xs
xsm
sm
md
lg

Review: OPPO R5 เด่นที่ความบาง ตัวเครื่องแข็งแรงและซีพียู 64 บิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




OPPO R5 เป็นกระแสร้อนแรงตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยความบางและแข็งแรงจากวัสดุอลูมิเนียมล้อมรอบด้วยกรอบโลหะพร้อมสเปกภายในที่โดดเด่นกับการเลือกใช้ชิปประมวลผล 64 บิตเป็นครั้งแรกในตลาดสมาร์ทโฟนหนึ่งหมื่นบาทกลางๆ

การออกแบบ



อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า OPPO R5 ใช้วัสดุส่วนใหญ่เป็นอลูมิเนียมพร้อมตัดขอบด้วยกรอบโลหะเพิ่มโครงสร้างด้วยเทคโนโลยี 3D-Welded Aluminum Alloy ช่วยให้ R5 แข็งแรงพร้อมความหรูหรา และเพื่อยืนยันจุดขายที่ชัดเจนของ R5 ทางออปโป้ก็ได้ผลิตวิดีโอโฆษณาความยาว 1.11 นาทีแสดงจุดขายด้านความแข็งแรงได้อย่างน่าสนใจมาก



ด้านจอภาพเป็นแบบ AMOLED Capacitive touchscreen ขนาด 5.2 นิ้วความละเอียด 1,920x1,080 พิกเซล (ความละเอียดพิกเซลต่อตารางนิ้วอยู่ที่ 423ppi) วัสดุหน้าจอเป็น Corning Gorilla Glass 3 ตามสมัยนิยม

ด้านบนเหนือจอภาพจะเป็นช่องลำโพงฟังเสียงสนทนาโทรศัพท์ เซนเซอร์ตรวจวัดแสงต่างๆ และกล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

ส่วนใต้หน้าจอลงไปจะเป็นที่อยู่ของปุ่มคำสั่งจากซ้าย ปุ่มคำสั่งเรียกเมนู, ปุ่มโฮม, และปุ่มย้อนกลับ




ด้านความหนาของตัวเครื่องอยู่ที่ 4.85 มิลลิเมตร บางจนเวลามองด้านข้างจะเห็นเลนส์กล้องนูนจากลำตัวเครื่องพอสมควร ส่วนความกว้างxยาวตัวเครื่องอยู่ที่ 74.5x148.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 155 กรัม

กล้องถ่ายภาพด้านหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f2.0 และใช้เซนเซอร์รับภาพจากโซนี่ เจเนอเรชันที่ 2 ประกบหน่วยประมวลผลภาพ Pure Image 2.0 (รองรับไฟล์ภาพขนาด 50 ล้านพิกเซล)เหมือน OPPO ทุกรุ่นพร้อมไฟแฟลช LED




ในส่วนปุ่มกดและพอร์ตเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง ด้านขวาจะเป็นปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงและปุ่มปิดเปิด Sleep/Awake เครื่อง ด้านใต้เป็นที่อยู่พอร์ต MicroUSB 2.0 ที่สามารถใช้ร่วมกับหูฟังและ Smalltalk แบบพิเศษที่แถมมากับตัวเครื่องได้ ส่วนด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมการ์ดโทรศัพท์แบบ MicroSIM (ต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิม)

***แต่ทั้งนี้สำหรับผู้ที่กำลังมองหาช่องใส่ MicroSD เพื่อเพิ่มความจุของตัวเครื่องที่มีให้มาเพียง 16GB ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เนื่องจาก OPPO R5 ไม่สามารถเพิ่มความจุด้วย MicroSD Card ได้และเครื่องศูนย์ไทยที่วางขายปัจจุบันมีให้เลือกเพียงความจุเดียวคือ 16GB***

