14 - 15 ปี เช่นฉัน
ขณะที่กำไลไม้ที่ถูกหุ้มด้วยเชือกไหมสีทองผสานกันเป็นลวดลายไทย 4-5 อันเหล่านั้น เคยอยู่บนข้อมือของฉันในช่วงยามของการเป็นนักศึกษา
ส่วนกำไลรูปพญานาคที่ถูกถักทออย่างประณีตด้วยเส้นเงินเส้นทองเล็กๆ ได้ถูกขัดไว้วาววับ ก็วางสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆกันกับ กำไลวงใหญ่ ซึ่งถูกตีจากเงินจนเป็นแผ่นแบนบาง และสลักเสลาเป็นลวดลายอันงดงาม
อีกยังมีกลีบดอกไม้แห้งนานาพันธ์ซึ่งถูกใส่ไว้ในถุงผ้าแล้วม้วนตลบออกเผยความหอมเรื่อ และหัวน้ำหอมที่ถูกเหยาะผสมน้ำไว้ในถ้วยตะไลเล็กๆ ที่ถูกวางแอบอยู่ด้านลึกที่สุด ส่งกลิ่นหอมอ่อนเจือจางอบร่ำความทรงจำในตู้ใบนั้น
ชั้นบนสุดของตู้เป็นที่วางแก้วทรงกลมเนื้อบางลายดอกไม้สีชมพูใบหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นแก้วเฉพาะที่ฉันใช้ในการต้อนรับเพื่อนชายนักเรียนนายร้อยหนุ่มรูปหล่อในสมัยที่ฉันยังเป็นนักเรียนนักศึกษา อีกทั้งจดหมายเก่าๆ และผ้าเช็ดหน้าด้วย กระนั้นตู้ชั้นบนสุดนี้ก็ยังเหลือพื้นที่เพื่อรอคอยบางสิ่งมาเติมเต็ม
ตุ๊กตาปั้นรูปหญิงสาวตัวแรกของฉัน ถูกวางไว้ที่มุมชั้นล่างสุดของตู้ ฉันนั่งมองด้วยใจที่เป็นสุขกึ่งฝัน ยิ้มกับตัวเอง และฝันเพริดไปถึงตุ๊กตารูปหญิงสาวชิ้นที่สองที่จะมาวางรวมกับสิ่งของอันเป็นที่รักในตู้ใบนี้
ดินเหนียวนุ่มมือก้อนกลมๆ ในมือฉันจึงถูกกลึงให้กลายเป็นรูปวงรีอีกครั้ง ใช่สินะ..หญิงสาวผู้สวยงามต้องมีใบหน้ารูปไข่
ดินก้อนต่อมาถูกกลึงจนเป็นแท่งเล็กๆ ต่อติดเป็นลำคอระหง บิดให้เอนเอียงเล็กน้อย จนฉันรู้สึกถึงความอ่อนหวาน
หน้าอกทั้งสองข้างที่กลมกลึงของเธอ ชูชันด้วยจุดเล็กๆ ตรงกลาง นอกจากนี้เธอยังมีเอวที่เว้าและคอดกิ่ว
ดินเหนียวในมือของฉันค่อยๆ ถูกกลิ้งกลึงลงกับพื้น จนเป็นแท่งยาวโคนอวบใหญ่ ส่วนปลายเล็กเรียวทอดรับกัน ต่อติดเป็นแขนและขา...
แทนการขับรถมุ่งสู่ถนนในชานเมืองย่านอ้อมน้อย บางกระเจ้า ราชบุรี บ้านโป่ง และโพธาราม เช่นในวันหยุดก่อนเก่า
ฉันได้หันมาเพลิดเพลินอยู่กับการปั้นตุ๊กตารูปหญิงสาวเหล่านั้น และมีเรื่องใหม่ไว้คุยฟุ้งในที่ทำงาน และมันได้กลายเป็นที่พักกายพักใจ ในคืนวันอันเปลี่ยวเหงาของชีวิตคนเมืองเช่นฉัน.
