คอลัมน์ Sexociety โดย เริงฤทธิ์รัก
ภาพซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายแห่งศตวรรษที่ 21 ที่ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั่วโลก ด้วยรอยยิ้มที่สุขสันต์ ความอลังการงานพิธีเสกสมรสของราชวงศ์เก่าแก่แห่งยุโรป เหมือนดั่งภาพฝันที่ถูกสร้างขึ้นจากเทพนิยายก่อนนอน เป็นภาพยนตร์แสงสีเสียง ฉากใหญ่โตมโหฬารงานสร้าง ซึ่งสามารถตรึงท่านผู้ชมนานเท่านานไม่รู้ลืมเลือน
หนุ่มสาวคู่รักทั่วโลกต่างรู้สึกปิติ อยากเห็นภาพชีวิตรักของตนได้สมรสสมรักแบบนั้นมั่ง! ..ช่างเป็นฉากแห่งความสุขอันน่าประทับใจ น่าใฝ่ฝันหาเสียจริง
ฉากแรกในเทพนิยายมักขึ้นต้นด้วยคำว่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…” แต่ฉากในชีวิตจริงกลับเริ่มต้นด้วยคำว่า “เมื่อเวลาผ่านพ้นไป…” ซึ่งมักไม่ค่อยมีฉากสวยงามโรแมนติกหรอก หากประกอบไปด้วยฉากทุกข์โศกเศร้า สะเทือนใจ ไร้เสียงยินดี
(เจ้า)ชายและ(เจ้า)หญิงอาจต้องมานั่งบอกบุญไม่รับ นั่งห่างกันประมาณ 1 เมตรเป็นอย่างน้อยบนสำนักงานเขตที่กองทะเบียนราษฎร์ ด้วยการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย ขอแยกทาง แยกชีวิต แยกทรัพย์สิน ด้วยถ้อยคำจำง่าย อย่าง “ไม่รักกันแล้ว”, “ทัศนคติไม่ตรงกัน”, “ไม่เข้าใจกัน” ฯลฯ
บรรยากาศชื่นมื่นชื่นรักเหมือนวันแรกสมรสไม่ปรากฏให้เห็น มีแต่บรรยากาศอันอึดอัดขัดใจ ไม่สบสายตา
มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตสมรสสมรักในวันเวลาที่ผ่านมา
สำหรับความเป็นไปของเหตุการณ์ มันขึ้นอยู่ว่าเขาและเธออยู่ในสังคมเช่นไร บรรยากาศแวดล้อมเป็นอย่างไร
หากเป็นบ้านเราตะวันออกบางกอกเมืองไทยล่ะก้อ สาเหตุหลักๆ ของการหย่าร้างก็ซ้ำซากจำเจ เป็นเคสธรรมดา เช่นว่า
เมื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตคู่ บรรยากาศวัฒนธรรมครอบครัวมักติดหนึบตัดกันไม่ขาด ญาติเยอะ เพื่อนแยะ ต้องพัวพันกันทั้งสองฝ่ายชายและหญิงอย่างเลี่ยงไม่ได้
เกรงใจเมีย แต่เกรงใจแม่ด้วย
เกรงใจผัว แต่ก็เกรงใจแม่ตัว
เกรงใจเมีย แต่รำคาญแม่ยาย
เกรงใจผัว แต่เบื่อขี้หน้าพ่อผัว ฯลฯ
ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นฝ่ายที่ก้าวเข้าไปร่วมอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง แน่นอนว่าไม่นานช้า..ปัญหาต้องเกิดแน่นอน (ถ้าแยกไปอยู่ต่างหากเป็นครอบครัวเดี่ยว โอกาสเกิดปัญหาจุกจิกย่อมน้อยลง)
ยิ่งเป็นครอบครัวระบบกงสี มีธุรกิจพัวพันกันในเครือญาติ การดำเนินธุรกิจเยี่ยงนี้แยกกันไม่ออกระหว่างส่วนตัว ส่วนญาติ และส่วนรวม นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คู่รักกลายเป็นคู่ร้างในเวลาต่อมา (หมุนเงินจนเตียงหมุนไปด้วย)
บางคู่บางรายจบด้วยความสะเทือนใจโหดเศร้า ถึงขั้นเป็นข่าวสยองบนหน้าหนังสือพิมพ์
จะว่าไปแล้ว สาเหตุส่วนใหญ่ของการหย่าร้างเลิกรามักมาจากฝ่ายชายเป็นหลัก เมื่อชีวิตสมหวังสมรสสมอยาก นานไปไวจัง จากของดิ้นได้กลายเป็น “ของตาย” นิ่งนาน ผู้ชายเลยไม่ค่อยอยู่บ้าน งานการพลอยยุ่งขิง กลับดึกดื่นค่อนคืน
