เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์บุคลิกร่าเริง สดใส อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเธอคนนี้เป็นสาวน้อย เพิ่งเปิดตัวสู่วงสังคม หรือบันฑิตจบใหม่ เพราะที่จริงแล้ว “พริงก์-พิชยนันท์ จินดาพร” คือสาวสวยวัย 31 ปี ที่ผ่านงานมาหลากหลายทั้ง ผู้สื่อข่าว (ภาคภาษาอังกฤษ) นักเขียน คอลัมนิสต์ ประชาสัมพันธ์ นักเต้น ครูสอนบัลเลต์ ดีเจเปิดแผ่น ไปจนถึงผู้จัดอีเวนต์ ซึ่งอาชีพหลักปัจจุบันของเธอ คือเป็นดีไซเนอร์และเจ้าของ “Pring” แบรนด์รองเท้าและเครื่องหนังสุดเปรี้ยวที่กำลังมาแรงและเป็นที่จับตามองในประเทศฝรั่งเศส
พูดถึง พริงก์ (Pring) สำหรับคนไทย อาจจะไม่คุ้นหู แต่สำหรับสาวฝรั่งเศสที่สนใจแฟชั่นแล้วกลับรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะพริงก์ถือเป็นแบรนด์รองเท้าที่กำลังมาแรง โดยมีเจ้าของเป็นสาวไทยแท้ๆ นาม “พริงก์-พิชยนันท์ จินดาพร” ที่เพิ่งคว้ารางวัล ดีไซเนอร์แห่งปี 2009บนเวที “ซาลง เดอ ลา โชสซูร์ มิเดก” งานแสดงรองเท้าอย่างเป็นทางการงานเดียวในฝรั่งเศสมาครองได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
หลายคนคงอยากรู้ว่าสาวไทยตัวเล็กๆ คนนี้ก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร วันนี้...เราจะพาคุณไปรู้จักตัวตนและหนทางชีวิตที่เธอก้าวเดินผ่าน จนกลายมาเป็นดาวดวงใหม่ที่น่าจับตามองในแวดวงแฟชั่นฝรั่งเศส
+ ฟังจากชื่อเล่นก็รู้ได้ว่า “พริงก์” เป็นสาวไทยแท้ๆ แม้จะไปเรียนสหรัฐอเมริกาอยู่เกือบ 10 ปี ตั้งแต่อายุ 14 ปี จนจบปริญญาตรี จากยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคลิฟอร์เนีย เบิร์กเล่ย์ ถึง 2 สาขา ด้านประวัติศาสต์ศิลป์และโมเดิร์นแดนซ์ ปัจจุบันเธอใช้เวลาในฝรั่งเศสเป็นส่วนใหญ่ แต่เธอก็พูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีปนภาษาอังกฤษเลยแม้แต่น้อย
+ หลังเรียนใช้เวลาค้นหาตัวเองอยู่เกือบ 3 ปี โดยทำงานกับบางกอกโพสต์และเอเชียวีกส์ เขียนข่าวศิลปะ วัฒนธรรม ไปจนถึงประเด็นสังคม เป็นฟรีแลนซ์คอลัมนิสต์แมกกาซีนต่างๆ ก้าวข้ามไปทำบริษัทโฆษณา ประชาสัมพันธ์ จนไปถึงการเป็นการสอนเต้นให้กับบางกอกแดนซ์