สเปก



มาถึงสเปกเครื่องที่น่าสนใจไม่แพ้การออกแบบเพราะ OPPO R5 เลือกใช้ชิปประมวลผล Qualcomm MSM8939 Octa-core ความเร็ว 1.5GHz แบบ 64 บิต เป็นครั้งแรกของแอนดรอยด์ที่วางขายในประเทศไทยตอนนี้ กราฟิก Adreno 405 GPU แรม 2GB รอม 16GB (เหลือใช้งานจริงประมาณ 11.68GB) ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4.4 KitKat ครอบทับด้วย ColorOS รุ่น 2.0.0i

ด้านระบบเครือข่ายรองรับ 3G/4G LTE ทุกเครือข่ายในประเทศไทย รองรับ WiFi 802.11 b/g/n, WiFi Direct, DLNA, บลูทูธ 4.0LE ไม่รองรับ NFC



ในส่วนระบบชาร์จไฟ VOOC Rapid Charge หรือระบบชาร์จไฟแบบเร็วยังคงเป็นจุดเด่นของออปโป้แทบทุกรุ่นและในรุ่นนี้ทางออปโป้ได้ให้อะแดปเตอร์และสาย MicroUSB แบบ 7 พินที่รองรับระบบดังกล่าวมาให้เช่นเดิม โดยอะแดปเตอร์สามารถจ่ายแรงดันไฟได้สูงถึง 5A สามารถชาร์จไฟจากระดับแบตเตอรีประมาณ 10-15% ถึง 75% ด้วยเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น



และด้วยการที่ R5 ไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดตั้งมาให้ (ถึงแม้จะมีหูฟัง/Smalltalk แบบพอร์ตเชื่อมต่อพิเศษมาแต่ก็ไม่สะดวกเพราะต้องใช้ร่วมกับพอร์ต MicroUSB) ทางออปโป้ก็แก้ปัญหาด้วยอุปกรณ์ที่ชื่อ “O-Music” (ไม่แน่ใจว่ารุ่นขายจริงจะแถมมาให้หรือขายแยก) ที่ใช้การเชื่อมต่อไร้สายกับ R5 และตัวอุปกรณ์สามารถหนีบติดกระเป๋าเสื้อและเชื่อมต่อกับหูฟังได้หรือจะใช้ควบคุมการเล่นเพลงและเป็นปุ่มชัตเตอร์กดถ่ายภาพก็สามารถทำได้เช่นกัน

สุดท้ายกับเรื่องวัสดุและการจัดวางเลย์เอาท์ภายในด้วยระบบ Cool Element ที่ช่วยกระจายความร้อนเวลาใช้งานตัวเครื่องอย่างหนักหน่วง โดยความร้อนจะถูกระบายออกอย่างรวดเร็ว ช่วยยืดอายุแผงวงจรและแบตเตอรีภายในให้ใช้งานได้นานขึ้น

UI และฟีเจอร์เด่น



และแล้ว ColorOS ก็เดินทางมาถึงรุ่น 2 ที่ทำงานร่วมกับแอนดรอยด์ 4.4.4 KitKat เสียที จากเดิมที่ทีมงานเคยวิจารณ์ ColorOS รุ่นก่อนหน้าที่ยังขาดๆ เกินๆ ไปหลายส่วน มาในรุ่นใหม่นี้ออปโป้ปรับ ColorOS ได้ดีขึ้นมาก ทั้งเรื่องความลื่นไหลและเอ็ฟเฟ็กต์การแสดงผลที่ทำได้น่าสนใจอย่างยิ่ง

โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนที่สุดก็คือการตัดหน้ารวมแอปพลิเคชันออกและย้ายแอปพลิเคชันทั้งหมดมาแสดงที่หน้าโฮมสกรีน โดยใน 1 หน้าสามารถแสดงไอคอนแอปฯได้สูงสุด 20 ตัวและการเปลี่ยนหน้าต่อไปก็สามารถทำได้โดยการปาดหน้าจอจากขวาไปซ้าย