นั่นคือ สัญญาณแรกเตือนของชีวิตคู่
แล้วปัจจุบันไว้ใจได้ซะที่ไหน ล้วนแต่เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์สมอยากล่อใจทุกซอกซอย แปลกกลิ่น แปลกหน้า แปลกรสชาติ มีให้ท้าทายทุกอณูของสังคมเมืองบริโภคนิยม
บรรยากาศพาไป ความสดใหม่พาเพลิด ว่างั้นเถอะ
ยิ่งยุคนี้คำว่า “กิ๊ก” เป็นคำฮิตน่านิยมชมชอบซะด้วย มิหนำซ้ำ ยังมาเจอ “เรยา” เข้าจั๋งหนับ มีหรือจะรอดเงื้อมสวาทอันวาบหวาม
เมื่อ(เจ้า)ชายเพลิดเตลิดไกล (เจ้า)หญิงต้องนั่งทอดอาลัยขี้มูกโป่งเดียวดายในบ้าน หรือไม่ก็ต้องร้องเพลงกล่อมตัวเองโดยลำพังทั้งน้ำตา
หากฝ่ายหญิงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ยอมเสียผัว แถมไม่ยอมเสียทองอีกแน่ะ ก็รั้งตำแหน่งใหม่ “เมียหลวง” ไปล่ะกัน
..ต้องเตือนตัวเองหลังจากดูฉากโรแมนซ์อันสวยงามว่า ในเทพนิยายนั้นไม่มีคำว่า “กิ๊ก” หรือ “เรยา” เหมือนปัจจุบันที่นิยามนางทั้งสองเพ่นพ่านเต็มสังคมไปหมด ..อย่าประมาทพลั้งเผลอเป็นอันขาด
จากความสัมพันธ์แบบ “ชั่วคราว” มาเป็น “ค้างคืน” และในที่สุดก็ “ค้างคา” ..ปัญหานัวเนียตามมาตรึม!
ฉากแต่งงานก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่จริงๆ มักปิติเร้าใจ ทว่าฉากต่อไปอยู่ด้วยกันตัวเป็นๆ กลับร้อนใจตามมา ฉากจบจะนานหรือไวก็ต้องอยู่ที่เราสองครองคู่จะครองรักครองใจกันได้แค่ไหน
เพราะความเป็นไปของชีวิตคู่ที่แท้จริงมักเป็นดั่ง “ดอกส้มสีทอง” หาได้สวยสดงดงามสไตล์เทพนิยายไม่
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ภาพซินเดอเรลล่ากับเจ้าชายแห่งศตวรรษที่ 21 ที่ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั่วโลก ด้วยรอยยิ้มที่สุขสันต์ ความอลังการงานพิธีเสกสมรสของราชวงศ์เก่าแก่แห่งยุโรป เหมือนดั่งภาพฝันที่ถูกสร้างขึ้นจากเทพนิยายก่อนนอน เป็นภาพยนตร์แสงสีเสียง ฉากใหญ่โตมโหฬารงานสร้าง ซึ่งสามารถตรึงท่านผู้ชมนานเท่านานไม่รู้ลืมเลือน
หนุ่มสาวคู่รักทั่วโลกต่างรู้สึกปิติ อยากเห็นภาพชีวิตรักของตนได้สมรสสมรักแบบนั้นมั่ง! ..ช่างเป็นฉากแห่งความสุขอันน่าประทับใจ น่าใฝ่ฝันหาเสียจริง
ฉากแรกในเทพนิยายมักขึ้นต้นด้วยคำว่า “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…” แต่ฉากในชีวิตจริงกลับเริ่มต้นด้วยคำว่า “เมื่อเวลาผ่านพ้นไป…” ซึ่งมักไม่ค่อยมีฉากสวยงามโรแมนติกหรอก หากประกอบไปด้วยฉากทุกข์โศกเศร้า สะเทือนใจ ไร้เสียงยินดี
(เจ้า)ชายและ(เจ้า)หญิงอาจต้องมานั่งบอกบุญไม่รับ นั่งห่างกันประมาณ 1 เมตรเป็นอย่างน้อยบนสำนักงานเขตที่กองทะเบียนราษฎร์ ด้วยการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย ขอแยกทาง แยกชีวิต แยกทรัพย์สิน ด้วยถ้อยคำจำง่าย อย่าง “ไม่รักกันแล้ว”, “ทัศนคติไม่ตรงกัน”, “ไม่เข้าใจกัน” ฯลฯ
บรรยากาศชื่นมื่นชื่นรักเหมือนวันแรกสมรสไม่ปรากฏให้เห็น มีแต่บรรยากาศอันอึดอัดขัดใจ ไม่สบสายตา
มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตสมรสสมรักในวันเวลาที่ผ่านมา
