ในยุคที่ตลาดสมาร์ทโฟนราคาไม่เกินสองหมื่นบาทกลายเป็นตลาดขนาดกลางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลายค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มหันมาพัฒนาฟีเจอร์แปลกใหม่และสร้างจุดขายที่โดดเด่นให้กับสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้มากขึ้น ดังเช่น HTC (เอชทีซี) Desire EYE ที่ทางเอชทีซีสร้างความแปลกใหม่ด้วยกล้องหน้าและหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลชแบบคู่ทั้ง 2 ด้านไปถึงสเปกเครื่องที่ถูกจัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ แตกต่างจาก Desire หลายรุ่นก่อนหน้านี้ที่มักจะเป็นสมาร์ทโฟนลดสเปกธรรมดาทั่วไป
การออกแบบ
HTC Desire EYE ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นบนสุดของตระกูล Desire แต่สเปกภายในเทียบเคียงกับ HTC One E8 และ M8 ได้ โดยการออกแบบ Desire EYE ค่อนข้างแตกต่างจากสมาร์ทโฟนระดับบนอย่างมาก โดยเฉพาะบอดี้ที่เอชทีซีเลือกใช้พลาสติกน้ำหนักเบาผิวด้าน ออกแบบให้มีความสปอร์ตด้วยขอบเครื่องเป็นพลาสติกด้านสีแดง (Coral Reef) ในรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบ ส่วนอีกสีจะเป็นสีน้ำเงิน Matte Blue
ขนาดตัวเครื่องกว้าง x ยาวอยู่ที่ 73.8x151.7 มิลลิเมตร หนา 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนักอยู่ที่ 154 กรัม และรองรับมาตรฐาน IPX7 โดยตัวเครื่องสามารถใช้งานใต้น้ำ 1 เมตรนาน 30 นาทีได้
ด้านจอภาพเอชทีซีเลือกใช้ IPS LCD Panel ป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3 ขนาดหน้าจออยู่ที่ 5.2 นิ้วความละเอียด FullHD 1,920x1,080 พิกเซล ความละเอียดพิกเซลต่อตารางนิ้วอยู่ที่ประมาณ 424ppi
ในส่วนกล้องถ่ายภาพทั้งด้านหลังและด้านหน้าจะรองรับความละเอียดเท่ากันคือ 13 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ภายในเป็น BSI ทั้งคู่ ไฟแฟลชก็เป็น LED ทูโทนทั้ง 2 ตัวและวิดีโอสามารถบันทึกที่ความละเอียด FullHD 1080p ได้ทั้ง 2 ตัวเช่นกันแต่ในส่วนของรูรับแสงจะแตกต่างกันโดยกล้องหลังจะใช้ f2.0 กล้องหน้า f2.2 พร้อมรองรับ HDR อัตโนมัติสำหรับถ่ายย้อนแสง
มาถึงอีกหนึ่งการออกแบบที่ชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจของเอชทีซีในการสร้างความแตกต่างให้กับกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางก็คือการเลือกติดตั้งไมโครรับเสียง 3 ตัวแบบเดียวกับไฮเอนด์โฟนในการตรวจจับเสียงสนทนาโทรศัพท์และเสียงสภาพแวดล้อมประกบ Sense Voice เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนและเพิ่มคุณภาพเสียงสนทนาให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนั้นในส่วนของลำโพง เอชทีซียังคงใช้ลำโพงคู่สเตอริโอพร้อมแอมพลิไฟเออร์ในตัวประกบเทคโนโลยี HTC BoomSound เหมือนทุกรุ่นที่ผ่านมา โดยการออกแบบลำโพงในรุ่น Desire EYE ค่อนข้างเนียนตาด้วยการซ่อนลำโพงไว้ที่ขอบจอทั้งสองด้าน อีกทั้งเอชทีซียังได้ปรับโทนเสียงใหม่เน้นเสียงกลางและเบสมากขึ้นทำให้เสียงที่เปล่งออกมามีมิติมากกว่าเดิม
