“สมาร์ต เนี้ยบ เรียบหรู” นับเป็นคอนเซ็ปต์หลักในสไตล์การออกแบบแฟชั่นฤดูกาลนี้ของดีไซเนอร์แทบทุกยุคทุกสมัย และยังนับเป็นภาพสะท้อนของ “ณิชยา ธรรมาวรานุคุปต์” สาวร่างสูงหุ่นเพรียวได้อย่างลงตัวที่สุด เพราะเธอเพียบพร้อมด้วย คุณสมบัติ รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติ ในฐานะทายาทคนสุดท้องของ “ตระกูลธรรมาวรานุคุปต์” เจ้าของแบรนด์เครื่องประดับจิวเวลรีชื่อดังของเมืองไทย “บลู ริเวอร์ ไดมอนด์” ที่ตอนนี้เธอมานั่งกุมบังเหียนในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ดูแลสืบทอดกิจการของครอบครัว
เมื่อพูดถึง บูล ริเวอร์ ไดมอนด์ ในอดีตทุกคนจะนึกถึง “คุณณรงค์-คุณวิภาดา ธรรมาวรานุคุปต์” ผู้ก่อตั้งและสร้างชื่อแบรนด์จิวเวลรีให้เป็นที่รู้จักในวงการอุตสาหกรรมอัญมณีมากว่า 30 ปี แต่ในปัจจุบันนี้ที่นับเป็นช่วงผลัดใบ ให้เจเนอเรชั่นใหม่อย่างบุตร 3 คน ก้าวขึ้นมาสืบสานธุรกิจแทน ทำให้สาววัยเพียง 26 ปี อย่าง “นุ่น-ณิชยา ธรรมาวรานุคุปต์” กลับดำรงตำแหน่งสำคัญระดับเอ็กเซกคูทีพ ไดเร็กเตอร์
ผู้บริหารรุ่นเยาว์
“นุ่นถือว่าเข้ามารับช่วงต่อธุรกิจตั้งแต่อายุยังไม่มากค่ะ ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นนุ่นอายุ 23 ปี เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมธุรกิจของครอบครัว ที่จริงวางแผนชีวิตตัวเองไว้ว่า หลังเรียนจบอยากทำงานบริษัทอื่น ลองเป็นลูกจ้างสักระยะหนึ่ง แต่ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน เพราะนุ่นทำงานได้เพียงปีเดียว คุณพ่อก็ล้มป่วย เลยลาออกมาดูแลท่าน พอท่านเสีย ก็ไปเรียนต่อแล้วรีบกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวแบบเต็มตัว” ณิชยากล่าว
ปัจจุบันนี้สามพี่น้องธรรมาวรานุคุปต์ ช่วยกันรับผิดชอบธุรกิจของครอบครัวอย่างแข็งขัน โดยณิชยาเล่าให้ฟังว่า “ธุรกิจของครอบครัวมี 3 ส่วนหลัก ภายใต้บริษัท บลู ริเวอร์ คอร์เปอเรชั่น สามพี่น้องก็แบ่งหน้าที่กันดูอย่างลงตัว พี่สาวคนโต (แนต-ณฐินี) ดูแลบริษัท จีเวล เดคอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจด้านการผลิตจิวเวลรีเพื่อการส่งออก ส่วนพี่ชาย (โน้ต-ณรัณ) รับผิดชอบดูแลบริษัท พีเอ็มที ดิ อาวร์ กลาวส (PMT The Hour Glass) ส่วนตัวนุ่นช่วยพี่ชายดูบริษัทนาฬิกา พร้อมด้วยดูแลแบรนด์ บลู ริเวอร์ ไดมอนด์ ซึ่งเป็นธุรกิจรีเทลทั้งหมด โดยคุณแม่เป็นที่ปรึกษา”
สาวน้อยมาดขรึม
โดยปกติบุคลิกของน้องสาวคนสุดท้าย มักจะดูเป็นเด็กน้อยที่มีแต่คนตามใจ ไม่โตเป็นผู้ใหญ่ แต่ณิชยากลับมีมาดนิ่ง ขรึม พูดจาฉะฉานอย่างมั่นใจ พร้อมมีมาดเป็นผู้นำราวกับพี่สาวคนโต
“หลายคนบอกว่านุ่นดูโตเกินอายุ อาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูของครอบครัว ที่เลี้ยงเรามาอย่างดี สอนให้เรารู้จักคิด รู้จักรับผิดชอบมาตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจส่งเราไปเรียนเมืองนอกทุกซัมเมอร์ ตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบได้ ให้เราได้ใช้ชีวิตเอง ยิ่งเมื่อเราต้องเข้ามาดูแลกิจการตั้งแต่อายุยังน้อย มีภาระต้องดูแล ทำให้เราต้องเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เราเข้ามารับสานต่อจากสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ร่วมกันสร้างด้วยความรัก เราก็ยิ่งต้องดูแลให้มันดีขึ้นต่อไป นุ่นจึงต้องตั้งใจทำงานเต็มความสามารถ”
