คำว่า “รวยแล้วทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด” ยังคงใช้ได้มาตลอดจนถึงปัจจุบัน เพราะใครจะคาดคิดว่า อัครมหาเศรษฐีของจีนจะลุกขึ้น “ก็อปปี้” ชาโต เดอ เมซอง ลาฟิต ซึ่งเป็นชาโตหรือปราสาทที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส มาตั้งแต่ในยุคศตวรรษที่ 17 หรือในยุครอคโคโค และโดดเด่นบนริมฝั่งแม่น้ำแซนน์ ชานกรุงปารีสมาเกือบ 4 ศตวรรษ
Mr. Zhang Yuchen (จาง อี้ เฉิน) อัครมหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งจีน ทุ่มทุนสร้างปราสาทหลังนี้ด้วยวงเงินถึง 50 ล้านดอลลาร์ โดย “ก๊อบปี้” ตรงตามต้นฉบับไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งนี้ นอกจากจะใช้แบบก่อสร้างที่ถูกออกแบบโดย Francois Mansart ตั้งแต่เมื่อปี 1651 และยังใช้ภาพถ่ายจากปราสาทของจริงอีกกว่า 10,000 ภาพ เพื่อช่วยให้ปราสาท “ก๊อบ” หลังนี้ออกมาอย่างเหมือนของจริงที่สุด ซึ่งก่อให้เกิดความปลาบปลื้มที่สุดที่ได้เป็นเจ้าของปราสาทแห่งนี้ แม้จะเป็นปราสาทดูใหม่เอี่ยมถอดด้ามก็ตาม แต่กระนั้น เมื่อตัวปราสาทที่เขาสั่งให้ “ก๊อบ” เสร็จออกมาแล้วก็ยังไม่หนำใจ เขาสั่งให้เพิ่มปีกออกไปอีกทั้ง 2 ด้าน และยังมีสวนขนาดเล็กเพิ่มขึ้นมาอีก
เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้คนก็ได้รู้ถึงวัตถุประสงค์ของเจ้าของ นั่นคือปราสาทหลังใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นทั้งโรงแรมและศูนย์ประชุมในชื่อ The Zhang Laffitte Chateau Hotel แต่สิ่งที่เจ้าของโครงการนี้พอใจที่สุดก็คือ การที่เขาได้ปรับปรุงอาคารหลังนี้ให้มีความสมบูรณ์ที่สุด ต่อความต้องการในยุคปัจจุบัน และแน่นอนว่า เขาย่อมต้องคิดถึงอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะ อุปกรณ์ทางด้านเทคโนโลยีทั้งหลาย ที่ถูกติดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งเมื่อเกือบ 4 ศตวรรษก่อนหน้านี้ยังไม่มี
Mr.Zhang บอกว่า ต้องการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของกรุงปักกิ่ง ที่จะเปิดประตูสู่โลกปัจจุบันและอนาคต ซึ่งกำลังจะกลายเป็นสิ่งสากลไปในที่สุด เขาเล่าว่า อันที่จริงแล้วต้องการจะ “ก๊อบปี้” ชะลอพระราชวังแวร์ซายส์มาไว้เสียที่นี่ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่า ขนาดของพระราชวังนั้นใหญ่เกินไปกว่าพื้นที่ที่เขาเตรียมไว้ ซึ่งเป็นท้องทุ่งที่เคยปลูกข้าวสาลี
“ชาโต เดอ เมซอง ลาฟิต” ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำแซนน์และป่าแห่ง แซ็งต์ แฌร์คแม็ง อ็อง เลย์ ซึ่งมีทั้งสวนไม้ดอก สวนป่า ในเนื้อที่ประมาณ 33 เฮกตาร์ แต่หากรวมถึงเนื้อที่ทั้งหมดแล้ว กินอาณาบริเวณถึง 300 เฮกตาร์ทีเดียว
ส่วน The Zhang Laffitte Chateau Hotel เวอร์ชันก๊อบปี้หลังนี้ จะเป็นทั้งโรงแรมและศูนย์การประชุมแล้ว และอีกส่วนหนึ่งของปราสาทใหม่หลังนี้ ยังทำเป็นสปาสำหรับผ่อนคลายความเมื่อยล้า และเป็นพิพิธภัณฑ์ไวน์ที่ Zhang เก็บสะสมไว้อีกด้วย
และแน่นอนที่สุดว่าบรรดาพนักงานทุกคนที่ให้บริการในปราสาทใหม่นี้จะต้องแต่งกายเช่นเดียวกับชาวฝรั่งเศสในยุครอคโคโค่เช่นเดียวกัน
เป็นอันว่าคนจีนนั้นใช่เพียงจะเก่งแต่ “ก๊อบ”ของแบรนด์หรูของฝรั่งเศสเท่านั้น และ เครื่องหนังและเสื้อผ้าต่างๆจะกลายเป็นของเด็กเล่นไปในทันที เมื่อปราสาทหลังใหม่นี้ได้อวดโฉมเต็มตา ทีนี้จะได้รู้กันเสียทีว่าของ “ก๊อบ”ที่หรูสุดๆประเภท “ฟูล อ็อพชั่น”นั้นเป็นอย่างไร