ART EYE VIEW ---แก้วฟ้า เกษรศุกร์ กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า เขาเปรียบเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้น ทว่าโดนเขวี้ยงทิ้ง
เหตุเพราะ หลานปู่ (พลโทยุทธศิลป์ เกษรศุกร์ อดีตผู้บังคับการกรม สังกัดกองพลเสือดำ ในช่วงสงครามเวียดนาม ) และลูกชาย (พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย) เช่นเขา ไม่ได้เลือกที่จะมีชีวิตการเป็นทหาร แม้ครอบครัวจะพยายามส่งเสริม
แต่เลือกที่จะศิลปินทำงานด้านเซรามิกอาร์ต และเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรงจาก Kansas City Art Institute และ Arizona State University ประเทศสหรัฐอเมริกา
มิหนำซ้ำหลังจากที่เรียนจบและใช้ชีวิตต่างแดนอยู่นาน เมื่อกลับเมืองไทย เขาก็ยังจัดเป็นคนไกลบ้านอยู่ดี เพราะย้ายตัวเองไปทำงานเป็นอาจารย์สอนเซรามิก และ Art Appreciation อยู่ที่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
“ท่านอธิการ อยากให้ผมมาสอน Art Appreciation เป็นภาษาอังกฤษ เพราะว่าไปเรียนที่อเมริกามาตั้ง 13 ปี
ถ้าเป็นทหารป่านนี้คงยศพันตรีพันเอกแล้วมั้ง เพราะโตกับทหารมาตลอด คุณพ่อก็เคยให้ไปสอบ
แต่ความจริงแล้วผมอยู่กับคุณย่า เพราะตอนนั้นคุณพ่อไปเรียนเมืองนอก มาเจอกันจริงๆก็ในช่วงที่ผมอยู่มัธยมแล้ว ผมเป็นลูกของ (ประจิม) ภรรยาคนเก่าของคุณพ่อ แล้วคุณแม่ (คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์)มาเจอผมตอน ม.3 ตอนโตแล้ว
แต่ก็รักฮะ...รักท่านเหมือนแม่จริงๆ คือ ผมโชคดีตรงที่ว่าท่านก็รักผมเหมือนลูก ไปอยู่อเมริกา 13 ปีก็ใช้เงินเยอะอยู่ ท่านก็ซับพอร์ต ช่วยคุณพ่อ”
หลายปีในต่างแดน แก้วฟ้าได้รับโอกาสดีในชีวิต ทั้งได้แสดงงานแล้วมีคนชื่นชม และมีคอนเน็คชั่นมากมาย แต่ท้ายที่สุดเขาก็มีเหตุผลง่ายๆที่ทำให้ต้องกลับบ้าน
“จับพลัดจับผลูมากรุงเทพฯ เพราะรถโดนขโมย ทำให้ทำงานไม่ได้ ตอนแรกก็กะจะไม่กลับ แต่ที่บ้านบอกว่า กลับมาก่อน ตอนเรียนปริญญาตรี ผมซื้อรถด้วยตัวเองด้วยนะฮะ ผมขายงานเซรามิกได้เงินมา สี่พันเหรียญ สำหรับนักศึกษา ป.ตรี มันเยอะ ผมขายเกือบหมดนิทรรศการ Thesis Show ผมมีงาน12 ชิ้น ขายไปครึ่งนึง พอรถโดนขโมยผมก็กลับมาเมืองไทย 8 ปีแล้วครับ ที่ไม่มีงานโชว์”
>>>ใครหลายคน คนหลายใจ
และขณะนี้เขากำลังมีงานแสดงศิลปะในเมืองไทย ครั้งแรก ณ อังกฤษ แกลลอรี่ ตามคำเชิญของ อังกฤษ อัจฉริยโสภณ ศิลปินเจ้าของห้องแสดงศิลปะและร้านต้มเลือดหมู สหรส ที่ ต.นางแล
“ผมคุยกับคุณอังกฤษ เพราะอยากให้คนเห็นว่ายังมีเราอยู่ตรงนี้ด้วย ถือเป็นงานแสดงเดี่ยวครั้งแรกในเชียงรายและในประเทศ”
ใครหลายคน คนหลายใจ (Someone,Someone else) ชื่อนิทรรศการที่ฟังดูประชดประชันนี้ เขาพยักหน้ายอมรับว่า ส่วนหนึ่งอยากประชดหัวใจตัวเองตอนนี้ด้วย ที่กำลังอยู่ในภาวะล้มเหลว