+ เมื่อรู้สึกอิ่มตัวอยากหาความท้าทายใหม่ๆ พริงก์มุ่งสู่ฝรั่งเศสโดยตั้งใจจะไปเรียนต่อทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ที่จบมา “อยากเปิดหูเปิดตาไปเจออะไรใหม่ๆ เลยเลือกที่นี่เพราะภาษาก็พูดไม่ได้ เพื่อนก็ไม่มี เหมือนไปผจญภัย” มุมานะเรียนภาษาอยู่ 6 เดือน เธอจึงได้ตอบรับเข้ามหาวิทยาลัย และขณะรอเปิดภาคเรียน ชีวิตก็ถึงจุดหันเหเมื่อเธอลงคอร์สแฟชั่นสั้นๆ ซึ่งถึงแม้เธอจะบอกว่า “เป็นคอร์สที่สอนไม่ได้เรื่อง” แต่เธอก็ได้ค้นพบความชื่นชอบแฟชั่นของตัวเอง
+ การเป็นนักศึกษาแฟชั่น เปิดโอกาสให้เธอได้เข้าไปฝึกงานกับบริษัทต่างๆ เป็นการปูพรมเพื่อก้าวเดินสู่วงการแฟชั่นของปารีส ที่หลายคนบอกว่าเข้ายาก แต่สำหรับเธอกลับเป็นเรื่องง่าย “อาจเพราะพริงก์หน้าด้าน (พลางหัวเราะ) อยากทำที่ไหนก็เดินดุ่มๆ เข้าไปเลย ซึ่งเราไม่ได้มุ่งไปที่แบรนด์ใหญ่ๆ แต่เราเลือกแบรนด์เล็กๆ ที่ได้เรียนรู้งานจริง ทำทุกอย่างทั้งดีไซเนอร์ สไตลิสต์ จัดอีเวนต์”
+ จากจุดเริ่มต้นหนึ่งทำให้เธอได้ลากจุดต่อๆ ไป โดยการรู้จักผู้คนจากงานต่างๆ เริ่มมีคอนเนกชั่น และพบกับโอกาสใหม่ๆ มากมาย ซึ่งเธอได้มองเห็นช่องทางการทำตลาดรองเท้าในฝรั่งเศส ความคิดที่จะรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ จึงเกิดขึ้น
+ ด้วยความเป็นคนกล้าลุย เธอเดินหน้าเปิดโรงงานรองเท้าในเมืองไทยทั้งที่ไม่มีประสบกาณ์ “พริงก์ชอบคิดแล้วลงมือเลย และค่อยเรียนรู้ไป ซึ่งโชคดีเพราะถ้าคิดเยอะคงไม่ได้ทำ ตอนนั้นคิดแค่คนอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ไปตระเวณดูโรงงานรองเท้า แล้วก็จ้างผู้เชี่ยวชาญและช่าง ปรึกษาเพื่อนดีไซเนอร์ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ เอารองเท้าแบรนด์ดังมาศึกษา”
+ ตอนแรกที่คิดแค่รับจ้างผลิต แต่ด้วยความเป็นน้องใหม่ยังไม่มีผลงาน ทำให้เธอต้องเริ่มออกแบบเพื่อผลิตงานเป็นตัวอย่าง รองเท้าในสไตล์พริงก์จึงเกิดขึ้น และเกิดไอเดียในการทำแบรนด์ตัวเอง “ลงมือทำแล้วรู้สึกว่าสนุกตอนดีไซน์นี่แหละ ดังนั้น เรื่องอะไรจะให้คนอื่นสนุกแล้วเราผลิตอย่างเดียว และพริงก์เคยซื้อร้านเล็กๆ ที่ฝรั่งเศสไว้ ก็เลยคิดว่าเปิดร้านแบรนด์ของตัวเองขายเลยดีกว่า”
+ ชื่อ “พริงก์” บางคนอาจจะว่าเชย แต่สำหรับพิชยนันท์มันเก๋และเป็นตัวตนของเธอ จึงใช้ชื่อนี้เป็นแบรนด์พริงก์ เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคมปี 2007 มีร้านบูติกเล็กๆ ในชาโล ย่านสุดฮิปของปารีส มีทั้งรองเท้าและกระเป๋าที่ทำจากหนังอย่างดี ตัดเย็บแบบแฮนด์เมดทั้งหมด
