หากไม่ติดเรื่องแบรนด์เครื่องรุ่นใหม่สัญชาติจีนยี่ห้อ Mondo ก็ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่น่าสนใจในแง่ของความคุ้มค่าคุ้มราคา แน่นอนว่าคุณภาพจะยังไม่เท่าแบรนด์ดัง แต่ฟีเจอร์ที่ให้มาครบครันก็เป็นสิ่งดึงดูดผู้ใช้ระดับล่างเข้ามาลองได้เป็นอย่างดี โดย Mondo รุ่น 5001Q ก็มาพร้อมประสิทธิภาพระดับ ควอดคอร์ ความเร็ว 1.2 GHz ที่แม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็แรงในระดับที่แบรนด์อื่นราคานี้ไม่สามารถจัดให้ได้ เราลองมาดูกันว่า Mondo 5001Q จะมีดีอย่างไร
ความโดดเด่นที่นอกเหนือจากซีพียูที่แรงระดับควอดคอร์แล้ว ยังมีในส่วนของหน้าจอความละเอียดระดับ Full HD ( 1920x1080 พิกเซล) พร้อมรองรับ 2 ซิมให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ การออกแบบเรื่องเสียงถือว่าทำออกมาได้ดี มีฟีเจอร์การปรับปรุงคุณภาพเสียงสำหรับหูฟัง แต่กระนั้นการรับสายเมื่อเสียบหูฟังเสียงเรียกเข้ากลับไม่ได้ยินแต่อย่างใด
การออกแบบและสเปกเครื่อง
หากมองแบบผิดเผิน Mondo 5001Q อาจจะทำให้นึกถึงเครื่องเอชทีซีบางรุ่น ยิ่งด้านหลังที่มีการวางตำแหน่งโลโก้ กล้อง แฟลช หรือแม้กระทั่งตำแหน่งและลักษณะของลำโพงที่เป็นแบบรูพรุนแนวยาววางอยู่ด้านล่าง ก็ยิ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่า Mondo 5001Q เครื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยี่ห้อนั้นหรือเปล่า
ด้านหน้า - ด้วยหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 5 นิ้วที่มาพร้อมขอบด้านข้างแบบบางที่ช่วยทำให้เครื่องดูแคบลง ในขณะที่ด้านบนของจอมีลำโพงสีโครเมียมเป็นจุดเด่น พร้อมไฟแอลอีดีบอกสถานะ ถัดออกไปที่มุมด้านขวามีกล้องขนาด 2 ล้านพิกเซลสำหรับถ่ายภาพตัวเองหรือใช้เป็นวิดีโอสนทนา ด้านล่างมาพร้อมปุ่มกดแบบสัมผัส 3 ปุ่มตามมาตรฐานแอนดรอยด์ พร้อมไฟเรืองแสงเมื่อกดใช้งาน
ด้านหลัง - เคสฝาหลังที่สามารถเปิดออกได้เลือกใช้สีดำด้านช่วยลดพื้นที่เกิดรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ด้านบนมีกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซล โฟกัสภาพอัตโนมัติ พร้อมไฟแฟลชแบบแอลอีดี มีรายละเอียดขนาดกล้องติดอยู่ด้านข้างอย่างชัดเจน ด้านล่างมีลำโพงแนวยาวที่ให้ความรู้สึกเหมือนมือถือยี่ห้อหนึ่งในตลาด และที่สำคัญมีโลโก้สีเทาของ Mondo ติดอยู่อย่างเด่นชัด
ด้านบน - มีเพียงช่องเสียบสมอลทอร์คขนาด 3.5 มิลลิเมตร พร้อมปุ่มพลาสติกสีดำเงาสำหรับกดเปิด-ปิดเครื่องซึ่งถูกออกแบบมาให้ยื่นพ้นตัวเครื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้านล่าง - มีช่องไมโครยูเอสบีอยู่ตรงกลาง พร้อมรูขนาดเล็กสำหรับดูดเสียงเข้าสู่ไมค์สนทนาปกติ
ด้านซ้าย - มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเป็นปุ่มยาวเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น และหากสังเกตให้ดีด้านล่างของขอบจะมีร่องสำหรับเปิดเคสด้านหลังออก เพื่อใส่แบตเตอรี่ ซิมการ์ดและไมโครเอสดี ด้านขวา - ไม่มีปุ่มหรือลวดลายใด