ข้างเครื่องด้านขวาจะเป็นช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบ NanoSIM และช่องใส่ MicroSD Card (รองรับความจุสูงสุด 128GB) โดยทั้งสองช่องจะมียางปิดไว้เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่ภายใน
อีกด้านจะเป็นที่อยู่ของปุ่มคำสั่งได้แก่ จากซ้ายของภาพคือปุ่มชัตเตอร์กล้อง ถัดมาเป็นปุ่มเปิดปิด Sleep/Awake เครื่องและสุดท้ายคือปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
ส่วนด้านบนและล่างของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร พอร์ตไมโครยูเอสบีและช่องไมโครโฟน โดยถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าทั้งช่องหูฟังและไมโครยูเอสบีจะไม่มีจุกยางปิดกันน้ำเพราะทางเอชทีซีได้เคลือบสารป้องกันน้ำไว้ภายใน แต่ทั้งนี้เมื่อนำสมาร์ทโฟนขึ้นจากน้ำ เพื่อความปลอดภัยควรนำผ้าเช็ดพอร์ตทั้งสองนี้ให้แห้งก่อนนำสาย MicroUSB หรือสายหูฟังมาเสียบใช้งาน
สเปก
HTC Desire EYE ใช้ซีพียู Qualcomm Snapdragon 801 Quad-Core ความเร็ว 2.3GHz แรม 2GB รอมภายใน 16GB เหลือใช้งานจริงประมาณ 7.15GB ระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมาจาโรงงานคือแอนดรอยด์ 4.4.4 KitKat ครอบทับด้วย HTC Sense UI รุ่นที่ 6
ด้านการรองรับเครือข่าย 2G/3G/4G LTE สามารถใช้ได้ทุกคลื่นความถี่ที่มีในประเทศไทย ส่วน WiFi รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11 a/b/g/n (2.4 & 5GHz), DLNA, NFC, เซนเซอร์ภาพในมีระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว, เซนเซอร์วัดแสง, Gyro, GPS/GLONASS, FM Radio และเข็มทิศดิจิตอล
สำหรับแบตเตอรีใช้เป็น Li-polymer มีความจุ 2,400mAh (ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้เอง) และรองรับระบบ Quick Charge 2.0 (สามารถชาร์จไฟ 60% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที)
สำรวจ UI และฟีเจอร์เด่น
ใน Desire EYE เอชทีซีปรับไปใช้ Sense 6 บนแอนดรอยด์ 4.4.4 KitKat จากโรงงาน หน้าตาของ UI ไม่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนเอชทีซีในยุคหลังที่ออกแบบเน้นความเรียบง่าย Minimalist อีกทั้งในรุ่นนี้ยังมีการปรับปรุงด้านความเสถียรและความลื่นไหลให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดสรรพลังงานและหน่วยความจำที่ทำได้ดีมากกว่าเดิม
ส่วนแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาจากโรงงานนอกจากบริการของเอชทีซีและแอปฯพื้นฐานอย่าง Facebook, Twitter เมื่อผู้ใช้ทำการล็อกอิน Google Drive ครั้งแรก จะได้รับพื้นที่ฟรีเพิ่มอีก 50GB
มาถึง ZOE หรือโซเชียลด้ายภาพและวิดีโอจากเอชทีซีจากเดิมที่ยังไม่เปิดใช้บริการ ในตอนนี้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้บริการ ZOE ผ่าน Desire EYE พร้อมโพสต์วิดีโอที่ตัดต่อผ่าน ZOE และคอมเมนต์โพสต์ต่างๆได้แล้ว
มาถึงแอปฯกล้องถ่ายภาพ เอชทีซีจัดเต็มฟีเจอร์มาให้เหมือนรุ่นท็อปตั้งแต่ Manual Mode ปรับตั้งค่าถ่ายภาพเอง โหมดถ่ายภาพกึ่งอัตโนมัติแบบเลือกปรับแต่งเฉพาะส่วนพร้อมยังเพิ่มโหมดถ่ายภาพพิเศษสำหรับผู้ชื่นชอบการเซลฟีด้วยกล้องหน้า 13 ล้านพิกเซลมาด้วย