ในส่วนแอปฯที่ติดตั้งมากับตัวเครื่องมีการปรับหน้าตาให้เรียบตามสมัยนิยม (Flat Style) ธีมหน้าจอสามารถเลือกปรับแต่งได้ตามต้องการหรือถ้าไม่พอใจธีมที่เครื่องให้มาก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จากสโตร์ของออปโป้เอง



นอกจากนั้นใน ColorOS ใหม่ยังมาพร้อมบริการ “NearMe Cloud” สำหรับสำรองข้อมูลรายชื่อ SMS พร้อมศูนย์รักษาความปลอดภัยเพื่อช่วยจัดการเรื่องล้างแคชไฟล์ บล็อกเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ต้องการรวมถึงระบบจััดการแบตเตอรีและจัดการดาต้าอินเตอร์เน็ต



มาเรื่องซอฟต์แวร์กล้องถ่ายภาพ ในครั้งนี้ออปโป้ปรับแต่งใหม่ให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น โหมดถ่ายภาพสำเร็จรูปมีให้เลือกเล่นหลากหลาย โดยที่โดดเด่นจะเป็นโหมดความเร็วชัตเตอร์ต่ำที่ระบบเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้สวยงามมากขึ้น ส่วนผู้ใช้ท่านใดต้องการโหมดถ่ายภาพอื่นๆ ก็สามารถหาดาวน์โหลดได้ฟรีผ่านสโตร์ที่ทางออปโป้จัดไว้ให้



อีกหนึ่งโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจและเป็นจุดขายของออปโป้ยุคหลังก็คือ Beauty (Plus) Mode โดยเมื่อเปิดใช้งานกล้องหน้า Beauty Mode จะทำงานทันทีและผู้ใช้สามารถเลือกปรับความใสของใบหน้าได้ตามต้องการไปถึงการใส่เอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆลงในภาพก็สามารถทำได้เช่นกัน

ทดสอบประสิทธิภาพ



ในเมื่อ OPPO R5 ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล 64 บิต ผู้อ่านหลายท่านคงคาดหวังกับประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่เมื่อเริ่มใช้งานจริงและจบด้วยการทดสอบประสิทธิภาพ ผลทดสอบที่ได้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังเลย

ด้านผลคะแนนแม้จะเป็นแค่ตัวเลขและไม่สามารถตัดสินการใช้งานทั้งหมดได้ แต่คะแนนจากซอฟต์แวร์ทดสอบที่ทำได้แค่ระดับธรรมดานั้นกลับมีความน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะชุดทดสอบอย่าง AnTuTu ที่ไม่สามารถทดสอบในโหมด 64 บิตได้จนจบเพราะเกิดอาการเครื่องค้างจนต้อง Force Close ไปเสียก่อน สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความไม่พร้อมของทั้งตัวแอนดรอยด์เองและแอปพลิเคชันบน PlayStore ที่ปัจจุบันยังไม่รองรับซีพียู 64 บิต

แน่นอนว่าในเมื่อความพร้อมของซอฟต์แวร์ไม่มี ก็เท่ากับว่าซีพียู Qualcomm MSM8939 ก็จะทำงานได้เหมือนกับซีพียูปกติทำให้ผลคะแนนที่ได้ไม่หวือหวาใดๆเลย



มาถึงการใช้งานจริงตลอด 1 สัปดาห์เต็ม สำหรับใช้งานทั่วไป เช่น เล่นโซเชียล เข้าเว็บบราวเซอร์ เช็คอีเมล์ ฯลฯ OPPO R5 สามารถใช้งานได้ลื่นไหลดีกว่ารุ่นก่อนหน้าที่มาพร้อม ColorOS รุ่นแรกอย่างมาก โดยเฉพาะการจัดสรรทรัพยากรเครื่องที่ทำได้ดีขึ้น แต่เมื่อเริ่มทดสอบใช้งานหนักหน่วงขึ้น เช่น เล่นเกม 3 มิติ ประสิทธิภาพที่ได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้เทียบเท่ากับสมาร์ทโฟนที่อยู่ในระดับเดียวกัน



