xs
xsm
sm
md
lg

Review : OPPO Find 7 แฝดผู้พี่ 7a ปรับหน้าจอ 2K

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




หลังจากรุ่นน้อง OPPO Find 7a (X9006) ทำตลาดมาได้สักระยะหนึ่งกับข้อเด่นในเรื่องราคาประหยัดกับสเปกที่จัดเต็มในระดับบน วันนี้ก็ถึงคิวของแฝดผู้พี่ Find 7 (X9076) ที่จะขอลงพื้นที่ชิงส่วนแบ่งตลาดไฮเอนด์สมาร์ทโฟนกับเขาบ้างด้วยการอัปเกรดสเปกหน้าจอและสเปกเครื่องบางส่วนจาก Find 7a ให้สูงขึ้น ในขณะที่ราคายังคงเป็นเรื่องที่ OPPO ให้ความสำคัญเหมือนทุกครั้ง

แต่ทั้งนี้ด้วยการที่ OPPO Find 7 และ Find 7a เป็นพี่น้องฝาแฝดที่มีรูปทรง การออกแบบ และระบบภายในหลายส่วนเหมือนกันจนแยกออกได้ยากถ้าไม่กางสเปกหรือเปิดหน้าจอขึ้นมาใช้งาน และทางทีมงานไซเบอร์บิซก็เคยได้รีวิว Find 7a ไปก่อนหน้านี้แล้วใน Review : Oppo Find 7a ตัวเกือบท็อบแต่แรงดี เพราะฉะนั้นในบทความรีวิวนี้ ทีมงานจะขอเลือกนำเสนอเฉพาะสิ่งที่เพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงไปใน OPPO Find 7 เท่านั้น ในส่วนฟีเจอร์ที่เหมือนกันสามารถเข้าไปรับชมได้จากลิงค์รีวิวด้านบน

OPPO Find 7 แตกต่างจาก Find 7a อย่างไร?




การออกแบบทั้งด้านหน้าและด้านหลังเหมือนกับ OPPO Find 7a ทั้งหมด ทั้งหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ TOL Technique ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหน้าจอ 40% ไปถึงกล้องถ่ายภาพทั้งด้านหน้าและหลังยังคงเหมือนกันทุกส่วน จะแตกต่างกันตรงที่ OPPO Find 7 จะมาพร้อมฝาหลังเคฟล่าสีดำในขณะที่ Find 7a จะเป็นสีขาว อีกทั้งหน้าจอสำหรับ Find 7 จะมีความละเอียด QHD (2K) 2,560 x 1,440 พิกเซล 534ppi ในขณะที่ Find 7a มีความละเอียดหน้าจอแค่ 1080p เท่านั้น

ด้านขนาดกว้างxยาวxสูงของตัวเครื่องจะเท่ากับ Find 7a แต่น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเป็น 173 กรัมจากเดิม 170 กรัมโดยประมาณ



มาถึงในส่วนแบตเตอรีก็มีการเพิ่มความจุเป็น 3,000mAh จากเดิม 2,800mAh เพื่อรองรับกับหน้าจอใช้พลังงานมากกว่าหน้าจอรุ่นน้อง Find 7a



ส่วนระบบชาร์จไฟ VOOC Rapid Charge หรือชาร์จไฟเร็ว 4 เท่าด้วยชุดควบคุมการจ่ายไฟผ่านสาย MicroUSB พิเศษ 7 พินพร้อมอะแดปเตอร์ 4.5 แอมป์ยังคงมีให้เหมือนเดิม โดยการชาร์จไฟกับแบตเตอรีขนาด 3,000mAh ก็ทำได้รวดเร็ว สามารถชาร์จไฟได้ 65-70% ภายในเวลาครึ่งชั่วโมงเท่านั้น




ด้านสเปกเครื่อง ซีพียูเปลี่ยนไปใช้ชิป Qualcomm MSM8974AC Snapdragon 801 Quad-core ความเร็ว 2.5GHz (Find 7a ใช้ซีพียูรหัส MSM8974AB ความเร็ว 2.3GHZ) แรมเพิ่มเป็น 3GB จากเดิมให้มา 2GB ส่วนเนื้อที่เก็บข้อมูลสำหรับรุ่น Find 7 จะให้ความจุเริ่มต้น 32GB (เหลือให้ใช้งานประมาณ 23-24GB) Find 7a ให้ความจุเริ่มต้น 16GB สามารถเพิ่มความจุด้วย MicroSD ได้สูงสุด 128GB

สำหรับการรองรับเครือข่ายโทรศัพท์จะรองรับทั้ง 3G และ 4G LTE (ใช้ Micro Sim) ทุกเครือข่ายในไทย ระบบปฏิบัติการที่ใช้จะเป็นแอนดรอยด์ Jelly Bean 4.3 ครอบด้วย ColorOS 1.2 ของออปโป้ มาพร้อม NFC, GPS GLONASS, WiFi, Bluetooth 4.0 และ USB OTG



มาถึงส่วนของคำถามที่ผู้อ่านคงตั้งข้อสงสัยไม่ต่างกับทีมงานก็คือ ในเมื่อหน้าจอมีความละเอียด 2K แต่ ColorOS ที่เลือกใช้เป็นตัวเดียวกับ Find 7a ที่มีความละเอียดหน้าจอแค่ FullHD 1080p แล้วอย่างนี้ภาพไอคอนและกราฟิกจะคมชัดหรือไม่?

