xs
xsm
sm
md
lg

Review : Samsung Galaxy Note 8.0 เลขาคู่กายพันธุ์อึด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ช่องว่างของแท็บเล็ตขนาดใหญ่และมือถือที่หน้าจอเล็กเกินไป กลายเป็นจุดที่ Note 8.0 เข้ามาสอดแทรกได้อย่างลงตัว ด้วยการตอบโจทย์ในเรื่องของการพกพาอุปกรณ์ไปด้วยทุกที่ หรือถือใช้งานนานๆแล้วไม่เมื่อยมือ ทำให้แท็บเล็ตขนาด 8 นิ้วเป็นที่ต้องการของตลาดได้พอสมควร รวมกับสมรรถนะของเครื่องที่ตอบสนองการใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชัน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้อุปกรณ์ชิ้นนี้โดดเด่นไม่น้อย

โดยจุดที่โดดเด่นที่สุดของ Note 8.0 นอกจากขนาดในการพกพาที่เหมาะสมแล้ว ยังมีในเรื่องของการนำฟีเจอร์ที่โดดเด่นจากใน Note 2 และ Note 10.1 เข้ามาให้ได้ใช้งานไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Air View การแบ่งหน้าจอขณะใช้งาน และที่สำคัญคือระบบการแปลงลายมือออกมาเป็นตัวอักษร ที่รองรับการใช้งานภาษาไทยแบบเต็มรูปประโยค

การออกแบบและสเปกเครื่อง

สำหรับหน้าตาของ Note 8.0 นั้นมีการขยายร่างมาจาก Note 2 อย่างไม่ผิดเพี้ยน แม้ว่าจะมีบางจุดที่แตกต่างกันอยู่บ้างเช่นปุ่มปรับระดับเสียงที่ถูกนำมารวมกันไว้ทางด้านขวา และลำโพงที่นำมาติดตั้งไว้ด้านข้าง แต่โดยรวมของการออกแบบนั้นก็นับว่าทำออกมาได้ดูดี น่าใช้ บวกกับขนาดหน้าจอ 8 นิ้วที่เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานได้เป็นอย่างดี

เพียงแต่เน้นว่าต้องเป็นการใช้งานแบบ 2 มือตลอดเวลา เพราะด้วยขนาดของตัวเครื่อง 210.8 x 135.9 x 7.95 มิลลิเมตร และหนัก 345 กรัม ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียวยกเว้นการอ่านหนังสือ แน่นอนว่าการเพิ่มฟีเจอร์โหมดการอ่านเพื่อถนอมสายตา ในยามที่อ่านหนังสือผ่านเครื่อง Note 8.0 ก็สร้างความแตกต่างจากเครื่องในท้องตลาดได้เป็นอย่างดี และน้ำหนักของการที่จะต้องถือไว้นานๆเพื่อการอ่านที่ได้อรรถรส ก็นับว่ายังทำได้ดีพอสมควร ทั้งนี้ขอบด้านข้างมีการเลือกใช้วัสดุอะลูมิเนียมมาใส่โดยรอบ สร้างความแข็งแรงให้กับตัวเครื่องและสร้างความหรูหราไปในตัว



ด้านหน้า - มาพร้อมหน้าจอแบบ TFT ขนาด 8.0 นิ้ว ด้วยความละเอียดหน้าจอ 1280 x 800 พิกเซล 189 ppi มีกล้องหน้าเยื้องไปทางด้านขวาขนาด 1.3 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์การปรับความสว่างหน้าจอ ส่วนด้านล่างของจอมีปุ่มกดกลับหน้าจอหลัก ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง พร้อมปุ่มสัมผัสที่ให้แสงสีขาวในยามที่เอามือไปสัมผัสอยู่ 2 ปุ่ม แบ่งเป็นปุ่มเมนูและปุ่มย้อนกลับ ที่สำคัญคือในการใช้งานสามารถนำ S Pen มากดที่ปุ่มสัมผัสแทนการใช้นิ้วมือได้แล้ว