อีกส่วนที่น่าใจหายไม่แพ้เรื่องซีพียู 64 บิตก็คือความจุแบตเตอรีที่ออปโป้ให้มาเพียง 2,000mAh โดยจากการทดสอบแบตเตอรีอยู่ได้นาน 11-13 ชั่วโมงสำหรับใช้งานทั่วไป ส่วนการใช้งานแบบเน้นด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ เล่นเกมสามารถใช้งานได้แค่ 4-6 ชั่วโมงเท่านั้น

IMG20150108175918 IMG20150112081645

IMG20150112115130 IMG20150113095834

IMG20150113100130

การทดสอบสุดท้ายเรื่องคุณภาพกล้องถ่ายภาพด้านหลังและด้านหน้า ในครั้งนี้ออปโป้ยังใช้บริการเซนเซอร์รับภาพจากโซนี่ประกบ Pure Image 2.0 เช่นเดิม คุณภาพไฟล์ภาพถือว่าใช้ได้ตามมาตรฐานออปโป้ที่ทำได้ดีทุกรุ่น เพียงแต่ในรุ่น R5 คุณภาพไฟล์ภาพจะไม่โดดเด่นนัก โดยเฉพาะโหมดความละเอียดสูงที่เก็บรายละเอียดได้ไม่ดี สมดุลแสงขาวที่ผิดเพี้ยนกว่าทุกรุ่นที่เคยทดสอบมา ส่วนกล้องหน้ายังคงโดดเด่นด้วยซอฟต์แวร์ Beauty Mode ปรับหน้าใสเนียนได้เช่นเดิม

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

ข้อดี
- การออกแบบ ความบางแต่แข็งแรงด้วยโลหะ
- ซีพียู 64 บิตรองรับอนาคต
- ซอฟต์แวร์กล้องมีโหมดถ่ายภาพที่หลากหลาย

ข้อสังเกต
- แอปฯส่วนใหญ่ยังไม่รองรับซีพียู 64 บิต
- แอปฯที่รองรับ 64 บิตไม่สามารถใช้งานกับ OPPO R5 ได้ เช่น AnTuTu จะเจอปัญหาระบบไม่รู้จักซีพียูและเกิดอาการ Force Close
- ฝาหลังอลูมิเนียมเกิดความร้อนให้ผู้ใช้สัมผัสบ้างเวลาเล่นเกมและใช้งานหนัก
- ลำโพงให้เสียงที่ไม่มีมิติ แบนและแหลมมาก
- แบตเตอรีความจุน้อย และจัดสรรพลังงานภายในยังไม่ดี



ราคาเปิดตัว OPPO R5 อยู่ที่ 15,990 บาท น่าเสียดายที่ R5 มาพร้อมสเปกการออกแบบและตั้งราคาได้ดีจนสามารถสร้างมาตรฐานใหม่สมาร์ทโฟนระดับกลางได้ แต่ด้านการรองรับและการสนับสนุนจากผู้พัฒนาแอปพลิเคชันที่สามารถรีดเค้นซีพียู 64 บิตได้เต็มประสิทธิภาพกลับยังไม่มีในตอนนี้ ก็เท่ากับว่าปัจจุบัน OPPO R5 ก็มีประสิทธิภาพไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนสเปกกลางๆ ทั่วไปในท้องตลาด จะโดดเด่นก็คงเป็นเรื่องการออกแบบที่สร้่างจุดสนใจได้ดีกว่าคู่แข่ง

คงต้องรอให้ฐานระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 Lollipop เข้ามาแทนที่ KitKat อย่างเต็มรูปแบบเสียก่อนถึงจะได้เห็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชันหันมาสนใจสถาปัตยกรรม 64 บิตอย่างจริงจังขึ้น เมื่อถึงวันนั้น OPPO R5 น่าจะแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่าทุกวันนี้

Company Related Link :
OPPO

Instagram






กำลังโหลดความคิดเห็น