สำหรับความเป็นไปของเหตุการณ์ มันขึ้นอยู่ว่าเขาและเธออยู่ในสังคมเช่นไร บรรยากาศแวดล้อมเป็นอย่างไร
หากเป็นบ้านเราตะวันออกบางกอกเมืองไทยล่ะก้อ สาเหตุหลักๆ ของการหย่าร้างก็ซ้ำซากจำเจ เป็นเคสธรรมดา เช่นว่า
เมื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตคู่ บรรยากาศวัฒนธรรมครอบครัวมักติดหนึบตัดกันไม่ขาด ญาติเยอะ เพื่อนแยะ ต้องพัวพันกันทั้งสองฝ่ายชายและหญิงอย่างเลี่ยงไม่ได้
เกรงใจเมีย แต่เกรงใจแม่ด้วย
เกรงใจผัว แต่ก็เกรงใจแม่ตัว
เกรงใจเมีย แต่รำคาญแม่ยาย
เกรงใจผัว แต่เบื่อขี้หน้าพ่อผัว ฯลฯ
ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นฝ่ายที่ก้าวเข้าไปร่วมอยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง แน่นอนว่าไม่นานช้า..ปัญหาต้องเกิดแน่นอน (ถ้าแยกไปอยู่ต่างหากเป็นครอบครัวเดี่ยว โอกาสเกิดปัญหาจุกจิกย่อมน้อยลง)
ยิ่งเป็นครอบครัวระบบกงสี มีธุรกิจพัวพันกันในเครือญาติ การดำเนินธุรกิจเยี่ยงนี้แยกกันไม่ออกระหว่างส่วนตัว ส่วนญาติ และส่วนรวม นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คู่รักกลายเป็นคู่ร้างในเวลาต่อมา (หมุนเงินจนเตียงหมุนไปด้วย)
บางคู่บางรายจบด้วยความสะเทือนใจโหดเศร้า ถึงขั้นเป็นข่าวสยองบนหน้าหนังสือพิมพ์
จะว่าไปแล้ว สาเหตุส่วนใหญ่ของการหย่าร้างเลิกรามักมาจากฝ่ายชายเป็นหลัก เมื่อชีวิตสมหวังสมรสสมอยาก นานไปไวจัง จากของดิ้นได้กลายเป็น “ของตาย” นิ่งนาน ผู้ชายเลยไม่ค่อยอยู่บ้าน งานการพลอยยุ่งขิง กลับดึกดื่นค่อนคืน
นั่นคือ สัญญาณแรกเตือนของชีวิตคู่
แล้วปัจจุบันไว้ใจได้ซะที่ไหน ล้วนแต่เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์สมอยากล่อใจทุกซอกซอย แปลกกลิ่น แปลกหน้า แปลกรสชาติ มีให้ท้าทายทุกอณูของสังคมเมืองบริโภคนิยม
บรรยากาศพาไป ความสดใหม่พาเพลิด ว่างั้นเถอะ
ยิ่งยุคนี้คำว่า “กิ๊ก” เป็นคำฮิตน่านิยมชมชอบซะด้วย มิหนำซ้ำ ยังมาเจอ “เรยา” เข้าจั๋งหนับ มีหรือจะรอดเงื้อมสวาทอันวาบหวาม
เมื่อ(เจ้า)ชายเพลิดเตลิดไกล (เจ้า)หญิงต้องนั่งทอดอาลัยขี้มูกโป่งเดียวดายในบ้าน หรือไม่ก็ต้องร้องเพลงกล่อมตัวเองโดยลำพังทั้งน้ำตา
หากฝ่ายหญิงไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ยอมเสียผัว แถมไม่ยอมเสียทองอีกแน่ะ ก็รั้งตำแหน่งใหม่ “เมียหลวง” ไปล่ะกัน
..ต้องเตือนตัวเองหลังจากดูฉากโรแมนซ์อันสวยงามว่า ในเทพนิยายนั้นไม่มีคำว่า “กิ๊ก” หรือ “เรยา” เหมือนปัจจุบันที่นิยามนางทั้งสองเพ่นพ่านเต็มสังคมไปหมด ..อย่าประมาทพลั้งเผลอเป็นอันขาด
จากความสัมพันธ์แบบ “ชั่วคราว” มาเป็น “ค้างคืน” และในที่สุดก็ “ค้างคา” ..ปัญหานัวเนียตามมาตรึม!
ฉากแต่งงานก่อนเริ่มต้นชีวิตคู่จริงๆ มักปิติเร้าใจ ทว่าฉากต่อไปอยู่ด้วยกันตัวเป็นๆ กลับร้อนใจตามมา ฉากจบจะนานหรือไวก็ต้องอยู่ที่เราสองครองคู่จะครองรักครองใจกันได้แค่ไหน
เพราะความเป็นไปของชีวิตคู่ที่แท้จริงมักเป็นดั่ง “ดอกส้มสีทอง” หาได้สวยสดงดงามสไตล์เทพนิยายไม่
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net