“มัลลิกา”เช็กคืบหน้า"สนามบินบึงกาฬ"มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท ผลศึกษาชี้ทำเลเหมาะสม ห่างสะพานมิตรภาพ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) แค่12 กม. ออกแบบเสร็จแล้ว รอสผ.ไฟเขียวรายงาน EIA คาดสร้างปี 72 เปิดใช้ปี 75 ยกระดับเศรษฐกิจชายแดน เชื่อม”เวียดนาม -ลาว - ไทย – เมียนมา”
วันที่ 25 ธ.ค. 2568 นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่โครงการก่อสร้างท่าอากาศยาน บึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ติดตามความคืบหน้าและผลักดันโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทางอากาศในจังหวัดบึงกาฬ สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและเชื่อมโยงจากทะเลจีนใต้ (เวียดนาม - สปป.ลาว - ไทย - เมียนมา) ออกสู่มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ
นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) กล่าวว่า โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ได้เริ่มโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง คัดเลือกตำแหน่งที่ตั้งของท่าอากาศยานที่เหมาะสม เมื่อปี พ.ศ. 2564 ต่อมาในปี พ.ศ. 2566 ได้ดำเนินการออกแบบรายละเอียดอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่และเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งได้ส่งข้อชี้แจงรายงานผลกระทบฯ ครั้งที่ 3 ไปแล้ว และมีการประชุมเพื่อพิจารณารายงานฯ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 หากแล้วเสร็จ จะเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติเพื่อดำเนินโครงการในขั้นตอนต่อไป
จากการศึกษาความเป็นไปได้ โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ มีที่ตั้งที่เหมาะสมของโครงการในตำบลโป่งเปือย อำเภอโซ่พิสัย และตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬ และสะพานมิตรภาพ ไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ประมาณ 12 กิโลเมตร และห่างจากท่าอากาศยานโดยรอบจังหวัดบึงกาฬทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี 194 กิโลเมตร ท่าอากาศยานสกลนคร 190 กิโลเมตร ท่าอากาศยานนครพนม 188 กิโลเมตร มีพื้นที่ภายในท่าอากาศยาน แบ่งเป็นพื้นที่ landside (พื้นที่ส่วนที่ไม่ใช่เขตการบิน) 2,542 ไร่ และพื้นที่ airside (เขตการบิน) 1,858 ไร่
โดยมีมูลค่าโครงการทั้งหมดรวม 8,196 ล้านบาท คาดการณ์ปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินในปี 2575 จะมีจำนวนผู้โดยสาร 149,172 คน/ปี จำนวนเที่ยวบิน 1,244 เที่ยว/ปี เฉลี่ย 4 เที่ยวบิน/วัน
ผลการศึกษาด้านความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ พบว่า โครงการมีอัตราตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Economic Internal Rate of Return : EIRR) เท่ากับร้อยละ 12.66 และมีอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน (Benefit–Cost Ratio : B/C) เท่ากับ 1.07 สรุปได้ว่าโครงการมีความเหมาะสมในการดำเนินงาน ทั้งนี้ กรมท่าอากาศยานคาดการณ์ว่าหากโครงการได้รับการอนุมัติ จะสามารถเริ่มก่อสร้างโครงการฯในปี พ.ศ. 2572 และเปิดใช้งานท่าอากาศยานในปี พ.ศ. 2575