ก่อนหน้านี้นอกจากการขับรถไปเที่ยวเสาะหาของกิน ทำบุญตามวัดและสะสมพระที่ได้จากการทำบุญในวัดย่านต่างๆ ตามชานเมืองของกรุงเทพแล้ว
ในวันหยุดงาน ฉันมักจะปลดปล่อยใบหน้าให้เป็นอิสระจากการเติมแต่งด้วยเครื่องสำอาง แล้วนำพาร่างกายอันเมื่อยล้า พร้อมกับอาการมึนศรีษะ ซึ่งเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นกับฉันในทุกๆ เช้า ออกไปนอนให้หมอนวดที่วัดโพธิ์ ได้นวดเฟ้นเสมอๆ
เสร็จจากนวด ฉันในชุดเสื้อยืดกับกระโปรงกึ่งผ้าถุงบ้าง หรือไม่ก็ เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์บ้าง จะเดินเรื่อยเปื่อยไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้คน อยู่ตามตรอกซอกซอยและร้านหนังสือในละแวกท่าพระจันทร์ หยิบเล่มโน้นวางเล่มนี้ หาได้ถูกอกถูกใจกับสิ่งใดโดยง่าย
แต่ท้ายที่สุดวันเช่นนั้นของฉันมักจบลงกับหนังสือเกี่ยวกับของเก่าสิ่งโบราณ บางเวลาหนังสืออีโรติคบางเล่มถูกฉันหยิบขึ้นมาเปิดดูและซื้อหากลับมาบ้าน แต่หาได้อ่านจนจบไม่ ด้วยฉันชอบเพียงหน้าปก ที่เป็นรูปหญิงสาว...
ฉันรู้สึกมีความสุขยิ่งนักกับการได้สร้างหญิงสาวขึ้นมาด้วยมือด้วยใจในแบบของฉันเอง
และเริ่มมีหลายครั้งหลายคราที่หญิงสาวดินเผาฝีมือฉัน ถูกนำไปใช้เป็นของขวัญให้กับลูกค้าบางรายที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อยอมฝากเงินจำนวนมากในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าที่อื่นเมื่อเปรียบเทียบกัน จนเกิดเป็นผลงานด้านเงินฝากภายใต้ความรับผิดชอบของฉัน
ทุกครั้งฉันจะค่อยๆ บรรจงห่อรูปปั้นหญิงสาวดินเผาที่คัดเลือกแล้วไปเป็นของขวัญของฝากด้วยความตั้งอกตั้งใจ...
หญิงสาวของฉัน..เธอกำลังเริ่มออกเดินทาง..
จากพื้นที่ข้างในตู้ที่ถูกเติมเต็มด้วยตุ๊กตาดินรูปหญิงสาวอย่างพองาม..เริ่มลามออกไปที่ชั้นวางของ บนโต๊ะเครื่องแป้ง และบ้านของเพื่อน
ฉันไม่รู้หรอกว่าสิ่งนี้ได้แทรกซึมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันตั้งแต่เมื่อไร แต่มันได้เข้ามาอย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในความภาคภูมิใจของฉัน
จนในวันหนึ่ง ได้มีการจัดงาน “ตลาดนัดศิลปะ” ขึ้นที่ซอยด้านหลังมหาวิทยาลัยศิลปากร
เพื่อนใจของฉันในขณะนั้น นึกสนุกด้วยการนำผลงานบางส่วนของฉันไปวางขายในงานด้วย
บรรยากาศของยามพลบค่ำนั้นแสนจะคึกคัก มีวงดนตรีตั้งวงเล่นกันสดๆ อยู่ตามข้างทาง อีกทั้งร้านรูปเขียน และของประดิษฐ์คิดทำ ต่างๆ นานา ก็ละลานตาไปหมด
