xs
xsm
sm
md
lg

ทล.เปิดแพกเกจ”ที่พักริมทาง”มอเตอร์เวย์สาย 7, 9 เล็งแบ่ง 2 สัญญา สร้าง-บริหาร 12 ปี ประมูลร่วมทุนฯ ปี 69

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมทางหลวงเปิดรับฟังความคิดเห็นเอกชน (Market Sounding) พัฒนาและบริหารที่พักริมทางมอเตอร์เวย์ สาย 7 และ 9 "ลาดกระบัง หนองรี มาบประชัน คลองหลวง ทับช้าง" มูลค่าลงทุน 425 ล้านบาท สัญญา 12 ปี เล็งแบ่ง 2 สัญญาสร้างการแข่งขัน คาดเปิดยื่นซองปี 69

วันที่ 17 พ.ย. 2568 กรมทางหลวง (ทล.) จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน (Market Sounding) สำหรับโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 และหมายเลข 9 เพื่อเผยแพร่ข้อมูลของโครงการและเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาและบริหารที่พักริมทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสู่มาตรฐานสากล

นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า การพัฒนา “ที่พักริมทาง” ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญ เนื่องจากที่พักริมทางเป็นองค์ประกอบหลักของระบบมอเตอร์เวย์ที่มีบทบาทเป็นจุดแวะพักที่ให้บริการแก่ผู้ใช้เส้นทาง ทั้งเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ทำธุระส่วนตัว รวมถึงการใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยป้องกันและลดอุบัติเหตุจากความเมื่อยล้าหรือหลับใน สนับสนุนเป้าหมายเรื่องการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ตลอดจนลดการเข้า-ออกจากระบบทางหลวงพิเศษโดยไม่จำเป็น ช่วยให้ผู้ใช้ทางประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ขณะที่การพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางต้องอาศัยเงินลงทุนและการบริหารงานในระยะยาว ขณะที่ภาครัฐมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและความคล่องตัว กรมทางหลวงจึงมีนโยบายเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยศักยภาพและนวัตกรรมของภาคเอกชนในการยกระดับคุณภาพบริการตามมาตรฐานสากล


สำหรับมอเตอร์เวย์สาย 7 และสาย 9 จะมีการพัฒนาและบริหารจัดการที่พักริมทางขนาดเล็ก (Rest Stop) รวม 5 ตำแหน่ง (2 ฝั่งของสายทาง รวม 10 แห่ง) ได้แก่
1. ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 สาย กรุงเทพฯ-ชลบุรี-มาบตาพุด
- จุดพักรถลาดกระบัง (กม. 21) พื้นที่ประมาณ 10 ไร่
- จุดพักรถหนองรี (กม. 72) พื้นที่ประมาณ 18 ไร่
- จุดพักรถมาบประชัน (กม. 118) พื้นที่ประมาณ 16 ไร่

2. ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สาย ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันออก
- จุดพักรถคลองหลวง (กม. 20) พื้นที่ประมาณ 5 ไร่
- จุดพักรถทับช้าง (กม. 49) พื้นที่ประมาณ 8 ไร่

ปัจจุบันแต่ละแห่ง ทล.ได้ลงทุนและได้เปิดให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น ห้องน้ำสะอาด ที่จอดรถ และพื้นที่พักผ่อนแล้ว โดยส่วนที่จะปิดให้เอกชนจะเข้ามาดำเนินการพัฒนาพื้นที่พาณิชย์เพิ่มเติม ได้แก่ ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม เพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ทางได้อย่างครบวงจร

ตามการศึกษาเบื้องต้นกำหนดกรอบระยะเวลาการร่วมลงทุนแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 ช่วงการพัฒนาโครงการภาคเอกชนเป็นผู้จัดหาเงินทุน ออกแบบ พัฒนาพื้นที่พาณิชย์ และสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการต่างๆ ภายใต้ข้อกำหนดของกรมทางหลวง ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี

ช่วงที่ 2 ช่วงดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ภาคเอกชนเป็นผู้บริหารจัดการ บำรุงรักษา และบูรณะโครงการให้เป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดภายใต้การกำกับดูแลของกรมทางหลวง โดยมีสิทธิรับรายได้จากโครงการ และจ่ายค่าตอบแทนให้ภาครัฐตามเงื่อนไขในสัญญาร่วมลงทุน ระยะเวลาดำเนินการ 11 ปี


อธิบดีกรมทางหลวงกล่าวว่า ปัจจุบัน โครงการอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานศึกษาและวิเคราะห์โครงการ และรับฟังความเห็นจากเอกชน เพื่อเสนอขออนุมัติตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 คาดว่าจะสรุปได้ในต้นปี 2569 เสนอขออนุมัติโครงการ และเริ่มกระบวนการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน และลงนามสัญญาร่วมลงทุนภายในปี พ.ศ. 2569 เปิดให้บริการได้ในปี 2570

“กรอบการพัฒนาเบื้องต้น เห็นว่าควรแบ่งเป็นสัญญาเพื่อให้เกิดการแข่งขัน จะเหมาะสมกว่ารวมทั้ง 5 ตำแหน่ง (10 แห่ง) เป็นสัญญาเดียว ส่วนจะแบ่งกี่สัญญารอสรุปหลังรับฟังความเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาในการปรับปรุงการศึกษาและวิเคราะห์ รวมถึงกำหนดรูปแบบการร่วมลงทุนโครงการให้มีความเหมาะสม และสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม”


