xs
xsm
sm
md
lg

Review : Sony Xperia Z2 ปรับสเปกรับ 4K

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




หลังจากแยกทางจาก “อีริคสัน” (Ericsson) โซนี่ได้ปรับเปลี่ยนการออกแบบสมาร์ทโฟนของตนได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนในตระกูล Xperia ที่ประสบความสำเร็จสูงมาก และรุ่น Z1 ที่วางขายเมื่อปีก่อนก็ถือเป็นสมาร์ทโฟนท็อปฟอร์มที่โซนี่ภาคภูมิใจมากที่สุดในฐานะของแอนดรอยด์โฟนที่มีนวัตกรรมกล้องถ่ายภาพยอดเยี่ยมติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดสมาร์ทโฟนเมื่อปีก่อน

มาในปีนี้โซนี่ยังคงต่อยอดความสำเร็จจากสมาร์ทโฟนตระกูล Xperia Z กับการปรับสเปกตามสมัยและเก็บตกสิ่งที่ขาดหายไปใน Xperia รุ่นก่อนหน้ากับ “Sony Xperia Z2” ที่ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วในตระกูล Xperia

การออกแบบ




การออกแบบ Sony Xperia Z2 ยังคงเป็นไปตามหลัก OmniBalance ที่โซนี่ใช้มาตลอดหลายปี โดยรูปทรงและการจัดวางตำแหน่งปุ่มกดจะสมมาตรกันในทุกส่วนและวัสดุที่โซนี่เลือกใช้จะเน้นไป 3 ส่วนหลักคือ กระจกหน้าหลัง ยางและอะลูมิเนียมเพื่อให้ Z2 ดูหรูหรา พร้อมความสามารถในการป้องกันน้ำและฝุ่นเข้าเครื่องได้ตามมาตรฐาน IP55/58


กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของแบรนด์โซนี่ไปแล้วว่าสมาร์ทโฟนท็อปฟอร์มไปถึงรุ่นกลางๆ จะต้องกันน้ำกันฝุ่นได้

ด้านขนาดตัวเครื่องของ Xperia Z2 จะอยู่ที่ 146.8x73.3 มิลลิเมตร หนา 8.2 มิลลิเมตร น้ำหนัก 163 กรัม

หน้าจอมีขนาด 5.2 นิ้วแบบ TRILUMINOS (Gorilla Glass 3) ความละเอียด 1,920x1,080 พิกเซล (FullHD 1080p) 424ppi ปราศจากการติดฟิล์มป้องกันกระจกแตก (Anti-Shatter Film) จากโรงงานมาให้เหมือนรุ่นก่อนที่กลายเป็นประเด็นในสื่อสังคมต่างๆ

นอกจากนั้นโซนี่ยังได้เปลี่ยนพาเนลจอจาก TFT เป็น IPS ควบเทคโนโลยี Live Color LED แล้วในรุ่นนี้ และมีชิปประมวลผลภาพ X-Reality เป็นตัวควบคุมการแสดงผลภาพ พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 2.2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอ 1080p ได้




และถ้าสังเกตให้ดีบริเวณเหนือหน้าจอนอกจากจะเป็นช่องสำหรับลำโพงสนทนาแล้ว ช่องดังกล่าวยังเป็นที่อยู่ของลำโพงกระจายเสียงที่จะทำงานร่วมกับช่องลำโพงด้านใต้จอภาพ โดยเมื่อผู้ใช้พลิกสมาร์ทโฟนเพื่อรับชมวิดีโอหรือเล่นเกมในแนวนอน เสียงจากลำโพงทั้งสองข้างจะปล่อยออกมาเป็นแบบสเตอริโอแยกซ้ายขวาชัดเจน

อีกทั้งเมื่อทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ประมวลผลเสียงภายใน ลำโพงทั้งสองตำแหน่างยังสามารถสร้างมิติเสียงแบบรอบทิศทางได้ด้วย