“ภรรยา.. ก็เพึ่งเลิกกันไป คบกันมา 10 ปี เพราะอยู่ห่างกันครับ พึ่ง final(สิ้นสุด)ไปเมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่แล้ว”
แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วก็อยากจะสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่มีหลายรูปแบบ
“งานล่าสุดของผม มันเกี่ยวกับ relationship (ความสัมพันธ์) ครับ ก่อนผมจะกลับมา งานแมลงที่เคยแสดงก็เกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างคน
กับงานชุดนี้ผมเห็นว่า คนเราเวลาพูดอะไรก็เป็นเรื่องของหัวใจ ส่วนหนึ่งผมได้รับอิทธิพลจากงานของอาจารย์ที่เคยสอนผมด้วย ที่ก็เป็นเรื่องของหัวใจ แต่ตีความหมายไปคนละอย่าง
ตั้งชื่องานว่า ใครหลายคน คนหลายใจ ส่วนหนึ่งเพราะผมเป็นคนที่ชอบเล่นคำ และเวลาตั้งชื่องานก็มักจะตั้งเป็นภาษาอังกฤษก่อน เพราะว่า 13 ปีที่อยู่ที่นู่น คือเราก็ไม่ได้กระแดะเนาะ แต่ผมไม่มีเพื่อนคนไทยที่นู่นเลย ไปอยู่ 3 เดือนแรกผมร้องไห้เลย พี่เลี้ยงคนไทยที่โน่นเขาอยากให้เราได้ภาษาอังกฤษจริงๆ ที่บ้านก็เอาด้วยให้เราเขียนจดหมายเป็นภาษาอังกฤษ งูๆปลาๆนี่แหล่ะ พอกลับมาบ้าน ผมพิมพ์ภาษาไทยไม่เป็นเลย ต้องอาศัยผู้ช่วยที่มหาวิทยาลัย”
คล้องใจ, ปราสาทใจ,ใจแตก,ใจละลาย,ชั่งใจ, ที่พักใจ ฯลฯ เหล่านี้เป็นตัวอย่างผลงานบางชิ้นที่เขาเอารูปฟอร์มหัวใจของคนเราจริงๆมาสื่อถึง “ใจ” ที่ถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของคำหลายๆคำ จนก่อเกิดคำในหลากหลายความหมาย ไม่ใช่ “รูปหัวใจ” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก “หน้าอกและก้น” อย่างที่เราคุ้นชินมากกว่า
นอกจากนี้ในวันเปิดนิทรรศการ เขายังทำหัวใจ 100 ดวง แจกให้ผู้ชมจน “หมดใจ”
“เมืองไทยยังไม่เห็นมีใครนำเอา เซี่ยงจี๊ ตับ ไต ไส้พุง มาทำ พอมาทำแบบนี้ปุ๊บ มันทำให้เห็นอีกมิติหนึ่งของงาน ว่างานอาร์ตไม่จำเป็นต้องแบบเรียบๆ หรือไม่จำเป็นต้องอีโรติกอนาจาร และมองแล้วเราไม่รู้สึกว่าเป็นพุทธอย่างเดียว
งานผมตอนนี้ไม่ค่อยอีโรติกแล้ว แต่ตัวแมลงสมัยก่อนที่ผมทำ อย่างก้นแมลง ดูแล้วนึกถึงอวัยวะเพศชาย คู่กันมากับ ดอกไม้ ที่หมายถึงผู้หญิง และดอกไม้ที่อีโรติกที่สุด คือดอกกล้วยไม้ เพราะถ้าดูฟอร์มของมันแล้วจะเหมือนตรงนั้น...ของผู้หญิง ผมเอาฟอร์มมาเล่น สมัยนู้น 8 ปีที่แล้ว เราก็ยังเด็ก ไม่ใช่หมกหมุ่น แต่เราพยายามหา Subject หรือเรื่องใกล้ๆตัว ว่ามันมีอะไรให้ทำบ้าง
งานของผมจะไม่ค่อยมีสีเยอะ เพราะผมต้องการจะโชว์ไอ้ตัวพื้นผิว (และไม่ใช่หัวใจที่ใสกิ๊กแต่มองดูขมุกขมัว) แตกต่างจากงานเก่าที่เป็นดินขาว จะมองดูสวยในเวลาที่แสงตกกระทบ”
>>>ธรรมะในใจ