ลังกระดาษซึ่งใช้บรรจุตุ๊กตาดิน ถูกวางคว่ำลงกับพื้น แล้วถูกปูทับลงไปด้วยผ้าดิบสีขาวอีกที จากนั้น ตุ๊กตาดินปั้นรูปหญิงสาวหลายตัวของฉันจึงถูกนำมาจัดวางไว้
ฉันสนุกสนานกับบรรยากาศ และตื่นเต้นกับการออกงานในครั้งแรกของหญิงสาวดินเผาเหล่านั้น ไม่ได้รู้สึกจริงจังกับการขาย แต่เพลิดเพลินอยู่กับเสียงดนตรีและชอบมองผู้คนผมยาวหลากหลายบุคลิกที่ฉันไม่เคยรู้จัก
หญิงสาวผู้มีผิวพรรณงามผุดผ่อง และมีเส้นผมดำขลับผู้หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วนั่งยองๆ เอื้อมมือมาหยิบจับตุ๊กตาดินเผาของฉันด้วยท่าทีอันตื่นเต้น พร้อมบอกให้รู้ถึงความชอบใจ
หลังจากพลิกหงายพลิกคว่ำมองดู เธอจึงได้ซื้อติดมือกลับไป ฉันแสนดีใจเพราะชายหนุ่มที่มากับเธอ เป็นเจ้าของร้านขายเทปเพลงยอดนิยมแห่งย่านท่าพระจันทร์ อันเป็นร้านโปรดและร้านในดวงใจของฉัน ณ เวลานั้น
ระคนไปด้วยความปลื้มใจ ตุ๊กตาดินเผาถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วบรรจุลงในถุงหิ้วใบเล็กๆ ก่อนจะเดินทางจากฉันไปในราคาชิ้นละสามร้อยบาท
ถ่ายภาพโดย : มณีดิน
หมายเหตุ : ภาพผลงานประติมากรรม ประกอบบทความครั้งนี้ เป็นผลงานปัจจุบัน ในส่วนที่พยามทำออกมาให้เหมือนผลงานในช่วงแรก
คลิกอ่านบทความก่อนหน้านี้
บทความที่ 2 ดินก้อนแรกที่ฉันปั้น : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
บทความที่ 1 ฉันพบตัวเองในเธอ : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW เซกชัน Celeb Online www.astvmanager.com และ M-Art eye view เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
สิ่งละอันพันละน้อยในตู้กระจกลายฉลุไม้สักใบนั้น ถูกวางผสมกลมกลืนกันอย่างเป็นระเบียบ เหมือนจะบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตของหญิงสาว
กำไลพลาสติกสีฟ้าและสีขาววงใหญ่ที่วางแนบชิดติดกัน เคยส่งเสียงดังกรุกกริกอยู่บนเรียวแขนของสาวน้อยวัย 14 - 15 ปี เช่นฉัน
ขณะที่กำไลไม้ที่ถูกหุ้มด้วยเชือกไหมสีทองผสานกันเป็นลวดลายไทย 4-5 อันเหล่านั้น เคยอยู่บนข้อมือของฉันในช่วงยามของการเป็นนักศึกษา
ส่วนกำไลรูปพญานาคที่ถูกถักทออย่างประณีตด้วยเส้นเงินเส้นทองเล็กๆ ได้ถูกขัดไว้วาววับ ก็วางสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆกันกับ กำไลวงใหญ่ ซึ่งถูกตีจากเงินจนเป็นแผ่นแบนบาง และสลักเสลาเป็นลวดลายอันงดงาม
อีกยังมีกลีบดอกไม้แห้งนานาพันธ์ซึ่งถูกใส่ไว้ในถุงผ้าแล้วม้วนตลบออกเผยความหอมเรื่อ และหัวน้ำหอมที่ถูกเหยาะผสมน้ำไว้ในถ้วยตะไลเล็กๆ ที่ถูกวางแอบอยู่ด้านลึกที่สุด ส่งกลิ่นหอมอ่อนเจือจางอบร่ำความทรงจำในตู้ใบนั้น