คำตอบคือ ภาพไอคอนและกราฟิกทั้งหมดในส่วน User Interface สามารถแสดงผลบนหน้าจอ 2K ได้ดีแต่ไม่ถึงกับคมชัดบาดตา โดยทีมงานคาดว่าธีมและไอคอน ColorOS ถูกออกแบบเป็น HiDPI อยู่แล้ว แต่อาจออกแบบบนความละเอียดหน้าจอ 1080p ทำให้ไอคอนและกราฟิกใน ColorOS เมื่อแสดงผลกับหน้าจอ 2K 538ppi ที่ถือว่าเป็นหน้าที่ละเอียดที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ กราฟิกและไอคอนหลายส่วนจะติดอาการภาพเบลอเล็กน้อยไปถึงเบลอมากในบางส่วน (เหมือนเรานำภาพความที่มี dpi สูงๆ แต่มีขนาดเล็กมาขยายใหญ่เกินขนาดจริง) ลองรับชมภาพ ColorOS ในมุมมอง 2K ได้จากลิงค์นี้ https://www.flickr.com/photos/potsawat/14473351376/sizes/k/ จะพบว่าการออกแบบที่รับกับ 2K ได้ดีที่สุดคือ Widgets และฟอนต์ที่คมชัดกว่าไอคอนต่างๆ มาก

Elysium Film 4K on 2K Display

ส่วนเรื่องการรับชมมีเดียไฟล์แบบ 4K บนหน้าจอ OPPO Find 7 ที่แสดงผลแบบ 2K ถือว่าทำได้ดี เพราะด้วยจำนวนพิกเซลต่อตารางนิ้วที่มากถึง 538ppi ทำให้สามารถมองเห็นรายละเอียดของวิดีโอ 4K ได้คมชัด แต่ก็ไม่ถึงกับเต็มตาเพราะถูกจำกัดอยู่ในหน้าจอขนาดแค่ 5.5 นิ้ว

รับชมตัวอย่างภาพนิ่งจากต้นฉบับ 4K แล้วมาแสดงผลบนหน้าจอ OPPO Find 7 https://www.flickr.com/photos/potsawat/14309813360/sizes/k/

กล้องหลังยังคง 50 ล้านพิกเซล



เป็นสิ่งที่ออปโป้ภูมิใจนำเสนอที่สุดกับกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซล บนเทคโนโลยี Pure Image 2.0 และเซ็นเซอร์รับภาพจาก Sony Exmor IMX214 BSI sensor ขนาด 13 ล้านพิกเซล (กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล) ด้วยวิธีการประมวลผลภาพจาก 10 ภาพหลังกดชัตเตอร์กล้อง 1 ครั้งแล้วรวมเป็นภาพเดียวที่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล (8,160x6,120 พิกเซล) เพื่อลบสัญญาณรบกวนและเพิ่มความคมชัดของภาพ ผลที่เกิดขึ้นจากระบบ Pure Image 2.0 ก็คือ “ผู้ใช้สามารถซูมภาพได้โดยที่ภาพแตกน้อยที่สุด” อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพเป็นไฟล์ดิบ (RAW File) และรองรับการถ่ายภาพ Slow Shutter เปิดหน้ากล้องค้างไว้ได้นานสุด 32 วินาที เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำไปปรับแก้ไขผ่านซอฟต์แวร์ตกแต่งภาพได้ละเอียดขึ้น


วิดีโอ 4K

อีกทั้งในส่วนของวิดีโอยังรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที 1080p ที่ความเร็ว 60 เฟรมต่อวินาทีและสโลโมชั่น 720p ที่ความเร็ว 120 เฟรมต่อวินาที

และต่อจากนี้จะเป็นตัวอย่างภาพขนาด 50 ล้านพิกเซลจากกล้องหลัง OPPO Find 7 ไม่ผ่านการตกแต่งใดๆ

IMG20140620170323
>รับชมเต็มความละเอียด 50 ล้านพิกเซล<

IMG20140619174222
>รับชมเต็มความละเอียด 50 ล้านพิกเซล<

IMG20140619180459
>รับชมเต็มความละเอียด 50 ล้านพิกเซล<

IMG20140620170926
>รับชมเต็มความละเอียด 50 ล้านพิกเซล<

IMG20140620171133

IMG20140623135602

ทดสอบประสิทธิภาพ



มาถึงการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Benchamark ต่างๆ ผลลัพท์ที่ได้ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ บางชุดทดสอบอาจทำคะแนนได้น้อยกว่ารุ่นน้อง OPPO Find 7a ตรงจุดนี้คาดว่าคงเป็นเพราะเรื่องความละเอียดหน้าจอที่มากกว่า แต่โดยภาพรวมถ้าถามถึงความรู้สึกระหว่างใช้งานต้องเรียกได้ว่าไม่มีความแตกต่างนัก เพราะทั้งคู่จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับท็อปของตลาดปัจจุบัน และแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ที่อยู่ใน Play Store จะสามารถใช้งานร่วมกับ Find 7 ได้อย่างไม่มีปัญหา ยกเว้นเกม 3 มิติบางเกมที่ยังมีปัญหาเรื่องการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนไปต้องรออัปเดตแก้ไขปัญหาอีกครั้ง