ตอนนี้เธอยิ่งต้องมุมานะหนักขึ้น ด้วยว่ากำลังมีโปรเจ็กต์ใหญ่ นั่นคือ การปรับเปลี่ยนรูปโฉมแบรนด์ บลู ริเวอร์ ไดมอนด์ ใหม่ทั้งหมด
“เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนเป็นชื่อเหลือเพียงแค่ บลู ริเวอร์ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ดูจากชื่อเราเห็นคำว่า ไดมอนด์ ก็คิดว่าธุรกิจหลักเราคือการจำหน่ายเพชร ซึ่งในความเป็นจริงเราเป็นแบรนด์จิวเวลรีที่มีความหลากหลาย ทั้งเพชรและพลอย และทั้งยังปรับแบรนด์ให้ทันสมัยขึ้น กระฉับกระเฉง โดยมีการเปลี่ยนโลโก้ จัดแบ่งคอลเลกชั่นใหม่และเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า รวมไปถึงมีแผนการณ์ในอนาคตที่จะไปนำแบรนด์ออกไปต่างประเทศ เปลี่ยนแต่จากเป็นผู้ผลิต เป็นส่งออกไปในนามแบรนด์ของเราเอง“
แบ่งเวลาให้ครอบครัว
พูดถึงเรื่องงานมากันพอสมควรแล้ว เราจึงให้เธอเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวบ้าง ณิชยาบอกว่าทำงานหนัก ก็ต้องให้มีเวลาให้กับชีวิตและครอบครัว อย่าให้งานมาอยู่เหนือชีวิตเราได้ ไม่อย่างนั้นชีวิตเราอาจจะประสบความสำเร็จ แต่ไม่มีความสุข
“แม้จะบ้างานขนาดไหน เราก็ห้ามลืมครอบครัว ให้เวลากับพ่อแม่ พี่น้องบ้าง ไม่อย่างนั้นอาจจะเสียใจภายหลัง แล้วเราไม่สามารถเรียกเวลากลับคืนมาได้ อย่างตอนคุณพ่อเสีย นุ่นก็มีเสียใจ เพราะรู้สึกว่าเราอยู่กับท่านน้อยไป ตอนนี้เลยพยายามแบ่งเวลาให้ลงตัว นอกจากวันหยุดธรรมดาที่พยายามให้เวลาเพื่อนกับครอบครัวแล้ว...
ทุกปีนุ่นจะมีทริปเที่ยวใหญ่กับครอบครัวปีละ 2 ครั้ง ไปกันพร้อมหน้าพร้อมตาครบ 4 คน แม่-ลูก เหมือนเป็นการไปชาร์จแบต จะไปเที่ยวยาวเป็นสัปดาห์เลย โดยมากอาศัยช่วงเทศกาล วันหยุดยาว หรือไม่ก็ช่วงไปงานเทศกาลนาฬิกาบาเซิลส์ เวิลด์ ที่สวิส แล้วเที่ยวต่อ อย่างทริปที่ผ่านมาก็ไปขับรถเที่ยวแถบโพรวองซ์ ทางใต้ของฝรั่งเศส ขับไปเรื่อยๆ แวะเมืองนั้นเมืองนี้ ดูวิวสวยๆ ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน หรือถ้าไม่ใช่ทริปใหญ่ช่วงสัปดาห์ไหนว่างตรงกันก็จะออกไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัด”
ความลำบากของสาวร่างสูง
สำหรับสาวๆ การได้ทำงานอยู่แถวสยามสแควร์ สามารถเดินชอปปิ้งที่ศูนย์การค้าพารากอนได้ทั้งวันนับเป็นความฝันอย่างหนึ่ง แต่สำหรับณิชยามันกลับกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ
“ทำงานอยู่แถวห้างสรรพสินค้า เลยไม่ชอบเดินห้างแล้ว เวลาว่างอยากอยู่กับธรรมชาติมากกว่า ได้ออกไปเจอแสงแดดบ้าง แล้วนุ่นก็ไม่ชอบชอปปิ้ง จะไม่เดินดูของเรื่อยเปื่อย ทุกครั้งที่ชอปจะมีจุดหมาย ว่าไปร้านไหน อยากได้อะไร ซื้อเสร็จไปเลยทีเดียว”