ชั้นบนสุดของตู้เป็นที่วางแก้วทรงกลมเนื้อบางลายดอกไม้สีชมพูใบหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นแก้วเฉพาะที่ฉันใช้ในการต้อนรับเพื่อนชายนักเรียนนายร้อยหนุ่มรูปหล่อในสมัยที่ฉันยังเป็นนักเรียนนักศึกษา อีกทั้งจดหมายเก่าๆ และผ้าเช็ดหน้าด้วย กระนั้นตู้ชั้นบนสุดนี้ก็ยังเหลือพื้นที่เพื่อรอคอยบางสิ่งมาเติมเต็ม
ตุ๊กตาปั้นรูปหญิงสาวตัวแรกของฉัน ถูกวางไว้ที่มุมชั้นล่างสุดของตู้ ฉันนั่งมองด้วยใจที่เป็นสุขกึ่งฝัน ยิ้มกับตัวเอง และฝันเพริดไปถึงตุ๊กตารูปหญิงสาวชิ้นที่สองที่จะมาวางรวมกับสิ่งของอันเป็นที่รักในตู้ใบนี้
ดินเหนียวนุ่มมือก้อนกลมๆ ในมือฉันจึงถูกกลึงให้กลายเป็นรูปวงรีอีกครั้ง ใช่สินะ..หญิงสาวผู้สวยงามต้องมีใบหน้ารูปไข่
ดินก้อนต่อมาถูกกลึงจนเป็นแท่งเล็กๆ ต่อติดเป็นลำคอระหง บิดให้เอนเอียงเล็กน้อย จนฉันรู้สึกถึงความอ่อนหวาน
หน้าอกทั้งสองข้างที่กลมกลึงของเธอ ชูชันด้วยจุดเล็กๆ ตรงกลาง นอกจากนี้เธอยังมีเอวที่เว้าและคอดกิ่ว
ดินเหนียวในมือของฉันค่อยๆ ถูกกลิ้งกลึงลงกับพื้น จนเป็นแท่งยาวโคนอวบใหญ่ ส่วนปลายเล็กเรียวทอดรับกัน ต่อติดเป็นแขนและขา...
แทนการขับรถมุ่งสู่ถนนในชานเมืองย่านอ้อมน้อย บางกระเจ้า ราชบุรี บ้านโป่ง และโพธาราม เช่นในวันหยุดก่อนเก่า
ฉันได้หันมาเพลิดเพลินอยู่กับการปั้นตุ๊กตารูปหญิงสาวเหล่านั้น และมีเรื่องใหม่ไว้คุยฟุ้งในที่ทำงาน และมันได้กลายเป็นที่พักกายพักใจ ในคืนวันอันเปลี่ยวเหงาของชีวิตคนเมืองเช่นฉัน.
ก่อนหน้านี้นอกจากการขับรถไปเที่ยวเสาะหาของกิน ทำบุญตามวัดและสะสมพระที่ได้จากการทำบุญในวัดย่านต่างๆ ตามชานเมืองของกรุงเทพแล้ว
ในวันหยุดงาน ฉันมักจะปลดปล่อยใบหน้าให้เป็นอิสระจากการเติมแต่งด้วยเครื่องสำอาง แล้วนำพาร่างกายอันเมื่อยล้า พร้อมกับอาการมึนศรีษะ ซึ่งเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นกับฉันในทุกๆ เช้า ออกไปนอนให้หมอนวดที่วัดโพธิ์ ได้นวดเฟ้นเสมอๆ
เสร็จจากนวด ฉันในชุดเสื้อยืดกับกระโปรงกึ่งผ้าถุงบ้าง หรือไม่ก็ เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์บ้าง จะเดินเรื่อยเปื่อยไปเป็นส่วนหนึ่งของผู้คน อยู่ตามตรอกซอกซอยและร้านหนังสือในละแวกท่าพระจันทร์ หยิบเล่มโน้นวางเล่มนี้ หาได้ถูกอกถูกใจกับสิ่งใดโดยง่าย
แต่ท้ายที่สุดวันเช่นนั้นของฉันมักจบลงกับหนังสือเกี่ยวกับของเก่าสิ่งโบราณ บางเวลาหนังสืออีโรติคบางเล่มถูกฉันหยิบขึ้นมาเปิดดูและซื้อหากลับมาบ้าน แต่หาได้อ่านจนจบไม่ ด้วยฉันชอบเพียงหน้าปก ที่เป็นรูปหญิงสาว...