ทั้งนี้ การรับฟังความเห็นได้รับความสนใจภาคเอกชนหลากหลายธุรกิจ ทั้งจากกลุ่มผู้พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มผู้ประกอบการด้านพลังงาน กลุ่มผู้ประกอบการด้านการก่อสร้างและบริหารมอเตอร์เวย์และทางด่วนกว่า 27 บริษัท สถาบันการเงิน หน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจกว่า 18 หน่วยงาน รวมมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150 คน เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา, บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก, บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ, บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ. ช การช่าง, บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น, บจ.คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป, กลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น (TCC Group), บจ.สหลอว์สัน, บจ.พลังงานบริสุทธิ์ มหานคร, บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น, บมจ.เอ็ม บี เค, ,บจ.สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์, บจ.สยามพิวรรธน์, บมจ.สยามพิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ เป็นต้น

โดยข้อมูลที่ปรึกษา ประมาณการต้นทุนโครงการรวมทั้ง 5 ตำแหน่ง (10 แห่ง) 425 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้าง 80 ล้านบาท ค่าดำเนินการ ด้านบุคลากร สาธารณูปโภค 305 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษาและบูรณะตลอดอายุสัญญา 40 ล้านบาท

ขณะที่รูปแบบสัญญาที่เหมาะสมจะแบ่งเป็น 2 สัญญาตามพื้นที่ คือ สัญญาที่ 1 จุดพักลาดกระบัง คลองหลวง และรถทับช้าง ค่าลงทุน (ค่าก่อสร้าง 40 ล้านบาท ค่าดำเนินการ 165 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษาและบูรณะตลอดอายุสัญญา 20 ล้านบาท) ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 8.72 % ระยะเวลาคืนทุน 7.01 ปี อัตราส่วนผลประโยชน์ตอบแทนต่อเงินลงทุน (B/C Ratio 1.07 เท่า)

สัญญาที่ 2 จุดพักรถหนองรี และมาบประชัน (ค่าก่อสร้าง 40 ล้านบาท ค่าดำเนินการ 130 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษาและบูรณะตลอดอายุสัญญา 20 ล้านบาท) ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 10.48 % ระยะเวลาคืนทุน 6.56 ปี อัตราส่วนผลประโยชน์ตอบแทนต่อเงินลงทุน (B/C Ratio 1.17 เท่า)

โดยเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทน ใช้รูปแบบค่าตอบแทนขั้นต่ำคงที่รายปี (Fixed Fee) ตามที่กำหนด และค่าตอบแทนเพิ่มเติม(Additional Fee) แปรผันตามพื้นที่พาณิชย์ ซึ่งเหมาะสมกับจุดพักรถขนาดเล็ก เพราะอาจจะมีปริมาณรถมาใช้ไม่มาก


นายปิยพงษ์กล่าวว่า สำหรับโครงการสถานที่บริการทางหลวงบางละมุงที่ทล.เคยเปิดประมูล แต่ไม่มีเอกชนยื่นข้อเสนอเพราะกังวลเรื่องความคุ้มค่านั้น ขณะนี้มีการปรับรูปแบบการดำเนินการให้เหมาะสม โดยจะลงทุนโยธาโครงสร้างพื้นฐานเอง เช่น การปรับปรุงพื้นที่ ทางเข้าออก และห้องน้ำ ซึ่งจะตั้งงบประมาณปี 2570 ดำเนินการ เมื่อเปิดให้บริการแล้วจะมีการประเมินสักระยะก่อน เพราะจะมีการพัฒนาพื้นที่ EEC และสนามบินอู่ตะเภาเข้ามาเป็นปัจจัยในการพิจารณาการเติบโตของปริมาณราจรในเส้นทางนี้ด้วย จากนั้นจะศึกษาและเปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนในส่วนของพื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งงาน PPP จะมีมูลค่าลดลงและจูงใจเอกชนมากกว่า


@เตรียมเปิดเอกชนลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Chargin Station) จุดพักรถบรรทุก 175 แห่งทั่ว ปท.

นายปิยพงษ์กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบริเวณจุดพักรถของทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหรือมอเตอร์เวย์แล้ว กรมทางหลวงยังเตรียมที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Charging Station) บริเวณจุดพักรถบรรทุกที่เปิดใช้งานแล้วประมาณ 173 แห่ง บนโครงข่ายทางหลวงแผ่นดินทั่วประเทศ ในรูปแบบ PPP เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะจัดให้มีการประเมินความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding) เร็วๆ นี้

สรุปข้อมูลภาพรวมของจุดพักรถ (Rest Stop) ในโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้ใช้เส้นทาง โดยปัจจุบันมีจำนวนจุดพักรถรวมทั้งสิ้น 173 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้ 167 แห่งได้เปิดให้ประชาชนสามารถใช้บริการได้แล้ว ส่วนที่เหลืออีก 6 แห่งอยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มความสะดวกและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนอย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น