ด้วยร่างที่สูงเพรียวกว่า 174 เซนติเมตร เกินมาตรฐานสาวไทย ทำให้สาวนุ่นหาซื้อเสื้อผ้าสวมใส่ค่อนข้างยาก ทำให้เธอมักจะต้องเลือกหาซื้อแบรนด์เสื้อผ้าต่างประเทศ เนื่องจากของไทยมักไม่มีไซส์เธอ รวมไปถึงความคิดที่จะดีไซน์สั่งตัดเสื้อผ้าใส่เอง จะได้ถูกใจและใส่ได้พอดีตัว ซึ่งเรื่องการออกแบบคงไม่เป็นเรื่องยากสำหรับสาวคนนี้ เพราะเธอเองก็สนใจติดตามความเคลื่อนไหวของแฟชั่นอยู่ไม่น้อย
“ด้วยความที่เป็นผู้ผลิต ทำให้นุ่นต้องติดตามว่าตอนนี้อะไรอิน อะไรเอาต์ ซึ่งไม่ได้ดูแค่เฉพาะเรื่องจิวเวลรี หรือนาฬิกา เพราะปัจจุบันนี้ดีทุกอย่างมันครอสกันหมด อย่างบางเทรนด์เห็นในเสื้อผ้าเขาก็ประยุกต์มาใช้ออกแบบเครื่องประดับ หรืออย่างลายของจิวเวลรีบางที่ก็ไปโผล่อยู่กับนาฬิกา ดังนั้น เราต้องเก็บข้อมูลจากหลายๆ อย่าง ทั้งกระแสแฟชั่น สถาปัตยกรรม ประสบการณ์การเดินทาง รวมไปถึงดูจากแบรนด์อื่นเวลาออกงานแฟร์”
จิวเวลรีสำหรับซีซั่นนี้
ได้คุยกับสาวผู้เกาะติดเทรนด์และรู้จริงเกี่ยวแฟชั่นจิวเวลรีอย่างนี้ เราเลยขอให้เธอแนะนำการเลือกซื้อ เลือกใส่จิวเวลรีที่เหมาะสมกับช่วงฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวนี้
“จิวเวลรีก็มีช่วงซี่ซั่นเหมือนกับเสื้อผ้า แต่จะไม่เปลี่ยนบ่อยมากนัก โดยจะมี 2 ช่วง คือ ฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อน ที่จะเน้นลูกเล่นสีสันสดใส ใช้พลอยสีๆ หรือฤดูหนาว ก็เน้นขรึมๆ
สำหรับช่วงนี้เทรนด์แฟชั่นของเครื่องประดับจะออกแนวแอบสแทรกต์ (Abstract) อย่างลวดลาย หรือรูปร่างต่างๆ เช่น รอยยับของผ้า หรือการตัดกระดาษออกมาเป็นชิ้น ซึ่งจะออกมาในรูปของงานศิลปะมากขึ้นค่ะ และที่กำลังมาแรงคือการใช้สีดำในเครื่องประดับ อย่างพวกตัวฐานดำ แบล็กโรเดียม ซึ่งทำให้ตัวเพชร พลอยดูเด่นขึ้น หรือการใช้เพชรดำ ที่เป็นที่นิยมมากในต่างประเทศ แต่เพิ่งมาเป็นที่รู้จักในบ้านเรา ซึ่งเพชรดำก็สามารถเพิ่มสีสันให้กับเครื่องประดับได้ไม่น้อยสำหรับคนที่ชอบความวาวของเพชร”
สาวคนไหนที่ไม่อยากจะเอาต์ในซี่ซั่นนี้ นอกจากเรื่องเสื้อผ้าแล้ว อย่าลืมหันมาอัปเดตเครื่องประดับหาจิวเวลรีเก๋ๆ เข้ากับเทรนด์แฟชั่นตามคำแนะนำของสาวนุ่นด้วยละกัน รับรองได้ว่า ต้องอินเทรนด์และเก๋ไก๋กว่าใครๆ อย่างแน่นอน <>
นางแบบ :: ณิชยา ธรรมาวรานุคุปต์
เสื้อผ้า :: Dior คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2009 มีจำหน่ายที่ชั้น G ศูนย์การค้าเกษร และชั้น G ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม โทรศัพท์ 0-2261-0360-6 และ Chloe คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาว 2009 มีจำหน่ายที่ศูนย์กาาค้าสยามพารากอน โทรศัพท์ 0-2610-9975
เครื่องประดับ :: นาฬิกา Hublot มีจำหน่ายที่ PMT The Hour Glass ชั้น 2 ศูนย์การค้าเกษร โทรศัพท์ 0-2656-1212
แต่งหน้า :: จีรวัฒน์ วรรธนะวิริยะกุล จากเครื่องสำอางลังโคม โทรศัพท์ 0–2684-3000
สถานที่ :: ซิการ์ เลานจ์ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0-2656-0444
ช่างภาพ & สไตลิสต์ :: จิน ธรรมโชติ
บรรณาธิการแฟชั่น :: ไซม่อน พี