+ พริงก์ให้คำจำกัดความสินค้าของเธอว่า เป็นรองเท้าระดับหรูหรา ในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งคาแรกเตอร์ของแบรนด์ก็ถ่ายทอดความเป็นตัวเธอได้อย่างเด่นชัด มีทั้งความเปรี้ยว ซ่า สนุกสนาน เป็นสาวลุยๆ กล้าแต่งตัว สนุกกับชีวิต สดใส มั่นใจในตัวเอง
+ นอกจากแบรนด์ตัวเองแล้ว เธอยังรับผลิตให้แบรนด์อื่นด้วย ซึ่งเธอทำตั้งแต่ออกแบบไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ “ต้องทำตั้งแต่ดีไซน์เพราะงานพวกนี้ละเอียดมาก เราต้องรู้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง มันยากถ้าเราไม่ได้ดีไซน์เอง เนื่องจากเรายังไม่มีประสบการณ์พอที่จะผลิตตามแบบคนอื่นได้”
+ “ลูกค้าของพริงก์จะไม่ใช่แบรนด์รองเท้าโดยตรง แต่เป็นแบรนด์พวกเสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่เขาอยากได้รองเท้าไปเสริม มีทั้งวางขายประกอบและใช้สำหรับเดินแฟชั่น อย่างสวารอฟสกี้สั่งไปใช้เดินแบบตลอด หรือมาจ (Maje) แบรนด์เสื้อดังของฝรั่งเศส ที่เขาไม่ถนัดด้านนี้ เขาก็จะมาหาเราซึ่งทำให้เสร็จทุกอย่าง”
+ สินค้าทั้งหมดเธอผลิตในเมืองไทย โดยเธอจะดูร้านที่ฝรั่งเศสเป็นหลักและบินกลับมาคุมการผลิตปีละหลายครั้ง พร้อมใช้ระบบสื่อสารติดต่องานข้ามประเทศ “ช่างเมืองไทยมีฝีมือและเทคนิคอยู่แล้ว เรามาเสริมเรื่องดีไซน์ แล้วก็เลือกใช้วัตถุดิบดีๆ เท่านี้ก็ไม่แพ้แบรนด์ดังแล้ว โดยพริงก์เลือกใช้หนังจากอิตาลี ฝรั่งเศส”
+ พริงก์ภูมิใจทุกครั้งที่เห็นคนสวมใส่ผลงานของเธอ แต่ที่ประทับใจที่สุดคือ “มีเพื่อนที่เพิ่งสนิทกันมาไม่นานแล้วเราเพิ่งจะได้นามบัตรเขา ซึ่งในนั้นมีรูปเขาใส่รองเท้าที่เราออกแบบ เราก็งงว่าเคยให้ยืมคู่นี้เมื่อไร เพราะเขาเป็นพรีเซนเตอร์เอ็มทีวีเป็นเซเลบริตี้ เราให้ยืมรองเท้าแบรนด์เราใส่ออกงานบ่อยๆ แต่คู่นี้จำไม่ได้ว่าเคยให้ยืม สรุปว่าเขาไม่ได้ยืมแต่มีคู่นี้ก่อนรู้จักกับเราเสียอีก
มันเป็นรองเท้าที่เพื่อนพริงก์ซึ่งเป็นช่างภาพขอยืมไปถ่าย ซึ่งเป็นคู่ต้นแบบยังไม่ได้ติดยี่ห้อเลย ตอนเอาไปเขาก็ถามว่าถ้ามีคนอยากได้จะขายเลยไหม พริงก์ก็โอเค แล้วสรุปก็เป็นเพื่อนเราที่ตอนนั้นยังไม่รู้จักกันคนนี้แหละที่ใส่ถ่ายแล้วขอซื้อไป(หัวเราะ)”
+ รองเท้าของเธอนับได้ว่าเป็นที่นิยม มีการถ่ายลงหนังสือ นำไปใช้ถ่ายแบบ ถ่ายรายการอยู่เสมอ และมีลูกค้าประจำอยู่ไม่น้อย เพราะความโดดเด่นไม่เหมือนใคร “เราจะต่างจากแบบหรูขรึม สีทึมตามสไตล์ฝรั่งเศสทั่วไป พริงก์ใช้หนังหลากประเภททำสีสดๆ ไม่ก็สั่งทำสีใหม่ ทำให้มีสวยแปลกตาทีแกมแฟนตาซีหน่อยๆ”