อีกทั้งตลอดการทดสอบร่วม 1 อาทิตย์ในส่วนของ ColorOS UI ที่มาครอบระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Jelly Bean 4.3 ถือว่ายังทำการบ้านมาไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะอาการเครื่องค้างที่พบได้บ่อยครั้งไปถึงการตอบสนองหน้าจอเวลาสัมผัสจะมีอาการหน่วงให้เห็นบ้างจากอาการแรมหมด (RAM 3GB บางทีเหลือให้ใช้หลังเปิดเครื่องเพียง 700-800MB เท่านั้น) ซึ่งถือว่าขัดแย้งกับสเปกเครื่องที่สูงอย่างยิ่ง

ก็คงต้องรอทางออปโป้แก้ไขเฟริมแวร์ ColorOS และที่สำคัญแอนดรอยด์ 4.4 KitKat ที่อาจช่วยแก้ปัญหาเรื่องการบริโภคทรัพยากรเครื่องเกินความจำเป็นได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเครื่องศูนย์ไทยจะได้อัปเดตเมื่อไร



มาถึงเรื่องสุดท้ายกับการทดสอบความอึดของแบตเตอรี ด้วยการทดสอบใช้งานจริงเปิด 3G WiFi สลับการใช้งานตลอดการทดสอบ เปิดความสว่างหน้าจอแบบอัตโนมัติ เล่นเกม 3 มิติ GPS นำทางประมาณ 20 นาที โซเชียลต่างๆ ตลอดทั้งวัน และมีสแตนบายปิดหน้าจอบ้างประมาณ 1-2 ชั่วโมง พบว่าแบตเตอรีสามารถอยู่ได้ประมาณ 12 ชั่วโมง ไม่ถึงกับแบตเตอรีอึดมาก แต่โดยภาพรวมแล้วก็สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

ข้อดี

- หน้าจอ 2K ความละเอียดดี แข็งแรง
- เครื่องบาง น้ำหนักเบา
- กล้องคมชัด / ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลนำไปต่อยอดใช้งานได้
- ระบบชาร์จไฟเร็ว 4 เท่า
- ลำโพงเสียงดี
- ความจุ 32GB
- ColorOS เปิดกว้างในการปรับแต่งหน้าตาได้ตามต้องการ

ข้อสังเกต

- ColorOS ยังไม่เสถียร มีอาการค้างให้พบเห็นบ้าง
- คุณภาพเลนส์กล้องหลังติดขอบเบลอเล็กน้อย
- การจัดสรรทรัพยากรของระบบยังไม่ดี แรม 3GB มีโอกาสหมดลงอย่างรวดเร็วได้ในบางโอกาส

ถือเป็นการทำตลาดของออปโป้ที่เรียกความน่าสนใจได้ไม่น้อยกับตระกูล Find 7 ที่มีรุ่นย่อยสองรุ่นแตกต่างกันที่ความละเอียดหน้าจอ แรม ซีพียูและราคาไม่ถึงสองหมื่นบาทในขณะที่คู่แข่งสเปกเท่ากันขายเกินสองหมื่นบาททั้งหมด โดย OPPO Find 7 มีราคาขายอยู่ที่ 19,990 บาท ส่วน Find 7a อยู่ที่ 15,990 บาท

ถึงแม้ด้านระบบการทำงานอาจต้องมีการปรับปรุงให้เสถียรมากขึ้นแต่เรื่องของฟีเจอร์และส่วนสำคัญคือกล้องถ่ายภาพด้านหลังและระบบชาร์จไฟเร็ว 4 เท่าก็ทำให้ OPPO Find 7 และ 7a มีความน่าสนใจทั้งคู่ ผู้อ่านที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการมองหาสมาร์ทโฟนท็อปฟอร์ม กล้องเด่น OPPO Find 7 ทั้งสองรุ่นคือคำตอบที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่ไม่ต้องการหน้าจอ 2K Find 7a ให้ประสิทธิภาพที่ดีเกินกว่าราคาค่าตัวของมันแน่นอน ส่วนใครที่คิดว่าส่วนต่าง 4,000 บาทไม่แพงเกินไป OPPO Find 7 คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุด

Company Related Link :
OPPO

CyberBiz Social


ในกล่องจะมีอะแดปเตอร์ชาร์จไฟพร้อมสายแบบพิเศษ 7 พิน, สาย MicroUSB, หูฟัง
Skyline Notification
กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล แต่สามารถถ่ายภาพที่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลได้ด้วย Pure Image 2.0
หน้าจอ 2K
ตัวเฟรมผลิตจากไทเทเนี่ยม - อลูมิเนียมอัลลอย
กำลังโหลดความคิดเห็น