มาถึงด้านหลังของตัวเครื่องจะไม่แตกต่างจาก Xperia Z1 มากนัก โดยกล้องถ่ายภาพด้านหลังยังคงใช้เป็นรุ่นเดียวกับที่ติดตั้งใน Xperia รุ่นก่อน (Exmor RS 1/2.3” ความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซล) เลนส์กล้องเป็น G-Lens หน่วยประมวลผลภาพที่โซนี่เลือกใช้ยังคงเป็น Sony BIONZ image processor พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว Steady Shot

ถัดจากกล้องถ่ายภาพลงมาจะเป็นตำแหน่งของไฟแฟลช LED เซ็นเซอร์ NFC และโลโก้ Sony กับ Xperia ที่มีการสลับตำแหน่งกันจากรุ่นก่อน โดยวัสดุพื้นผิวด้านหลังของ Z2 ยังเป็นกระจกที่มีความแข็งแรงและเป็นรอยยากพอสมควร




ปุ่มคำสั่งและช่องเชื่อมต่อรอบตัวเครื่อง โซนี่ยังใช้ฝาปิดที่มีส่วนประกอบภายในเป็นยาง (ส่วนขอบตัวเครื่องทั้งหมดมีการติดตั้งซีลยางกันน้ำมาอย่างดี) ปิดกันน้ำและฝุ่นเข้าบริเวณพอร์ต MicroUSB ช่องใส่ MicroSD Card และ Micro Sim ส่วนปุ่มเปิดปิด ปุ่มเพิ่มลดเสียงและปุ่มชัตเตอร์ถ่ายภาพยังอยู่ตำแหน่งเดิมคือด้านขวาของตัวเครื่อง ส่วนด้านซ้ายบริเวณขั้วไฟเชื่อมต่อ Docking สามารถกันน้ำได้โดยไม่ต้องมีฝาปิด




ส่วนด้านบนและล่างของตัวเครื่องบริเวณช่องเชื่อมต่อหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรและช่องไมโครโฟน (มีระบบตัดเสียงรบกวนรอบข้าง) ไม่จำเป็นต้องมีฝาปิดกันน้ำและฝุ่นละอองเพราะด้านในมีการซีลป้องกันสิ่งเหล่านั้นไว้เรียบร้อยแล้ว

สเปก



สำหรับสเปก Sony Xperia Z2 ใช้หน่วยซีพียูตัวท็อปรุ่นใหม่สุด Qualcomm Snapdragon 801 ที่ปรับความเร็วจากรุ่น 800 เป็น 2.27GHz กราฟิก Adreno 330 มาพร้อมแรมขนาด 3GB (เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 2.7GB) พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องให้มา 16GB (เหลือให้ใช้จริงประมาณ 10.34GB) สามารถเพิ่มความจุด้วย MicroSD สูงสุด 128GB และระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมาภายในเป็นแอนดรอยด์ 4.4 KitKat

ด้านเครือข่ายและระบบไร้สายที่รองรับ สำหรับ 3G รองรับตั้งแต่ 850(dtac,truemove H)/900(AIS)/2,100MHz(TOT, dtac trinet 2,100, AIS2,100, Truemove H 2,100) ส่วน 4G ในรุ่นที่ทีมงานได้รับมาทดสอบไม่รองรับ 4G LTE เพราะเครื่องเป็นรหัส D6502 คาดว่าทางโซนี่ประเทศไทยจะวางขายเครื่องที่รองรับ 4G LTE เร็วๆ นี้

ในส่วน WiFi รองรับมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac, Wi-Fi Direct, DLNA และ Wi-Fi hotspot บลูทูธ 4.0 รองรับ ANT+, MHL ต่อออกจอทีวี, GPS A-GPS GLONASS และรองรับ FM Radio (ต้องเชื่อมต่อหูฟังถึงสามารถใช้งานได้)



สุดท้ายกับคำถามที่หลายคนสงสัยกันในโลกออนไลน์ว่าโซนี่จะแถมชุดหูฟังรุ่นใหม่ MDR-NC31EM ที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวนแบบดิจิตอล (Digital NC) และออกแบบมาเฉพาะ Sony Xperia Z2 กับ Z2 Tablet (เพราะรองรับขั้วต่อเสียง 5 ขั้ว) มาให้หรือไม่ คำตอบคือไม่ได้แถมเพราะโซนี่แยกขายเป็นอุปกรณ์เสริมภายนอก แต่โซนี่จะแถมหูฟังธรรมดาที่มาพร้อมไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์มาให้แทน

UI และฟีเจอร์เด่น



ทั้ง Sony Xperia Z2 และ Z2 Tablet มีหน้าตาการใช้งานที่เหมือนกันทั้งหมด โดยโซนี่เลือกใช้แอนดรอยด์ 4.4 KitKat เป็นตัวขับเคลื่อนหลักและครอบด้วย UI จากทางโซนี่ที่ปรับแต่งมาใหม่เข้าไปอีกครั้ง โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นก่อนก็คือ แถบสถานะและบริเวณปุ่มคำสั่งด้านล่างหน้าจอแบบโปร่งใสเห็นพื้นหลังและผู้ใช้สามารถเปลี่ยนธีมอื่นๆ (มีให้ดาวน์โหลดจาก Google PlayStore) ได้ตามต้องการ



ในส่วนแอปพลิเคชันติดตั้งมาจากโรงงานจะไม่แตกต่างกับตอน Z1 มากนัก โดยแอปพลิเคชันหลายตัวมีการอัปเกรดใหม่ เช่น แอปฯ ตกแต่งภาพ Pixlr Express, Sociallife และมีการเพิ่มแอปฯ อย่าง Vine เข้ามา รวมถึงมีแอปฯ เกี่ยวกับเกม PlayStation บนมือถือ แต่ไม่สามารถเปิดใช้งานในประเทศไทยได้ และ Xperia Lounge ที่เป็นแหล่งรวมคอนเทนต์พรีเมียม ที่โซนี่เลือกมาให้ผู้ใช้ Xperia ได้ดาวน์โหลดไปใช้งานฟรีๆ



และอีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับการปรับปรุงเสียที (ผู้ใช้ Xperia ทุกรุ่นจะได้รับอัปเดตด้วยเช่นกัน) ก็คือคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถว ซึ่งหลังจากผู้ใช้ชาวไทยหลายคนมีปัญหากับคีย์บอร์ด 3 แถวที่พิมพ์ยากเหลือเกิน ในตอนนี้โซนี่รับฟังปัญหาพร้อมปรับแก้ไขแล้ว ผู้อ่านท่านใดใช้สมาร์ทโฟนตระกูล Xperia อยู่อย่าลืมเช็คอัปเดตกันด้วย ส่วนคนที่ซื่อ Xperia Z2 หรือ Z2 Tablet จะได้รับคีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 4 แถวหลังจากเปิดใช้งานเครื่องและเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตครั้งแรกทันที

ในส่วนต่อไปจะเป็นเรื่องของฟีเจอร์เด่นที่เพิ่มเข้ามาใน Sony Xperia Z2



เริ่มจากส่วนแรกกับการเพิ่มฟีเจอร์ Smart backlight Control โดยจะใช้เซ็นเซอร์ภายในเครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟน ถ้าผู้ใช้ถือและยก Z2 ขึ้นมาบริเวณใบหน้า หน้าจอจะติดตลอดเวลาแม้ไม่ได้สัมผัสหน้าจอเพราะระบบจะรู้ว่าคุณกำลังดูรูปหรือวิดีโออยู่ ส่วนเมื่อวาง Z2 ลงกับโต๊ะหน้าจอจะดับอัตโนมัติ

Smart Call เป็นระบบรับสายโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ เช่น เมื่อมีคนโทรเข้ามาก็เพียงแค่ยกแนบหูก็สามารถสนทนาได้ทันที หรือถ้าต้องการวางสายก็เพียงแค่เขย่า Z2 ส่วนถ้าไม่อยากรับสายและต้องการให้เสียงเรียกเข้า (Ringtone) เงียบไปก็เพียงคว่ำจอ Z2 ลงเท่านั้น

Glove Mode & Tap to wake up มี 2 ฟีเจอร์ที่ถูกซ่อนไว้ในส่วนของ Settings > Display และผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานได้ก็คือ Glove Mode หรือโหมดเพิ่มความไวของหน้าจอสัมผัสให้รองรับกับการสัมผัสเวลาผู้ใช้สวมถุงมือ รวมถึงเมื่อเปิดโหมดนี้จะสามารถนำดินสอมาเขียนที่หน้าจอได้ด้วย ส่วน Tap to wake up เมื่อเปิดใช้งานแล้ว เวลาเราต้องการปลุกเครื่องให้ตื่นหลังจากกดล็อกหน้าจอไปแล้วก็เพียงแตะที่หน้าจอ Z2 สองครั้ง หน้าจอจะติดโดยไม่ต้องกดปุ่มเปิดปิดให้เสียเวลา

Sound มาถึงส่วนของการปรับแต่งเสียง ด้วยการที่ตัวเครื่อง Z2 ให้ลำโพงมาแบบสเตอริโอ ทำให้ฟีเจอร์ปรับแต่งเสียงจะมีออปชัน S-Force Front Surround เพิ่มเข้ามาสำหรับการสร้างเสียงแบบ 3D ผ่านลำโพงภายในเครื่อง อีกทั้งยังรองรับแอมป์ประมวลผลเสียงภายนอกผ่าน USB (Hi-Res Audio via USB) รวมถึงรองรับกับหูฟัง 5 ขั้วต่อที่มาพร้อมฟีเจอร์ Digital NC (ตัดเสียงรบกวนด้วยดิจิตอล) และไมโครโฟนรับเสียงสเตอริโอ (STM10) สำหรับงานวิดีโอด้วย



มาถึงเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่ในครั้งนี้โซนี่ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพไปมาก จากเดิมที่พบปัญหาเรื่องภาพไม่คมชัด Noise เยอะ กล้องทำงานช้าใน Xperia Z1 เฟริมแวร์เก่า มาใน Z2 รวมถึง Z1 เฟริมแวร์ใหม่ล่าสุด โซนี่แก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้นหมดแล้ว ทำให้การใช้งานกล้องถ่ายภาพในครั้งนี้ทำได้ลื่นไหลอย่างที่ควรจะเป็น



และสำหรับ Xperia Z2 ทางโซนี่ได้เพิ่มโหมดถ่ายภาพอีก 2 โหมดใหญ่ต้อนรับชิป Snapdragon 801 โดยเฉพาะ ก็คือ โหมด 4K Video หรือการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 2160p (4K) ที่ความเร็ว 30 เฟรมต่อวินาที ไปถึงการถ่ายวิดีโอปกติที่ 1080p จะสามารถถ่ายที่ความเร็วเฟรม 60 เฟรมต่อวินาที



ส่วนอีกหนึ่งโหมดคือ Timeshift Video ที่โซนี่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพสโลโมชั่นแท้ๆ ที่ความเร็วเฟรม 120 เฟรมต่อวินาทีบนความละเอียด 720p ได้แบบเดียวกับ iPhone 5s และ Samsung Galaxy S5 โดยเมื่อถ่ายเสร็จแล้วผู้ใช้สามารถเลือกช่วงเวลาที่ต้องการทำภาพสโลโมชั่นได้ตามต้องการ

โดยผู้อ่านท่านใดอยากเห็นคุณภาพไฟล์ขนาด 4K และ Timeshift Video สามารถกดรับชมได้จากวิดีโอด้านล่าง


วิดีโอความละเอียดสูง 2160p (4K) - อย่าลืมกดเปลี่ยนความละเอียดที่มุมขวาล่างด้วยครับ ส่วนผู้อ่านที่สเปกเครื่องไม่สามารถเล่นวิดีโอ 4K ได้ให้กดชมแบบ 1440p


Timeshift Video 120fps


Video AR Effect

Video AR Effect เดิมทีโหมดนี้จะสามารถ่ายภาพนิ่งได้อย่างเดียว แต่ใน Z2 และอัปเดตใหม่ในรุ่นก่อนหน้า AR Effect จะสามารถบันทึกในรูปแบบภาพเคลื่อนไหวได้แล้วดังตัวอย่างจากวิดีโอด้านบน



ส่วนเรื่องการปรับแต่งกล้องถ่ายภาพอื่นๆ จะคล้ายเดิมทั้งหมด โดยถ้าผู้อ่านต้องการถ่ายภาพนิ่งที่ความละเอียด 20.7 ล้านพิกเซลจะต้องใช้โหมด Manual และปรับภาพเป็น 4:3 ถึงจะสามารถถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงได้

และนอกจากนั้นสำหรับคนที่ต้องการแอปฯ ถ่ายภาพอื่นๆเสริมเข้ามา ทางโซนี่ก็ได้เปิด API ให้ผู้พัฒนาที่สนใจพัฒนาแอปฯ เข้ามาร่วมใช้งานกับ Sony Camera เช่น Motion Shot, Wikitude หรือ Flightradar 24 โดยแอปฯ เสริมเหล่านี้มีทั้งดาวน์โหลดฟรีและเสียเงินผ่านทาง Google Play Store

ทดสอบประสิทธิภาพ




ด้วยความเป็นไฮเอนด์ท็อปฟอร์มของตลาด Sony Xperia Z2 สามารถตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเล่นเกม 3 มิติหนักๆ ฟังเพลง ชมภาพยนตร์และอื่นๆ Z2 ทำได้อย่างลื่นไหลมาก ยิ่งประกบกับแอนดรอยด์ 4.4 KitKat ด้วยแล้วทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นกว่าเก่า

และสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดที่ Z2 สามารถทำได้อย่างน่าประทับใจก็คือเรื่องการแสดงผลภาพและวิดีโอที่ให้สีสันสวยงามกว่ารุ่นก่อนหน้ามาก ตรงจุดนี้อาจเพราะการปรับเปลี่ยนพาเนลหน้าจอและความฉลาดของชิปประมวลผลภาพภายในที่โซนี่ปรับแต่งใหม่ โดยเฉพาะการชมรูปภาพที่คมชัดและสีสันสวยงามจนเหมือนกับมองภาพใส่กรอบรูป

ส่วนปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของแอปฯ ที่เคยเกิดขึ้นในรุ่นก่อนหน้า เช่น แอปฯ บางตัวเมื่อใช้งานกับ Xperia จะเด้งออกเข้าใช้งานไม่ได้ไปถึงเรื่องความหน่วงของ UI และซอฟต์แวร์ภายในเครื่อง ปัจจุบันกับ 4.4 KitKat และ UI ใหม่นี้ปัญหาเหล่านั้นถูกแก้ไขให้หมดไปแล้ว



และนอกจากความเสถียรที่ดีขึ้นมาก ส่วนของแบตเตอรีที่โซนี่เลือกใส่มาถึง 3,200mAh ก็ถือว่าตอบโจทย์คนที่ต้องการสมาร์ทโฟนแบตเตอรีอึดใช้งานได้เป็นวันโดยไม่ต้องพกที่ Power Bank ส่วนตัว เพราะจากที่ทีมงานได้ทดลองใช้งานโดยเปิด 3G WiFi NFC ทั้งวัน (มีนำทางด้วย GPS กับ Google Maps บ้างประมาณ 1 ชั่วโมง) พบว่าสามารถใช้งานได้ยาวนาน 12-15 ชั่วโมง และถ้าเปิดใช้ STAMINA MODE จะยิ่งใช้งานได้นานกว่าปกติเพิ่มอีก 1-2 ชั่วโมง

ส่วนโหมด Extended standby ที่จะเข้าไปจัดการซีพียู (คล้ายการรูทเครื่องแล้วเปิดใช้งานแอปฯ ลดความเร็วซีพียูลง) แน่นอนว่าประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจะช้าลงเล็กน้อย การเปิดแอปฯ และเล่นเกมอาจมีกระตุกให้เห็นบ้าง แต่ก็แลกมากับระยะเวลาใช้งานที่ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งเป็นคนใช้สมาร์ทโฟนแค่เล่นโซเชียลและแชทบ้างเล็กๆ น้อยๆ ระยะเวลาใช้งานได้อาจยาวนานเกิน 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

DSC_0003
DSC_0004
DSC_0006
DSC_0010
DSC_0012
DSC_0014
DSC_0015

มาถึงเรื่องกล้องถ่ายภาพด้านหลัง โดยทดสอบถ่ายภาพด้วยโหมด Superior Auto ถือว่าทำได้ดีขึ้นมากจากตอนที่ทีมงานทดสอบ Xperia Z1 และมีผู้อ่านวิจารณ์เรื่องคุณภาพไฟล์ที่มีปัญหาเรื่องความคมชัดและ Noise ที่มากจนคุณภาพไฟล์ต่ำมาก ซึ่งปัญหาทั้งหมดมาจากเฟริมแวร์ที่ไม่สมบูรณ์และได้รับการแก้ไขแล้วในปัจจุบันนี้ ทำให้คุณภาพรูปที่ได้จาก Z2 กลับมาให้ผลลัพท์ที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง โดยเฉพาะความรวดเร็วและการเลือกซีนโหมดที่ทำได้ลื่นไหล ไม่พบอาการเลือกซีนโหมดผิดพลาดจนสีและ White Balance ผิดเพี้ยนเหมือนก่อน

และที่สำคัญเวลาถ่ายภาพในที่แสงน้อยภาพที่ได้กลับมาคมชัดอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว

ส่วนการถ่ายวิดีโอเป็นเรื่องน่าเสียดายที่โซนี่ไม่ยอมใส่ระบบกันสั่นแบบออปติคอลมาทั้งๆ ที่เทคโนโลยีปัจจุบันทำได้แล้ว ทำให้การถ่ายวิดีโอปกติ (1080p) จึงไม่แตกต่างจาก Xperia Z1 ที่ยังพบเจอปัญหาโฟกัสภาพวืดวาดเพราะไม่สามารถล็อคโฟกัสเวลาถ่ายวิดีโอได้ รวมถึงระบบป้องกันภาพสั่นไหวที่ให้ผลลัพท์ยังไม่น่าพอใจ

มาถึงการถ่ายวิดีโอ 4K ที่เพิ่มเข้ามาเฉพาะ Z2 ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดี ไม่พบอาการหน่วงเวลาถ่ายวิดีโอ แต่มีปัญหาในเรื่องการบันทึกเสียงที่เกิดอาการเสียงดีเลย์ไม่ตรงกับภาพ จึงไม่เหมาะที่จะใช้ 4K ถ่ายวิดีโอที่ต้องมีคนพูด (คาดว่าโซนี่น่าจะรับรู้ปัญหาและออกเฟริมแวร์มาแก้ไขโดยเร็ว)

โดยขนาดไฟล์ 4K ที่ Z2 บันทึกได้ ความยาวประมาณ 10-15 วินาทีจะอยู่ที่ประมาณ 100-300MB



สุดท้ายกับปัญหาใหญ่ที่พบเจอจากการทดสอบ Xperia Z2 ร่วมสองอาทิตย์เต็มๆ มีแค่ปัญหาเดียวและเป็นปัญหาที่โซนี่ควรรีบแก้ไขก็คือ ปัญหากล้องถ่ายภาพร้อนง่าย ทั้งถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอโดยเฉพาะการถ่ายวิดีโอ 4K ที่ร้อนเร็วมาก (ความร้อนจะมาอยู่ตรงบริเวณเลนส์กล้อง) และเป็นเหตุให้แอปฯ กล้องปิดตัวเองลงจนต้องรอให้กล้องเย็นประมาณ 5-10 นาทีถึงจะใช้งานได้อีกครั้ง และเมื่อเริ่มถ่ายใหม่หลังจากกล้องเย็นลงได้ไม่นานอาการเดิมจะกลับมาอีกครั้งพร้อมแจ้งข้อความ Unknown error หรือขึ้นเป็นป๊อปอัป !Caution บ้างสลับกัน ต้องทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีอาการต่างๆ ถึงกลับเป็นปกติ

ส่วนการทดสอบอื่นๆ เช่น WiFi การรับสัญญาณ GPS การใช้นำทางด้วย Google Maps ทุกอย่างทำได้ดี ลื่นไหลและเป็นไปตามมาตรฐานสมาร์ทโฟนทั่วไป

ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป?

ข้อดี

- การออกแบบ เก็บงานประกอบดีเลิศสมราคาหลักหมื่น
- หน้าจอให้สีที่สมจริงและความคมชัดดีกว่ารุ่นก่อน
- กันน้ำลึก 1.5 เมตรในเวลา 30 นาที กันฝุ่น
- วิดีโอ 4K สโลโมชั่น 120fps
- หน้าจอเป็นรอยยากขึ้น
- ลำโพงภายในเป็นสเตอริโอ รองรับ 3D Surround Sound
- ซอฟต์แวร์ภายในทั้งหมดค่อนข้างเสถียร
- ปัญหากล้องถ่ายภาพ คุณภาพไฟล์ภาพถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้ว
- รองรับแอมป์ประมวลผลเสียงภายนอกผ่าน USB และรองรับหูฟังไฮเอนด์ที่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบดิจิตอล
- แบตเตอรีอึดใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

ข้อสังเกต

- ใช้งานกล้องถ่ายวิดีโอ โดยเฉพาะ 4K แล้วเกิดความร้อนสูงมากจนกล้องปิดตัวเอง
- ไฟล์วิดีโอ 4K มีปัญหาเสียงกับภาพซิงค์ไม่ตรงกัน
- หน้าจอไม่ใช่ความละเอียด 4K ทั้งๆ ที่รองรับการเล่นไฟล์ 4K และชูเป็นจุดขาย

โดยภาพรวม Sony Xperia Z2 กับราคาเปิดตัว 23,990 บาทพร้อมการแก้ปัญหาข้อผิดพลาดทุกอย่างที่เคยเกิดกับ Z1 ก็นับว่าเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์รุ่นท็อปสุดของตลาดปัจจุบันที่น่าสนใจและถือว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่มีความสมบูรณ์ในตัวเองสูงมาก ผู้ใช้ที่ต้องการเอนเตอร์เทนเมนท์โฟน (ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม) Xperia Z2 ตอบโจทย์ได้ดีมาก โดยเฉพาะการฟังเพลงที่โซนี่ค่อนข้างเน้นกับฟีเจอร์ที่ใส่มาให้อย่างครอบคลุมที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนปัจจุบัน

แต่สำหรับผู้อ่านที่ตื่นเต้นกับเรื่องวิดีโอ 4K และอยากใช้งานจริงจัง ส่วนนี้อาจจะไม่ตอบโจทย์นัก เพราะการถ่ายวิดีโอ 4K ใน Xperia Z2 ยังมีปัญหาค่อนข้างมากโดยเฉพาะเรื่องเสียงกับภาพซิงค์ไม่ตรงกัน เหมาะกับไว้ถ่ายเล่นเป็นสีสันมากกว่าจะนำมาใช้กับงานจริงๆ แถมหน้าจอที่ให้มาก็ยังไม่ใช่ 4K อย่างที่ควรจะเป็นทำให้การเล่นไฟล์ 4K ผ่าน Xperia Z2 จะต้องทำผ่านทีวีหรือจอมอนิเตอร์ที่รองรับระบบ 4K เท่านั้นถึงจะให้ผลลัพท์ด้านภาพที่เต็มประสิทธิภาพ

“ท้ายสุดนี้ Sony Xperia Z2 เป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ที่สมบูรณ์ทุกส่วนและเติมเต็มสิ่งที่ Z1 ขาดหายไปทั้งหมด โดยโซนี่ยอมฟังเสียงจากผู้บริโภค ยกเว้นเรื่อง 4K ที่เป็นเหมือนฟีเจอร์น้องใหม่ในตลาดที่สร้างเป็นจุดขายได้แต่ใช้งานจริงยังต้องรอวันพัฒนาและปรับปรุงอีกมาก”

Company Related Link :
Sony Mobile

ตอนนี้ CyberBiz ของเราได้เปิด Instagram เพิ่มอีก 1 ช่องทาง ผู้อ่านทุกท่านสามารถไปกดติดตามได้ครับที่ http://instagram.com/cbizonline

CyberBiz Social







กำลังโหลดความคิดเห็น