สำหรับสเปกเครื่องของ Mondo 5001Q รองรับการใช้งาน 3G ย่านความถี่ 850/2100 MHz ขณะที่ 2G รองรับทุกย่านความถี่ที่มีอยู่ในประเทศไทย ซึ่งก็คือ 850/900/1800/1900 MHz ซึ่งหากต้องการใช้งานด้านดาตาเป็นหลัก อาจจะต้องเลือกผู้ให้บริการที่ครอบคลุมคลื่นความถี่ดังกล่าวก่อน โดยตามสเปกเครื่องสามารถดาวน์โหลดได้สูงสุด 42.2 Mbps ซึ่งก็ถือว่าเป็นมาตรฐานเทียบชั้นสมาร์ทโฟนราคาแพงได้เลยทีเดียว
หน้าจอ IPS LCD ขนาดใหญ่ 5 นิ้วแบบสัมผัส ความละเอียดสูงระดับ Full HD ( 1920x1080 พิกเซล) พร้อมความหนาแน่นของพิกเซลที่ 440.58 ppi โดดเด่นด้วยความแรงของซีพียู ควอดคอร์ 1.2 GHz พร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.2 ที่ไม่ได้ตกแต่งอินเตอร์เฟสแต่อย่างใด หน่วยความจำภายในขนาด 4 GB พร้อมแรม 1GB รองรับการใช้งาน 2 ซิมขนาดปกติ สามารถเพิ่มหน่วยความจำแบบ Micro SD ได้สูงสุด 32 GB เตรียมพร้อมสำหรับบันทึกภาพจากกล้องหลังที่มีให้กว่า 13 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าขนาด 2 ล้านพิกเซล ขนาดของตัวเครื่อง 142 x 70 x 8.8 มิลลิเมตร และหนักเพียง 155 กรัมเท่านั้น
ภายในบรรจุแบตเตอรี่ Li-ion 2100 mAh สามารถใช้งานได้นาน12-24 ชั่วโมง มีระบบเชื่อมต่อ WiFi (802.11 b/g/n), Bluetooth 3.0 พร้อมโปรแกรมเล่นเพลง MP3 โปรแกรมแผนที่พร้อมระบบระบุพิกัดแบบ A-GPS (GLONASS) และรองรับไฟล์วิดีโอ MP4 ความละเอียดสูงสุด Full HD มีจำหน่ายเพียงสีดำสีเดียว สนนราคาเปิดตัวที่ 8,990 บาทเท่านั้น
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
Mondo 5001Q เลือกใช้อินเตอร์เฟสที่เป็นของแอนดรอยด์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งก็เป็นข้อดีอย่างที่ทำให้ระบบมีความรวดเร็วและสะอาดตาดี โดยหากต้องการปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมก็สามารถเลือกหาการดาวน์โหลดอินเตอร์เฟสมาใช้งานเพิ่มเติมได้
การใช้งาน 2 ซิมสามารถสลับการใช้งานได้อย่างสะดวก ช่วยลดจำนวนอุปกรณ์ลงได้สำหรับผู้ทีมีจำนวนเลขหมายมากกว่า 1 เบอร์ ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นจุดต่างทีเครื่องจีนพยายามชูมากอย่างต่อเนื่องแทบทุกแบรนด์ สวนทางกับแบรนด์ใหญ่ที่ต้องการขายเครื่องได้จำนวนมากกว่าการสร้างความสะดวกให้ผู้ใช้งาน
หน้าจอที่ใหญ่กว่า 5 นิ้วพร้อมความละเอียดระดับ Full HD ช่วยให้ภาพชัดสดใสขึ้นเมื่อดูไฟล์คุณภาพสูง พื้นที่การใช้งานหน้าจอเยอะขึ้นด้วยความใหญ่กว่า 5 นิ้ว และที่สำคัญความสดใสของภาพที่อัดแน่นด้วยเม็ดสีกว่า 440.58 ppi ทำให้สีสันของภาพดูสมจริงมากขึ้น เหมาะสำหรับการชมวิดีโอแบบ Full HD หรือแม้กระทั่งการอ่านอีบุ๊ก
ประสิทธิภาพของ ควอดคอร์ 1.2 GHz สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี การตอบสนองสัมผัสหน้าจอลื่นไหลสมกับที่เป็นควอดคอร์ โดยรวมถือว่าปฏิกิริยาการตอบสนองดี แม้ว่าแรมจะมีเพียง 1GB เท่านั้น นับว่าคุ้มค่าที่จะลองด้วยราคาที่เปิดตัวเท่านี้
ฟีเจอร์การเชื่อมต่อคีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สายผ่านสัญญานบลูทูธด้วยแอปพลิเคชันที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่อง ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจซึ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งานสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานนอกสถานที่ในบางครั้ง นับเป็นข้อดีที่สมาร์ทโฟนระดับกลางสามารถตอบสนองการใช้งานที่กว้างมากขึ้น จนอาจจะคาบเกี่ยวไปสู่ตลาดสมาร์ทโฟนไฮเอนด์
โหมดการเพิ่มคุณภาพเสียงหูฟัง BesAudEnh ที่ซ่อนอยู่ในโปรไฟล์เสียง สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงให้หูฟังสำหรับการฟังเพลงได้เป็นอย่างดี โดยเพียงการเช็คเลือกระบบ คุณภาพของเสียงก็จะดีขึ้นมาทันตาเห็น ทั้งนี้ระบบพื้นฐานภายในเครื่องยังไม่เห็นว่ามีที่ปรับแต่งเสียง Equalizer มาให้ แต่หากต้องการเพิ่มเองก็สามารถดาวน์โหลดได้จาก เพลย์สโตร์ได้ง่ายๆมีหลายชนิดให้เลือก
ในส่วนของการเปิดใช้งานแผนที่ มีความรวดเร็วอยู่ระดับที่พอใช้ สามารถค้นหาหรือปรับเปลี่ยนเส้นทางได้อย่างดี โดยแผนที่ที่เลือกใช้เป็นของกูเกิลที่ติดตั้งมาภายในเครื่องอยู่แล้ว สามารถอัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดได้หลังจากเปิดอินเทอร์เน็ต
การท่องเว็บสามารถรองรับทั้งการเพิ่มแท็บใหม่และเพิ่มหน้าต่างจากการแบ่งครึ่งหน้าจอตามมาตรฐานบราวเซอร์ของแอนดรอยด์ซึ่งก็ถือว่าสะดวกดีไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดดูข้อมูลในหลายๆเว็บพร้อมกัน โดยตัวเว็บเองรองรับการใช้งาน HTML5 ได้อย่างราบลื่น การปรับหมุนของหน้าจอตามแนวการอ่านนับว่าทำได้ดี สามารถเปิดเว็บใหญ่อย่าง manager.co.th แล้วทำการย่อ-ขยายได้อย่างลื่นไหล
แบตเตอรี่ Li-ion 2100 mAh ช่วยให้ทำงานได้นานขึ้น โดยการทำงานที่ไม่ได้มีอะไรมากเช่นการดูเว็บ เล่นโซเชียล เปิดยูทูป และอ่านอีเมล์ พร้อมคุยสายสนทนาไม่มาก สามารถเปิดเครื่องได้ตลอดทั้งวัน 12-24 ชั่วโมง อาจจะไม่โดดเด่นนักเมื่อเทียบกับเครื่องรุ่นอื่นๆ แต่เมื่อเทียบกับรุ่นที่ใช้ควอดคอร์ด้วยกันแล้วถือว่าเด่นพอตัว
กล้องถ่ายภาพ 13 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพได้ไฟล์ที่สามารถไปใช้งานได้จริง ขนาดของไฟล์ภาพที่ใหญ่ ช่วยให้สามารถตกแต่งภาพหลังจากถ่ายแล้วได้มากขึ้น ขณะที่กล้องด้านหน้าก็ให้มากว่า 2 ล้านพิกเซล ช่วยให้การถ่ายภาพตัวเองของผู้ใช้มีความละเอียดมากขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้กล้อง 13 ล้านพิกเซลยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Full HD ได้อีกด้วย โดยความละเอียดของภาพที่ได้ จะเท่ากับ 1920x 1088 พิกเซล แต่ก็ต้องแลกมาด้วยพื้นที่มหาศาล โดยการถ่ายเพียงแค่ 18 วินาที ใช้พื้นที่กว่า 52.56 MB บน Micro SD card หากต้องการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงจริงอาจจะต้องเตรียมพื้นที่ว่างให้เยอะขึ้น