ฉันรู้สึกมีความสุขยิ่งนักกับการได้สร้างหญิงสาวขึ้นมาด้วยมือด้วยใจในแบบของฉันเอง
และเริ่มมีหลายครั้งหลายคราที่หญิงสาวดินเผาฝีมือฉัน ถูกนำไปใช้เป็นของขวัญให้กับลูกค้าบางรายที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อยอมฝากเงินจำนวนมากในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าที่อื่นเมื่อเปรียบเทียบกัน จนเกิดเป็นผลงานด้านเงินฝากภายใต้ความรับผิดชอบของฉัน
ทุกครั้งฉันจะค่อยๆ บรรจงห่อรูปปั้นหญิงสาวดินเผาที่คัดเลือกแล้วไปเป็นของขวัญของฝากด้วยความตั้งอกตั้งใจ...
หญิงสาวของฉัน..เธอกำลังเริ่มออกเดินทาง..
จากพื้นที่ข้างในตู้ที่ถูกเติมเต็มด้วยตุ๊กตาดินรูปหญิงสาวอย่างพองาม..เริ่มลามออกไปที่ชั้นวางของ บนโต๊ะเครื่องแป้ง และบ้านของเพื่อน
ฉันไม่รู้หรอกว่าสิ่งนี้ได้แทรกซึมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันตั้งแต่เมื่อไร แต่มันได้เข้ามาอย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในความภาคภูมิใจของฉัน
จนในวันหนึ่ง ได้มีการจัดงาน “ตลาดนัดศิลปะ” ขึ้นที่ซอยด้านหลังมหาวิทยาลัยศิลปากร
เพื่อนใจของฉันในขณะนั้น นึกสนุกด้วยการนำผลงานบางส่วนของฉันไปวางขายในงานด้วย
บรรยากาศของยามพลบค่ำนั้นแสนจะคึกคัก มีวงดนตรีตั้งวงเล่นกันสดๆ อยู่ตามข้างทาง อีกทั้งร้านรูปเขียน และของประดิษฐ์คิดทำ ต่างๆ นานา ก็ละลานตาไปหมด
ลังกระดาษซึ่งใช้บรรจุตุ๊กตาดิน ถูกวางคว่ำลงกับพื้น แล้วถูกปูทับลงไปด้วยผ้าดิบสีขาวอีกที จากนั้น ตุ๊กตาดินปั้นรูปหญิงสาวหลายตัวของฉันจึงถูกนำมาจัดวางไว้
ฉันสนุกสนานกับบรรยากาศ และตื่นเต้นกับการออกงานในครั้งแรกของหญิงสาวดินเผาเหล่านั้น ไม่ได้รู้สึกจริงจังกับการขาย แต่เพลิดเพลินอยู่กับเสียงดนตรีและชอบมองผู้คนผมยาวหลากหลายบุคลิกที่ฉันไม่เคยรู้จัก
หญิงสาวผู้มีผิวพรรณงามผุดผ่อง และมีเส้นผมดำขลับผู้หนึ่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วนั่งยองๆ เอื้อมมือมาหยิบจับตุ๊กตาดินเผาของฉันด้วยท่าทีอันตื่นเต้น พร้อมบอกให้รู้ถึงความชอบใจ
หลังจากพลิกหงายพลิกคว่ำมองดู เธอจึงได้ซื้อติดมือกลับไป ฉันแสนดีใจเพราะชายหนุ่มที่มากับเธอ เป็นเจ้าของร้านขายเทปเพลงยอดนิยมแห่งย่านท่าพระจันทร์ อันเป็นร้านโปรดและร้านในดวงใจของฉัน ณ เวลานั้น
ระคนไปด้วยความปลื้มใจ ตุ๊กตาดินเผาถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วบรรจุลงในถุงหิ้วใบเล็กๆ ก่อนจะเดินทางจากฉันไปในราคาชิ้นละสามร้อยบาท
ถ่ายภาพโดย : มณีดิน
หมายเหตุ : ภาพผลงานประติมากรรม ประกอบบทความครั้งนี้ เป็นผลงานปัจจุบัน ในส่วนที่พยามทำออกมาให้เหมือนผลงานในช่วงแรก
คลิกอ่านบทความก่อนหน้านี้
บทความที่ 2 ดินก้อนแรกที่ฉันปั้น : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
บทความที่ 1 ฉันพบตัวเองในเธอ : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
รู้จัก... องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW เซกชัน Celeb Online www.astvmanager.com และ M-Art eye view เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews