เป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้ว ของการแข่งขันกีฬาทุกชนิด ที่ต้องมี “มาสคอต” หรือตัวนำโชคอันเป็นสัญลักษณ์ของการแข่งขันเพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์และเป็นสัญลักษณ์ของทัวร์นาเมนท์ที่จะให้เป็นที่จดจำ และหมายถึงบรรดาของที่ระลึกต่างๆที่ผู้จัดการแข่งขันจะผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่พวงกุญแจ เข็มกลัด แก้วน้ำ ผ้าพันคอ ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าภาพผู้จัดการแข่งขันมักใช้สัตว์อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศของตนมาใช้เป็นรูปแอนนิเมชั่น ตัวการ์ตูนที่น่าเอ็นดูมาเป็นมาสคอตให้คนได้รู้จัก ซึ่งจะได้เห็นกันอย่างเต็มที่ในร้านแมคโดนัลล์ทุกสาชาทั่วโลก
มาสคอตของฟุตบอลยูโร 2012 ปีนี้ออกจะพิเศษตรงที่ เนื่องจากมี 2 ประเทศเป็นเจ้าภาพร่วมกันอันได้แก่โปแลนด์และยูเครน ดังนั้นตัวมาสคอตอันเป็นตัวแทนของสองประเทศเจ้าภาพจึงถูกกำหนดให้เป็นเด็กชายนักฟุตบอล 2 คน ในชุดฟุตบอลของชาติทั้งสอง โดยมาสคอตตัวแรกได้รับชื่อว่า Slavek สวมชุดฟุตบอลเสื้อสีขาว คอปกและขอบแขนขลิบสีแดง กางเกงสีแดงหมายเลข20 และมีผมเป็นสีแดงและขาวอย่างละครึ่งศีรษะ
ในขณะที่มาสคอตที่เป็นตัวแทนของยูเครนนั้นใช้ชื่อ Slavko สวมชุดฟุตบอลสีของยูเครน คือเสื้อสีเหลืองมีขลิบที่แขนและคอปกสีฟ้า และมีผมเป็นสองสีคือ ฟ้า-เหลือง อย่างละครึ่งเช่นเดียวกับของโปแลนด์
โดยชื่อของมาสคอตนั้นมาจากการโหวตจากประชานชนของทั้ง 2 ประเทศที่ส่งมาและประกาศผลที่เมืองเคียฟ จำนวน 39,233 คน ซึ่งชื่อของมาสคอตที่ถูกเสนอในครั้งนี้มี 3 คู่ ได้แก่ซื่อ Siemko & Strimko , Klemek & Ladiko และเมื่อผลโหวตออกมา ปรากฏว่าชื่อคู่ที่ชนะเลิศ ได้รับการโหวตที่ชนะเป็นเอกฉันท์ด้วยสัดส่วนถึง 56 % สำหรับชื่อคู่ที่สองได้รับเสียงโหวต 29% และ 15%ตามลำดับ
ผู้ที่เกี่ยวข้องในการสรรหาชื่อของมาสคอตนี้กล่าวอย่างพึงพอใจในชื่อที่ได้รับเป็นอย่างมาก โดยกล่าวว่ามาสคอตทั้งคู่นี้ แสดงถึงลักษณะของคนจากทั้งสองประเทศ ที่เป็นคนรุ่นหนุ่มที่มีความกระตือรือร้น มีความเป็นมิตรและร่าเริง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความพร้อมเพรียงและความยินดี ที่จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 นี้
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้มีทีมที่เข้าแข่งขันจาก 59 ประเทศในรอบคัดเลือก และคัดเหลือเพียง 16 ประเทศสำหรับการแข่งขันรอบสุดท้าย ในสนามทั้งหมดที่ใช้ในการแข่งขันจำนวน 8สนามในสองประเทศ โดยประเทศที่เป็นเต็งหนึ่งสำหรับการแข่งขันครั้งนี้คือประเทศเยอรมนี ในขณะที่สเปนซึ่งเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่เต็งสอง ตามมาด้วยฮอลแลนด์เป็นเต็งสาม และอังกฤษ ทีมที่คนไทยชื่นชมเป็นเต็งสี่ ในขณะที่ยูเครนซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าภาพร่วมถูกให้เป็นเต็งบ๊วย