ลูกเล่นใหม่ในส่วนของอัลบั้มรูป ไฟล์วิดีโอจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ ช่วยทำให้อัลบั้มรูปไม่ดูจืดชืดและที่สำคัญช่วยให้เราเลือกวิดีโอได้ไฟล์ที่ถูกต้อง โดยที่ไม่ต้องคอยเปิดเข้าไปดูทุกไฟล์ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยพลังงานที่จะลดลงมากขึ้น
ทดสอบประสิทธิภาพ
สำหรับการทดสอบตัวเครื่องด้วยแอปพลิเคชัน ทดสอบด้วย Quadrant Benchmark และ AnTuTu ได้คะแนนทดสอบ 4,092 และ 12,798 คะแนน การทดสอบการทำงาน HTML5 และ Metal ผ่านแอปฯ Vellamo ได้ 1,321 คะแนน และ 434 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 และ Nenamark2 ได้คะแนน 50.3 fps และ 28.1 fps An3dBench 6,825 คะแนน และ An3dBenchXL 33,407 คะแนน
ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 2,286 คะแนน CPU 8,572 คะแนน Disk 2,602 คะแนน Memory 1,598 คะแนน 2D Graphics 1,827 คะแนน และ 3D Graphics 955 คะแนน
ผลการทดสอบ CF-Bench สามารถดูรายละเอียดได้จากภาพด้านล่าง
จุดขาย
การออกตัวแรงด้วยราคา 8,990 บาท แต่จัดสเปกเครื่องมาให้แบบมหาศาล สิ่งแรกที่คิดคือความคุ้มค่าที่ Mondo 5001Q ให้กับลูกค้า และหากมองถึงเรื่องการออกแบบก็ถือว่าไม่ขี้เหร่แต่อย่างใด บางมุมยังมีความคล้ายคลึงกับมือถือแบรนด์ดังเสียด้วยซ้ำ โดยหลังจากที่ลองจับเครื่องมาสักพัก การใส่กระเป๋ากางเกงหรือแม้กระทั่งกระเป๋าสะพายเล็กก็ยังไม่พบว่ามีร่องรอยที่หน้าจอแต่อย่างใด ความทนทานถือว่าใช้ได้ระดับหนึ่ง และในส่วนของหน้าจอที่มีความละเอียดแบบ Full HD สามารถชมภาพยนตร์ได้อย่างละเอียดจริงจากสายตาที่มอง แต่อาจจะต้องเลือกใช้การดูจากไฟล์ที่โหลดลงเครื่องหรือไมโครเอสดีการ์ดแล้วเท่านั้น
Mondo 5001Q นับว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เครื่องสมาร์ทโฟนราคากลางๆ แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ โดยที่ไม่สนว่าจะต้องเป็นแบรนด์ดังแต่อย่างใด สามารถรองรับการใช้งานในอนาคตได้อีกหลายปี เนื่องจากอุปกรณ์ของเครื่องมีระดับที่สูงอยู่พอสมควร เชื่อแน่ว่ากลุ่มผู้พัฒนาแอปน่าจะสนใจเครื่องสเปกเช่นนี้เพราะมีฮาร์ดแวร์ที่ดีสำหรับทดลองความสามารถด้วยราคาที่ไม่แพงนั่นเอง
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
ซีพียูแรงแต่ต้องแลกมาด้วยความร้อนที่เกิดขึ้นจากหน่วยประมวลผลแบบควอดคอร์เป็นอีกอย่างที่น่าเป็นห่วง เพราะบ่อยครั้งที่เดินออกแดดแล้วรู้สึกว่าเครื่องระบายความร้อนออกได้ไม่ทัน เครื่อง Mondo 5001Q ก็จะร้อนขึ้นมาอย่างรู้สึกได้ และเมื่อความร้อนเกิดขึ้นสิ่งที่สังเกตได้คือเครื่องอืดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่โดยรวมหากไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจนเกินไป เครื่องก็สามารถทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา
กล้องหลักที่ให้มากว่า 13 ล้านพิกเซลน่าจะเป็นอีกหนึ่งที่เป็นจุดเด่น แต่เมื่อลองใช้งานจริงแล้วพบว่าระบบโฟกัสไม่สามารถตอบสนองการใช้งานด้วยความรวดเร็วได้ ทำให้การถ่ายภาพไม่สามารถทำงานได้สะดวก จะต้องใช้เวลาพอประมาณสำหรับการโฟกัสภาพ ทำให้อรรถรสของการถ่ายไร้ความสนุก เป็นความเสียดายในส่วนของกล้องที่ให้ความละเอียดมาสูงแต่ไม่มีความสุขในการถ่าย
หน้าจอ Full HD แม้ว่าจะเป็นจุดขายที่น่าสนใจ แต่ก็อาจจะกลายเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการชมวิดีโอผ่านยูทูป เนื่องจากระบบอินเทอร์เน็ตที่ยังไม่แรงพอก็มักจะทำให้ยูทูปปรับคุณภาพไฟล์วิดีโอลงมาจนทำให้ทุกครั้งที่ดูผ่านอินเทอร์เน็ต ภาพที่ได้จะเป็นแบบภาพแตกไป คงต้องเช็คก่อนว่าส่วนตัวชอบแบบไหน หากชอบดูแบบไฟล์ที่มีอยู่ในเครื่องไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตก็ถือว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นสาวก Mondo 5001Q
สิ่งหนึ่งที่ค้างคาใจผู้ทดสอบคือสเปกของเครื่องที่ผู้ผลิตแจ้งมากับสเปกของเครื่องที่ทดสอบโดยการใช้ซอฟต์แวร์หลายตัวจับดูปรากฏว่าไม่ตรงกัน โดยสเปกที่ผู้ผลิตแจ้งคือหน่วยความจำ 4 GB และแรม 1 GB แต่การใช้โปรแกรม CPUZ สำหรับแอนดรอยด์เรียกดูสเปกเครื่องกลับได้เป็นหน่วยความจำภายใน 1.48GB และแรม 2GB ขณะที่การทดลองดูสเปกจากโปรแกรม Vellamo แสดงผลหน่วยความจำภายในอยู่ที่ 3.67 GB และแรมประมาณ 2 GB ซึ่งผลการตรวจสอบทั้ง 3 ชนิดจะสังเกตเห็นว่าไม่ตรงกัน อันนี้คงต้องลองดูต่อไปว่าแท้ที่จริงแล้ว Mondo 5001Q มีสเปกภายในเป็นอย่างไร
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
Mondo 5001Q ถือว่าเป็นเครื่องที่น่าใช้เมื่อเทียบกับราคา เพราะเชื่อแน่ว่าราคาเพียง 8,990 บาทนี้จะไม่มีใครสามารถนำสเปกเช่นนี้มาแข่งด้วยได้อย่างแน่นอน และด้วยความดีเลิศของสเปกเครื่องแม้ว่าจะสร้างปัญหาในบางเรื่องบ้าง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเครื่องอื่นๆที่มีสเปกระดับนี้ก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามปัญหายิบย่อยออกมาได้เช่นกัน ดังนั้นระดับราคาที่แตกต่างจึงเป็นเรื่องที่น่าจับจองมาเป็นเจ้าของเป็นอย่างดียิ่ง
และแม้ว่ากล้องถ่ายภาพที่มีมาให้แบบมาตรฐานจะไม่สามารถตอบโจทย์การโฟกัสที่รวดเร็วได้เพียงพอ ทางออกก็ยังหาดาวน์โหลดแอปเพิ่มเติมเข้ามาทดแทนได้ ซึ่งก็ถือว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด เมื่อเทียบกับราคาที่พอถูไถรับไปได้
แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ Mondo 5001Q อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่เนื่องจากข้อจำกัดที่กล่าวมาข้างต้น ควรเลือกเครื่องระดับไฮเอนด์ตัวจริงจะได้อรรถรสในการใช้งานมากกว่า
Related Link :
Mondo Phone