ก่อนจะพาเราไปหยิบจับผลงานชิ้นจริง ในห้องปฏิบัติการทางด้านเซรามิกในมหาวิทยาลัย
แก้วฟ้าบึ่งมอเตอร์ไซด์คันโปรดที่ใช้เป็นพาหนะสำหรับการเดินทางอยู่เป็นประจำมานั่งพบกับสื่อ ที่เดินทางไปเยือนเชียงรายในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ ศิลปินเชียงราย รวมตัวกันจัดงานเพื่อบอกเล่าเก้าสิบเรื่อง โครงการ “ขัวศิลปะ” ที่กำลังขับเคลื่อน
ในสมุดสเก็ตช์ของเขามีงานที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปอยู่ด้วย ขณะทุกคนก้มมองลายเส้นในสมุด และเงยหน้ามองเจ้าของผลงานไปด้วย บางคนจึงสนใจถามถึงเรื่องราวของศาสนาว่าเข้ามาข้องเกี่ยวกับชีวิตได้อย่างไร และแรงบันดาลใจของอดีตหนุ่มผมยาว ที่ทำให้ต้องไว้ทรงผม ทรงปัจจุบัน
“ใจไม่เคยคิดจะบวชเลย แต่ก่อนผมยาวกลางหลัง สมัยเอ๊าะๆ อายุ 20 กว่าๆ หลังจากไปอยู่อเมริกาได้ 2 ปี กลับมาเมืองไทยครั้งแรก พ่อบอกว่า ส่งลูกชายไปเรียนนะทำไมได้ลูกสาวกลับมา และตอนนั้นผมเอวแค่ 29
แล้วอยู่ดีๆ 8 ปีที่แล้วผมก็อยากจะบวช เพราะเกิดความคิดว่า แทนที่จะรอให้ญาติมิตรเสียไปก่อน ตัวอย่าง ย่าที่เขาเลี้ยงผมมา ให้ท่านเสียไปก่อน แล้วค่อยได้เห็นผ้าเหลือง ผมก็เลยคิดว่าให้ได้เห็นเลยดีกว่า ผมบวชเประมาณเดือนนึง หลังจากนั้นผมก็โกนผมตลอด
เดิมทีผมไม่ได้ล้านแบบล้านไปเลยทั้งหมด แต่มันก็ไม่ค่อยขึ้น ยังเป็นทรงอยู่ แต่มันจะมีบางมุมที่ ไฟตกกระทบแล้วเหมือนภูเขาหัวโล้น แล้วผมไม่อยากให้ไปถึงจุดที่ว่า เวลาลมพัดแล้วมันเปิด เหมือนคนแก่บางคน ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น ไหนๆถ้าผมมันจะไม่มีแล้ว โกนไปเลย มีความมั่นใจ มันจะเป็นได้เป็นคาแรคเตอร์ของเราเอง
ถึงตอนนี้ถ้าผมกลับไปไว้ผมยาว คนที่แม่ฟ้าหลวงก็คงจะบอกว่า อาจารย์เป็นไรเนี่ย สิบปีที่แล้วการโกนหัวอาจจะดู Advance กว่าคนอื่นนิดนึง อาจจะไม่มีคนยอมรับ แต่ว่า ณ ตอนนี้คนโกนหัวกันมากขึ้นนะ”
ได้อะไรจากธรรมะและการโกนหัว? บางคนสงสัย
“ผมอ่านธรรมะมากขึ้น นิ่งขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนโลกทัศน์เราทั้งหมด แต่ว่าเปิดมุมมองเรา ผมว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่มีเหตุผล บวชที่วัดโกมลรัตนาราม ที่ชลบุรี เป็นวัดที่คุณพ่อผมบวช คุณลุงผมบวช และคุณอาคนสุดท้องบวช ตอนนี้พ่อผมก็บวช อยู่เพิ่งบวชไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2555(หลังจากม็อบเสธ.อ้าย ก็เลยบวช ?) คือจริงๆต้องการบวชให้ในหลวงอยู่แล้ว บวชเดือนกว่า เงียบๆไม่บอกใคร ก็อนุโมทนาสาธุกับท่านไปด้วย
เราก็มองอย่างนี้ กับอะไรบางอย่างที่มันอธิบายเราไม่ได้ เช่น ทำไม คนที่เกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่างแต่ว่าลูกไม่ดีเลย หรือว่าคนที่ไม่ได้เพียบพร้อมแต่ว่าลูกอภิชาตบุตรมาเกิด หรือว่า เรื่องของ relationshipอย่างเรากับภรรยา ทำไมมันมาได้แค่นี้ มันหมดแล้วเหรอ มันสิ้นสุดแค่นี้เหรือ