ด้านหลัง - มีกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ ทั้งนี้ขอบของตัวกล้องมีอะลูมิเนียมเพื่อเป็นกันชนเสริมความแข็งแกร่งให้กล้องป้องกันการเสียหายจากการกระแทกเนื่องจากตัวเลนส์ยื่นออกมาจากตัวเครื่อง ถัดลงมาด้านล่างมีโลโก้ของ Samsung ที่มองเห็นเด่นชัด ส่วนด้านล่างสุดจะเห็นโลโก้ของมาตรฐานต่างๆพร้อมบาร์โค้ดผลิตภัณฑ์



ด้านบน - มีเพียงช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรเท่านั้น นอกนั้นเป็นอะลูมิเนียมโดยรอบ ด้านล่าง - เป็นช่องลำโพงแบบสเตอริโอขนาบข้างช่องไมโครยูเอสบี ได้อย่างลงตัว การวางลำโพงเช่นนี้ทำให้เมื่อเปิดเพลงแล้ววางเครื่องบนพื้นที่ราบก็สามารถฟังเสียงได้โดยที่ไม่โดนบังเสียงเหมือนเครื่องรุ่นอื่นๆที่วางลำโพงไว้ด้านหน้าหรือหลัง




ด้านขวา - มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องขนาดเล็กและถัดลงมาด้านล่างมีปุ่มปรับระดับเสียงแบบปุ่มยาว ทั้งนี้วัสดุที่ถูกนำมาใช้เป็นอะลุมิเนียมที่สะท้อนความสวยงานและทนทานในตัว ถัดลงมาด้านล่างอีกนิดมีช่องปล่อยสัญญาณอินฟาเรดเพื่อใช้เป็นรีโมตโทรทัศน์ผ่านโปรแกรม Smart Remote ที่มีอยู่ในเครื่อง

ทั้งนี้โปรแกรมดังกล่าวรองรับโทรทัศน์หลากหลายยี่ห้อ โดยสามารถโหลดรุ่นและย่านความถี่ของโทรทัศน์ตามการใช้งาน และด้านล่างสุดเป็นที่เสียบของปากกา S-Pen ที่ให้ความกระชับเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อใช้ไปนานจะมีอาการขยายจนหลวมหรือไม่


ด้านซ้าย - มีช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดที่รองรับได้ถึง 64 GB อยู่ด้านบน และถัดลงมาด้านล่างมีช่องใส่ไมโครซิมการ์ดพร้อมฝาปิดเรียบร้อยดีทั้งคู่ แต่อาจจะใส่ยากสักนิดเนื่องจากวิธีการใส่นั้นเป็นเพียงการเสียบเข้าอย่างเดียวไม่ได้มีระบบเด้งกลับเมื่อกดเพื่อนำซิมออก



สำหรับสเปกเครื่องของ Galaxy Note 8.0 เน้นย้ำที่ขนาดของหน้าจอ 8 นิ้ว พร้อมอัดแน่นด้วยหน่วยประมวลผล Exynos 4412 แบบควอดคอร์ 1.6 GHz พร้อมชิปกราฟิก XMM 6262 รองรับเครือข่าย 3G ย่านความถี่ 850 / 900 / 1900 / 2100 MHz ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 21 Mbps ความจุเครื่องทดสอบ 16 GB RAM 2 GB รองรับไมโครเอสดีการ์ดสูงสุดที่ 64 GB กล้องหลัก 5 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล

ติดตั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.1.2 พร้อมระบบระบุพิกัดแบบ A-GPS และ GLONASS ดาวเทียมรัสเซียที่เชื่อกันว่าสามารถค้นหาตำแหน่งได้รวดเร็วกว่าดาวเทียมจากสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีจำนวนของดาวเทียมที่น้อยกว่า ภายในยังบรรจุแบตเตอรี่ที่ไม่สามารถถอดออกได้ขนาด 4,600 mAh รองรับการใช้งานได้อย่างเหลือเฟือ ทั้งนี้สีของเครื่องที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้นมีอยู่เพียงแค่สีขาวสีเดียวเท่านั้น โดยมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 15,200 บาท




ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

Note 8.0 เลือกใช้อินเตอร์เฟสที่ให้มาเป็น TouchWiz ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะซัมซุง พร้อมความสามารถของการใช้ Multi-Windows ซึ่งสามารถแบ่งหน้าจอทำหลายๆอย่างได้พร้อมกัน โดยเลือกเพิ่มหน้าต่างได้จาก Hiding Tab ทางด้านซ้ายมือ โดยลากไอคอนที่ต้องการเปิดลงมาวางได้อย่างง่ายๆ เพื่อเพิ่มหน้าต่างการทำงาน โดยสามารถเลือกได้ไม่จำกัดแต่จะแสดงหน้าต่างโดยการแบ่งครึ่งหน้าจอเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั้งคู่ และหากเปิดเกิน 2 หน้าต่างระบบจะซ่อนการใช้งานไว้ในแถบหน้าต่างตรงกลางจอ เรียกว่าเพิ่มจำนวนหน้าต่างเพื่อการทำงานที่สะดวกยิ่งขึ้นได้ใกล้เคียงเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าไปทุกที




โหมดการอ่านก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่อยากแนะนำ ด้วยในปัจจุบันแท็บเล็ตกลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการอ่านมากที่สุด และด้วยขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ตอบสนองการอ่านได้ดี การอ่านเพื่อถนอมสายตาจึงเป็นสิ่งที่ควรมีอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆเช่นนี้จริงๆ การเลือกโหมด”การอ่าน”สามารถทำได้โดยการเลื่อน Tab Bar ลงจะเห็นปุ่มโหมดการอ่าน เมื่อเลือกแล้วจะมีการปรับความคมชัดและระดับแสงให้พอเหมาะกับการอ่านเป็นอย่างยิ่ง



แน่นอนว่าเพราะความสามารถของ Note8.0 ทำให้การพลิกหน้าของกระดาษเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่เกิดการกระตุกหรือสะดุดแต่อย่างใด ทั้งนี้ข้อดีของการอ่านแบบอีบุ๊กก็คือ สามารถจดข้อความที่เราคิดขึ้นได้ระหว่างอ่าน โดยที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อหนังสือที่เรารักได้

S-Pen เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Note แทบทุกรุ่น โดยความสามารถของ S-Pen นั้นสามารถตอบสนองการขีดเขียนได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานไม่ว่าจะเป็น Air Views, Easy Clip, Quick Command เพื่อให้การใช้งานที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมีแอปที่หลากหลายซึ่งออกแบบมาสำหรับการใช้งาน S-Pen โดยเฉพาะ

แน่นอนว่าการวาดรูปหรือการทำงานด้านศิลปะก็เป็นอีกหนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่น ขณะที่ความสามารถด้านการอ่านลายมือในภาคภาษาไทยก็นับว่ามีความลื่นไหลอยู่ไม่น้อย ทั้งในส่วนของโปรแกรม S-Note, S-Planner และอื่นๆ หากใช้งานจนคล่องมือแล้วเชื่อว่าจะสามารถทดเวลาการจดด้วยลายมือโดยไม่ต้องนำกลับมาพิมพ์ซ้ำได้อย่างรวดเร็ว




ขณะที่การตอบสนองเมื่อลองวาดลายเส้นลงไปผ่าน S-Pen ก็พบว่า ลายของเส้นที่ได้มีความต่อเนื่องดี ไม่ขาดออกจากกัน การเกิดเส้นรวดเร็ว ซึ่งโดยรวมก็นับว่าไม่ผิดหวังสำหรับ S-Pen หากจะมีก็เพียงเรื่องของการมีปุ่มคลิกขวาอยู่ที่เกือบถึงหัวปากกา เพราะเป็นจุดที่ไม่ถนัดสำหรับการกดเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการกดค้างเพื่อลากวัตถุจากหน้าต่างหนึ่งไปอีกหน้าต่างหนึ่งยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถนัดเอาซะเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าหากใช้ไปนานๆจนกลายเป็นความเคยชินแล้วจะคล่องมือขึ้นหรือเปล่า

การใช้งานด้านท่องเว็บ สามารถรองรับทั้งการเพิ่มแท็บใหม่และเพิ่มหน้าต่างจากการแบ่งครึ่งหน้าจอ นับว่าสะดวกหากต้องการเปิดดูข้อมูลในหลายๆหน้าเว็บ โดยตัวเว็บเองรองรับการใช้งาน HTML5 ได้อย่างราบลื่น การปรับหมุนของหน้าจอตามแนวการอ่านนับว่าทำได้ดี หากแต่การอ่านที่ให้อรรถรสแนะนำว่าควรอ่านจาก โปรแกรม Reader Hub ที่มีอยู่ในตัวเครื่องเนื่องจากเป็นแบบพลิกหน้ากระดาษที่ให้ความสมจริงของการอ่านที่สุด



การใช้งาน A-Gps และ Glonass ซึ่งเป็นการจับสัญญาณดาวเทียมจากฟากรัสเซีย แม้ว่าจะมีจำนวนของดาวเทียมน้อยกว่าฝั่งของสหรัฐ แต่ก็สามารถทำความเร็วในการตรวจจับได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะไม่เห็นออกมาเป็นตัวเลขแต่การเปิดระบบและเช็คเส้นทางภายใต้หลังคาบ้านก็สามารถทำได้ นับว่ามีความรวดเร็วมากกว่าระบบที่เคยใช้มาจริง โดยหากต้องการใช้งานแผนที่แนะนำว่าควรเป็นรุ่นที่มีระบบ GSM ควบคู่ด้วย เนื่องจากหากทำการปิดดาต้าแล้วใช้แผนที่ที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่องเช่น Garmin, Sygic, Nostra เป็นต้น เพียงเท่านี้ คุณก็จะสามารถมีเครื่องจีพีเอสไว้นำทาง เช่นเดียวกับเครื่องนำทางโดยเฉพาะ จากเครื่อง Note 8.0 ที่มีอยู่



กล้องถ่ายภาพนั้นเป็นสิ่งที่ผมผิดหวังที่สุด แม้ว่าไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องใช้กล้อง 10 กว่าล้านพิกเซลขึ้นไปก็ตามที แต่การนำกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล มาไว้เป็นกล้องหลักก็ทำให้เครื่อง Note 8.0 ดูเสียราคาไปเลยทีเดียว แน่นอนว่าการถ่ายจากกล้อง 5 ล้านพิกเซล ก็สามารถให้ภาพระดับ HD ได้แล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าเป็น HD แบบ 720P เท่านั้น ไม่ใช่ Full HD 1080P รวมกับที่ไม่มีการใส่แฟลชหลังมาให้อย่างที่ควรจะเป็นเมื่อเทียบกับราคา ทั้งนี้แม้ว่าจะไม่สามารถถ่ายวีดีโอแบบ Full HD ได้แต่ก็รองรับการแสดงผลแบบ Full HD ในการเล่นไฟล์ภาพยนตร์



แบตเตอรี่ที่ให้มากว่า 4,600 mAh ทำให้เครื่อง Note 8.0 ใช้งานได้อย่างยาวนาน แต่หากใช้งานอย่างหนัก โดยการอ่านหนังสือ ดู หนัง และฟังเพลง อย่างต่อเนื่อง แบตเตอรี่ที่มีอยู่ก็อาจจะหมดได้ภายในวันเดียว ซึ่งต้องแลกมาด้วยการชาร์จไฟนานกว่า 4-5 ชั่วโมง

สำหรับการทดสอบตัวเครื่องด้วยแอปพลิเคชัน ทดสอบด้วย Quadrant Benchmark และ AnTuTu ได้คะแนนทดสอบ 7,129 และ 16,933 คะแนน การทดสอบการทำงาน HTML5 และ Metal ผ่านแอปฯ Vellamo ได้ 1,797 คะแนน และ 639 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 และ Nenamark2 60.5 fps และ 55.5 fps An3dBench 7,335 คะแนน และ An3dBenchXL 34,940 คะแนน




ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Passmark Performance Test Mobile ได้คะแนน System 2,943 คะแนน CPU 11,937 คะแนน Disk 6,377 คะแนน Memory 1,834 คะแนน 2D Graphics 3,220 คะแนน และ 3D Graphics 971 คะแนน

ผลการทดสอบ CF-Bench สามารถดูรายละเอียดได้จากภาพด้านล่าง



จุดเด่น

ด้วยขนาดที่เหมาะมือไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป บวกพลังแบตเตอรี่ที่มีอยู่กว่า 4,600 mAh ทำให้สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง แน่นอนว่าความเร็วของซีพียูแบบ ควอดคอร์ ที่จัดเต็มอยู่ภายในก็น่าจะการันตีได้ว่าเครื่องรุ่นนี้จะทำงานได้อย่างลื่นไหลอย่างแน่นอน แต่สิ่งหนึ่งที่นับว่าเป็นจุดต่างของ Note 8.0 นี้ก็คือ การใช้งานด้าน S-Pen ที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยม แน่นอนว่าโหมดการอ่านหนังสือเพื่อถนอมสายตาก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผู้ปกครองจะสรรหาให้เด็กนักเรียน รวมทั้งคุณภาพของชิปจับสัญญาณดาวเทียมอย่าง A-GPS + GLONASS ที่สามารถตรวจจับดาวเทียมได้แม้อยู่ภายใต้หลังคา (ไม่ใช่ใต้ตึก) ก็น่าจะทำให้เครื่องรุ่นนี้น่าสนใจเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรักเครื่องนำทาง



ข้อสังเกต

การนำกล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล มาติดเครื่องไว้เป็นกล้องหลัก ดูจะน้อยเกินไปเสียหน่อยเมื่อเทียบกับขนาดกล้องที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 13 ล้านพิกเซล แน่นอนว่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแล้ว การหายไปของฟีเจอร์กล้องดีๆย่อมหมายถึง ความน่าสนใจที่น้อยลงตามไปด้วย โดยรวมนับว่าเป็นเครื่องที่ทำออกมาได้ดี ทั้งความเรียบร้อยในส่วนของการประกอบ และสมรรถนะของอุปกรณ์ภายในที่นำมาประกอบ หากมีกล้องที่ดีรองรับการถ่ายภาพที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ เชื่อว่า Note 8.0 จะกลายเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หลายๆคนจะวางห่างมือไม่ได้อย่างแน่นอน



ฟันธงความคุ้มค่าของ Galaxy Note 8.0

Note 8.0 เป็นอีกหนึ่งเครื่องนับว่าตอบโจทย์การใช้งานที่ครบครับ เสียอย่างเดียวที่กล้องมีขนาดที่เล็กไปเสียหน่อย แต่โดยรวมหากต้องการใช้งานแท็บเล็ตเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลาก ก็นับว่าเครื่องรุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี คิดว่าคุ้มค่าหากต้องการซื้อมาใช้งาน ทั้งการทำงาน การท่องเว็บ การอ่านหนังสือ การนำทาง หรือแม้กระทั่งการขีดๆเขียนๆ ตามแรงปรารถนา เพียงเท่านี้ก็คิดว่าน่าจะคุ้มแล้ว หากไม่นับการถ่ายภาพแบบแจ่มๆที่เครื่องรุ่นนี้ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ 100%

ทั้งนี้เมื่อเทียบกับราา 15,200 บาท แล้วก็จะเปรียบเทียบได้กับไอแพด มินิ รุ่นที่รองรับการใช้งาน 3G ซัมซุงจึงพยายามชูจุดเด่นที่เหนือกว่าไอแพด มินิ ในเรื่องของการนำ S Pen มาใช้งาน กับความสามารถอื่นๆของแอนดรอยด์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็เป็นผลดีกับผู้บริโภค ที่จะมีอุปกรณ์ให้เลือกใช้งานได้มากขึ้นตามความต้องการของตัวเอง

***วีดีโอที่เกี่ยวข้อง***



Company Relate Link :
Samsung



















CyberBiz Social



Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket Photobucket
กำลังโหลดความคิดเห็น