โดยโหมดพิเศษฉบับ Eye Experience เพื่อเซลฟีอย่างสนุกสนานจะแบ่งเป็น 3 โหมดย่อยได้แก่
1.โฟโต้บู๊ท เป็นการถ่ายภาพหลายช็อตหลายแอ็คชันในเฟรมเดียว
2.ภาพเหมือนตนเอง หรือโหมดถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า โดยจะมาพร้อมระบบทำหน้าใสเด้งที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งได้ตามใจแบบเรียลไทม์ (Live Makeup)
3.Split Capture เป็นการถ่ายภาพแบบเปิดใช้กล้องหน้าและหลังพร้อมกัน โดยโหมดนี้จะสามารถบันทึกวิดีโอได้ (เหมาะสำหรับใช้ถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวสถานที่สำคัญต่างๆ แล้วอยากบันทึกวิดีโอตัวเองแนะนำสถานที่เหล่านั้น)
นอกจากนั้นในส่วนระบบชัตเตอร์ถ่ายภาพทางเอชทีซียังเอาใจขาเซลฟีด้วยฟีเจอร์ Auto Selfie และ Voice Selfie ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถลั่นชัตเตอร์ได้เพียงแค่พูดหรือยิ้มให้กล้องเท่านั้น
ทดสอบประสิทธิภาพ
ถึงแม้ HTC Desire EYE จะเด่นที่กล้องถ่ายภาพด้านหน้าจนดูเผินๆแล้วไม่เน้นด้านประสิทธิภาพ แต่เมื่อทดลองใช้งานจริงพบว่า Desire EYE มีประสิทธิภาพด้านการประมวลผลที่ยอดเยี่ยมระดับไฮเอนด์ทั้งคะแนนผลทดสอบที่ทำได้สูงและเมื่อใช้งานจริงตลอดทั้ง 1 อาทิตย์พบว่าระบบทั้งหมดทำงานได้ลื่นไหล ไม่มีอาการเครื่องค้างเมื่อเปิดใช้งานแอปฯจำนวนมาก การใช้งานทั่วไปเช่นเปิด 3G/4G ตลอดทั้งวัน เล่นโซเชียลต่างๆ เช็คอีเมล์ทำได้ทันใจ
ส่วนการเล่นเกม 3 มิติทั้งเกมที่มีกราฟิกสวยงามไปถึงเกมฆ่าเวลาทั่วไป Desire EYE ตอบสนองได้ทั้งหมด อาการแรมหมดจนเกิดอาการ Force Close ที่เคยพบเจอในเอชทีซีรุ่นก่อนหน้าไม่มีให้พบเห็นแล้วใน Desire EYE ที่มาพร้อมแอนดรอยด์ KitKat
มาถึงเรื่องแบตเตอรีก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานไม่โดดเด่นจนเป็นจุดขายและไม่แย่จนต้องวิจารณ์ อายุการใช้งานแบตเตอรีขนาด 2,400mAh ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งอยู่ที่ประมาณ 12-14 ชั่วโมงสำหรับใช้งานทั่วไป ส่วนถ้าเล่นเกม 3 มิติหรือถ่ายภาพถ่ายวิดีโอเป็นเวลานาน แบตเตอรีจะมีอายุการใช้งานเพียง 6-7 ชั่วโมงเท่านั้น
มองในภาพรวมด้านประสิทธิภาพและใช้งาน HTC Desire EYE ถือว่าสอบผ่านทั้งหมด บอดี้พลาสติกด้านออกแนวสปอร์ตถือว่าออกแบบมาได้ดีแม้จะจับไม่ถนัดอยู่บ้าง (แก้ได้ด้วยการใส่เคส) โดยเฉพาะน้ำหนัก ความทนทานและงานประกอบของวัสดุที่แน่นหนามาก เพราะก่อนถึงมือผู้ทดสอบรอบตัวเครื่องเต็มไปด้วยรอยตกกระแทกจำนวนมากแต่ก็ไม่กระทบกับระบบภายในใดๆเลย ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่อึดใช้ได้
สำหรับการทดสอบเรื่องไมโครโฟนที่เอชทีซีเครมว่าสามารถรับรายละเอียดเสียงได้ดีจากไมโครทั้ง 3 ตัวที่ทำหน้าที่รับเสียงแบบสเตอริโอแยกซ้ายขวาได้ จากการทดสอบด้วยการถ่ายวิดีโอจากแหล่งกำเนิดเสียง 4 ส่วนหลักคือ
1.ร้านที่เปิดเพลงอยู่ตรงข้าม
2.เสียงรถบนท้องถนน
3.เสียงรถเมล์ที่วิ่งผ่านรับคน
4.เสียงคนคุยกันที่ป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ใกล้กับสมาร์ทโฟน