แต่ตอนนี้ ก็เป็นเพื่อนกันครับ หรือแฟนเก่าเป็นคนอเมริกันก็ยังคุยกันอยู่ ตอนนี้เขาก็มีลูกไปแล้วคนนึง จบมาด้วยกันที่นู่น คบกันสี่ปี ไปอยู่ด้วยกันที่ Montana ด้วยซ้ำไป
เรามองอะไรที่เป็น logic (เป็นเหตุเป็นผล)มากขึ้น แทนที่จะเวิ่นเว้อ ก็เอาไอ้ตัวเวิ่นเว้อมาระบายกับสิ่งนี้ บางทีการทำงานอาร์ต เป็นการเอาออกไป”
>>>อาจารย์แก้วฟ้า เต็มใจให้
“ที่บ้านก็ยังงงๆอยู่ ว่าส่งผมไปเรียน 13 ปี เพราะอะไร” แก้วฟ้าบอกเล่าว่า ความเป็นศิลปินของเขายังสร้างความคลุมเครือให้กับครอบครัวอยู่ แต่ตอนนี้ การเป็นอาจารย์ไปด้วย ก็มีส่วนทำให้ทุกคนสบายใจขึ้น
“ผมชอบสอนครับ ชอบถ่ายทอดความรู้ ผมไม่หวงเลยนะครับ เวลาผมได้เทคนิคอะไรมา เรียนรู้อะไรมา ผมถ่ายทอดได้หมด ผมไม่รู้ว่าที่เมืองไทยเป็นยังไง แต่เท่าที่ฟังมาคือ อาจารย์บางท่านจะกั๊ก ว่าเทคนิคชั้นตรงนี้นะ อันนี้ฉันให้ไม่ได้ แต่ผมถูกปลูกฝังมาโดยการที่ว่า อยากได้อะไร ถ้าคุณต้องการจริงๆผมให้”
และอยากให้นิทรรศแรก(ในเมืองไทย)ของตังเอง เปิดหูเปิดตาบรรดาลูกศิษย์ให้กว้างไกลมากขึ้น
“หนึ่งอยากจะให้คนได้รู้จักเรามากขึ้น และสอง อยากให้คนเขาเห็น อีกด้านหนึ่งของอาจารย์แก้วฟ้า นอกจากที่เคยเห็นว่าคุยเล่นสนุก แล้วก็สอน Art Appreciation ให้เด็ก ผมอยากให้เด็กมาดู เพราะว่าสิ่งที่เราสอน เป็นสุนทรียศาสตร์เกี่ยวกับงานอาร์ต มาดูซิว่า ศิลปินจริงๆเขาทำกันยังไง ความคิดเขาคืออะไร เด็กที่เรียนกับผมตอนนี้เขาจะรู้แล้ว อ๋อเป็นอย่างนี้ เราก็จะอธิบายให้เขาฟังว่าแนวคิด (Concept)มันคืออันนี้นะ ถ้าเธอมาจะมาชมนิทรรศการ เธอจะได้มาอยู่ใน Photo book ของอาจารย์นะ เป็นอย่างนี้ๆนะ เพราะอาจารย์เล่นคำ
สาม อยากให้มองเห็นอีกด้านหนึ่งของงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผาว่า มันไม่ใช่แค่ปั้นหม้อปั้นไห และสี่ เพื่อจะบอกว่า ยังมีเราอยู่ตรงนี้อีกคนนึงนะ เพราะเราจบนอก ไม่มี Connection ที่นี่ ไม่ใช่ลูกหม้อศิลปากร ไม่ศรีนครินทรวิโรฒ ผมแอบน้อยใจเยอะ แต่ว่าศักยภาพเรามีครับ ต้องการบอกแค่นี้เอง”
เป็นบทสนทนาระหว่างสื่อกับ แก้วฟ้า เกษรศุกร์ ที่ปะปนไปด้วย ความเป็น “ศิลปินหลายใจ”, “ธรรมะในใจ” วกไปวกมาที่ “เรื่องของหัวใจ” และลงท้ายด้วย “น้อยใจ”
ชมภาพผลงานเพิ่มเติม และวันเปิดนิทรรศการ http://www.facebook.com/media/set/?set=a.497013406988870.113468.450892558267622&type=1
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW เซคชั่น Celeb Online www.astvmanager.com และ M-Art เซคชั่น Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com