ASTV ผู้จัดการรายวัน – เปิดปฏิทินสู่ศักราชใหม่ปี 2013 บรรดานักกอล์ฟอาชีพไทยต่างพร้อมใจกันทำผลงานดีชนิดที่ไม่มีใครยอมน้อยหน้า ไม่ว่าจะฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิง ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ จนเรียกได้ว่าเป็นปีทองที่สวิงไทยพัฒนาสู่ระดับโลก มีแชมป์ติดมือมาฝากแฟนๆ ชาวไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากเป็นโอกาสดีทั้งของนักกีฬาเองที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ นี่ยังถือเป็นการจุดกระแสกอล์ฟในไทยให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
โดยจุดเริ่มคือ เมื่อปลายปี 2012 ถาวร วิรัตน์จันทร์ ครองตำแหน่งมือ 1 เอเชียนทัวร์ เป็นสมัยที่ 2 ต่อเนื่องสู่ซีซัน 2013 กับความสำเร็จของ “โม” โมรียา จุฑานุกาล และ “เม” เอรียา จุฑานุกาล พี่น้องสาวดาวรุ่งที่ผลงานเด่นเกินอายุ ดังเป็นพลุแตกในเวทีแอลพีจีเอ ทัวร์ ร่วมกับ “โปรแหวน” พรอนงค์ เพชรล้ำ ที่เริ่มปรับตัวได้มากขึ้นหลังซึบซับประสบการณ์ในเวทีโลกมา 3 ปี ขณะที่ “โปรช้าง” ธงชัย ใจดี ยืนระยะได้ดีในวัย 43 ปี เกือบคว้าแชมป์วอลโว เวิลด์ แมตช์ เพลย์ ที่บัลแกเรีย ด้านคลื่นลูกใหม่อย่าง “โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์ ก็เพิ่งคว้าการ์ดของ ยูโรเปียน ทัวร์ ถือเป็นอีกหนึ่งสีสัน
จากกราฟที่พุ่งขึ้นอย่างน่าชื่นชม “โปรหลุยส์” ชยพัทธ์ สุนายนตร์ นายกสมาคมกอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย มองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของวงการ “นับเป็นปีทองของวงการกอล์ฟไทย และเป็นโอกาสดีของนักกอล์ฟในการเพิ่มประสบการณ์ สร้างชื่อเสียง คว้าเงินรางวัลเข้าสู่ประเทศ รวมถึงการสะสมอันดับเวิลด์แรงกิง ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าแข่งกีฬาโอลิมปิกในอนาคต ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมจากการไปแข่งต่างแดน ย่อมเป็นตัวแปรสำคัญนำไปสู่การพัฒนากอล์ฟในประเทศที่เริ่มได้รับความสนใจ ที่เห็นชัดคือสปอนเซอร์กล้าเข้ามาสนับสนุนมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียง 6-12 แมตช์ในไทย ปีนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 24-26 แมตช์เลยทีเดียว”
ขณะที่ความเห็นของ “โปรเจย์” วันปีย์ สัจจมาร์ค กูรูวงการสวิงและผู้บรรยายกอล์ฟทางโทรทัศน์ให้คำนิยามผลงานของเหล่าโปรไทยว่า “เป็นปีที่ดูกอล์ฟได้สนุกและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง” เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังไม่เคยมีฤดูกาลไหนที่มีนักกอล์ฟของไทยผ่านเข้าไปเล่นในทัวร์ต่างๆ ได้มากเท่าปีนี้ อีกทั้งสลับกันทำผลงานได้ลุ้นแชมป์กันทุกสัปดาห์ ทุกทัวร์ และทุกรุ่น ขาดแต่เพียงเวทีระดับ พีจีเอ ทัวร์ เท่านั้น
“เป็นปีที่ผมรู้สึกตามเชียร์คนไทยแล้วสนุก ครั้งสุดท้ายที่โปรอุ๋ย วิรดา นิราพาธพงศ์พร ผ่านเข้าไปในแอลพีจีเอ ทัวร์ ยังรู้สึกว่าไม่คึกคักขนาดนี้ แต่มาปีนี้เราตื่นตัวกันมาก เพราะมีให้ลุ้นได้ทุกรุ่นทั้งชายและหญิง เช่นเดียวกับแฟนกอล์ฟที่เริ่มติดตามมากขึ้น มีให้เลือกเชียร์หลายกลุ่มทางผู้หญิงอาจจะชอบ โมรียา-เอรียา ในแอลพีจีเอ หรือกลุ่มวัยรุ่น มี กิรเดช กับ พรหม มีสวัสดิ์ ในเอเชียน และยูโรเปียน ทัวร์ ส่วนขาประจำในกลุ่มผู้ใหญ่ต้องเชียร์ ธงชัย, ถาวร และ ประหยัด มากแสง” “โปรเจย์” กล่าวเสริม
ทั้งนี้ โปรวันปีย์ ชี้ในเรื่องของฝีมือนักกอล์ฟไทยไม่เป็นรองคู่แข่งต่างชาติ แต่สิ่งที่ต้องเสริมคือประสบการณ์ ความคุ้นเคยกับสถานที่และชีวิตนอกสนามในต่างแดน “ข้อเสียเปรียบของไทยอยู่ที่ความหลากหลายของสนามกอล์ฟยังมีน้อย ทำให้โปรไทยคุ้นเคยกับสภาพอากาศร้อนชื้นเพียงอย่างเดียว ลักษณะสนามเป็นพื้นราบสลับภูเขาแบบเดียวทั้งประเทศ ไม่มีสนามติดทะเล ไม่มีอากาศหนาวให้ทดลองเล่น เมื่อไปแข่งในยุโรปหรือแถบญี่ปุ่น เกาหลี ผลงานอาจไม่เหมือนเดิม การได้การ์ดทัวร์ตระเวนแข่งบ่อยๆ ทั่วโลกจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น”
สุดท้ายโอกาสที่จะเห็นธงชาติไทยปักในทัวร์นาเมนต์ระดับ พีจีเอ ทัวร์ โปรวันปีย์ ยังมั่นใจว่าระยะเวลาไม่เกิน 5 จะมีนักกอล์ฟไทยคว้าการ์ดทัวร์ไปเล่นได้ เพราะที่ผ่านมาโปรเรามีปัญหาการใช้ชีวิตในต่างแดน ไม่ชอบอาหารบ้าง ไม่ชินสภาพอากาศบ้าง สนทนาไม่เข้าใจบ้าง เมื่อมีปัญหาเรื่องจิตใจทำให้ฟอร์มในสนามไม่พัฒนา แต่สำหรับก้านเหล็กยุคใหม่อย่าง กิรเดช และ พรหม เริ่มเรียนรู้ปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมการใช้ชีวิตต่างแดนได้ดีขึ้น ไม่คิดถึงบ้าน เมื่อสภาพความเป็นอยู่ดี ผลงานในสนามจะพลอยดีตามไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้อย่างเร็วที่สุดในเวลา 2-3 ปีนี้ แฟนๆ คงได้เห็นโปรไทยคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ซิวการ์ดทัวร์เต็มฤดูกาลของ พีจีเอ ทัวร์ ได้อย่างแน่นอน