พบว่าเก็บรายละเอียดเสียงมาได้ดีมาก ร้านที่เปิดเพลงอยู่ตรงข้ามกับผู้ถ่าย ไมโครโฟนสามารถรับเสียงเบสของเพลงที่เปิดอยู่ได้อย่างชัดเจนพร้อมเกลี่ยเสียงให้เหมือนอยู่ไกลๆ เสียงรถบนถนนที่วิ่งไปมาและเสียงคนคุยข้างๆ ถูกจัดตำแหน่งเสียงไว้อย่างถูกที่ การแยกซ้ายขวาค่อนข้างชัดเจนและมีมิติเมื่อฟังผ่านหูฟัง
สุดท้ายกับการทดสอบกล้องถ่ายภาพที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายของ Desire EYE โดยเฉพาะกล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (4,208 x 3,120 พิกเซล) f2.2 จากภาพทดสอบจะเห็นว่ากล้องเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีกว่ากล้องหน้าของสมาร์ทโฟนทั่วไป เลนส์ที่เอชทีซีเลือกใช้ยังคงเป็นเลนส์มุมกว้างพิเศษเช่นเดิม
นอกจากนั้นกล้องหน้ายังมาพร้อม Auto HDR และสามารถ่ายวิดีโอ FullHD 1080p คุณภาพแบบเดียวกับกล้องหลังได้ อย่างภาพประกอบนี้ ผู้ทดสอบถ่ายด้วยกล้องหน้าแบบย้อนแสง ระบบจะเปิด HDR ให้ ซึ่งคุณภาพที่ได้ถือว่าไม่ต่างจากการถ่ายด้วยกล้องหลังแต่อย่างใด โดยเฉพาะรายละเอียดภาพถ้าถ่ายในที่แสงปกติภาพที่ได้จะคมชัดสูงมาก
ส่วนการถ่ายภาพด้วยกล้องหลังถือว่าเอชทีซีปรับปรุงใหม่ได้ดีขึ้น จากเดิมหลายคนบ่นเทคโนโลยี Ultrapixel ที่ให้ความละเอียดภาพแค่ 4 ล้านพิกเซลว่ายังทำได้ไม่ดีพอ ในครั้งนี้เอชทีซีปรับเซนเซอร์รับภาพใหม่ทำให้ผลลัพท์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจด้วยภาพที่มีรายละเอียดและความคมชัดที่ดีขึ้น ส่วนโทนภาพจะติดเหลืองเล็กๆ (ไม่รู้ตั้งใจหรือเปล่า)
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?
ข้อดี
- ตัวเครื่องป้องกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 งานประกอบดีมาก
- HTC Sense ปรับแต่งมาดีขึ้น
- สเปกไฮเอนด์ในราคาระดับกลางๆ
- กล้องหน้าและหลังคุณภาพสูง
- รับ 3G/4G LTE ทุกเครือข่าย
ข้อสังเกต
- ถึงแม้ช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรและ MicroUSB จะเคลือบสารกันน้ำมาโดยปราศจากฝาปิด เวลาช่องเหล่านั้นน้ำเข้า (โดยเฉพาะช่องหูฟัง) เมื่อขึ้นจากน้ำจะพบอาการเครื่องรวนเหมือนเราเสียบหูฟังค้างไว้ ต้องรอให้น้ำแห้งก่อนระบบถึงจะทำงานได้ตามปกติ
- ขอบเครื่องถึงแม้จะเป็นพลาสติกผิวด้านแต่ค่อนข้างลื่นจับถือค่อนข้างลำบาก
- คุณภาพวิดีโอในที่แสงน้อยยังทำได้ไม่ดี มีอาการเฟรมเรตตก
HTC Desire EYE ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 15,900 บาท การมาของเอชทีซีในครั้งนี้ทีมงานมองว่าเป็นก้าวที่กล้าและน่าสนใจมากกว่ายุค One M8 หรือ E8 อย่างมาก การที่เอชทีซียอมลดสเปกเรื่องวัสดุลงเป็นเพียงพลาสติกผิวด้านธรรมดาและไปเน้นสเปกฮาร์ดแวร์ภายในพร้อมซีลป้องกันน้ำตามมาตรฐาน IPX7 แทน ถือเป็นจุดขายที่เอชทีซีทำออกมาได้น่าสนใจมาก เหมือนเอชทีซีทำการบ้านมาดีและรู้ว่าผู้บริโภคในปัจจุบันต้องการอะไร
สุดท้าย HTC Desire EYE จึงกลายเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมกว่าไฮเอนด์ตระกูล One ในราคาที่ถูกกว่า ถ้าผู้อ่านไม่ได้เป็นคนที่จริงจังกับเรื่องวัสดุ Desire EYE น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสุดสำหรับผู้ต้องการสมาร์ทโฟนแบรนด์เอชทีซีในตอนนี้ และจะยิ่งคุ้มค่ามากขึ้นถ้าผู้อ่านชอบเซลฟีเป็นชีวิตจิตใจ
Company Related Link :
HTC