+ การออกแบบของเธอนับว่ามีสไตล์ในตัวเอง โดยเธอจะเน้นการไปดูศิลปะ นิทรรศการ การพบเจออะไรต่างๆ มากมาย มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ “เป็นคนไม่ตามเทรนด์แฟชั่น ไม่ชอบดู เพราะมันทำให้เราเก็บมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้งานเราเหมือนคนอื่น พริงก์พยายามออกแบบมาจากตัวตนของเราเอง เก็บสะสมจากประสบการณ์ชีวิตเรา แล้วมันก็กลั่นกรองออกมาเป็นผลงานเอง ทำให้งานของพริงก์ไม่เหมือนใคร”
+ นอกจากงานหลักแล้ว สาวพริงก์ยังคงคอนเซ็ปต์สาวมากความสามารถ ทั้งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์โปรเจ็กต์ต่างๆ แปลงร่างเป็นดีเจสาวเปิดแผ่นสร้างความบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยวและเหล่ามนุษย์ปาร์ตี้ โดยประจำที่ผับเดือนละครั้ง และตามงานอีเวนต์
“พริงก์จะเน้นพวกเพลงสไตล์อิเลกโทรนิก ฮิปฮอป และอีกหลายแนวมาผสมกัน เพราะเป็นคนชอบฟังเพลงมากและฟังทุกแนว อย่างเพลงไทยก็มีไปเปิดที่นู่นด้วย พวกก้านคอคลับเราก็เอาไปมิกซ์แล้ว ฝรั่งเขาก็ชอบนะ”
+ สำหรับความฝันและอนาคตของสาวคนนี้ เธอวางแผนจะสร้างแบรนด์ของเธอให้มั่นคงและเติบโตขึ้น โดยการเพิ่มไลน์สินค้า โดยเธอกำลังมองไปที่ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย ที่เธอเห็นว่ายังมีช่องทางให้เข้าไปบุกเบิกได้ รวมไปถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ในส่วนอื่นอีกมากมาย
รู้จักกับสาวเก่งมากความสามารถคนนี้กันไปพอสมควรแล้ว ถ้าใครอยากรู้จักสไตล์และผลิตภัณฑ์ของเธอมากกว่านี้ ลองไปเดินชอปปิ้งที่ร้าน SODA สาขาศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ได้ เพราะหลังจากที่ไปเสริมความเก๋ให้เรียวขาสาวฝรั่งเศสอยู่เป็นปี ตอนนี้เธอนำเอาแบรนด์พริงก์ เข้ามาขายในเมืองไทยที่นี่เป็นที่แรก เอาใจสาวแฟชั่นนิสต้าเมืองไทยให้ได้อินเทรนด์ไม่น้อยหน้าสาวปารีเซียงเลยทีเดียว
Credit
นางแบบ :: พิชยนันท์ จินดาพร
เครื่องแต่งกาย :: เสื้อผ้าจาก SODA รองเท้าและกระเป๋า จาก Pring มีจำหน่ายที่ร้าน SODA สาขาศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรี่ยม
แต่งหน้า :: จีรวัฒน์ วรรธนะวิริยะกุล จากเครื่องสำอางลังโคม โทรศัพท์ 0-2684-3000
ช่างภาพ & สไตลิสต์ :: จิน ธรรมโชติ
บรรณาธิการแฟชั่น :: ไซม่อน พี