xs
xsm
sm
md
lg

“พิพัฒน์”เตรียมหารือ 5 ฝ่ายแก้ปัญหา”ไฮสปีด” มอบ”อีอีซี”นัด”รฟท.-ซี.พี.-อัยการ”เคลียร์สัญญา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พิพัฒน์”เตรียมนั่งหัวโต๊ะถก 5 ฝ่าย แก้ปัญหา “ไฮสปีด 3 สนามบิน”มอบ อีอีซี นัด”รฟท.-ซี.พี.-อัยการ” สรุปใน พ.ย.นี้ คาดชงบอร์ดอีอีซีธ.ค.เคาะสรุป พร้อมลุยเคลียร์”สนามบินอู่ตะเภา”ต่อ “จุฬา”เผย ปัจจัยกระทบเยอะ UTA ขอทบทวนตัวเลขผู้โดยสารตลอด50ปี หวั่นไปถึง 60 ล้านคน

วันที่ 3 พ.ย. 68 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.หรือ บอร์ดอีอีซี)  เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดอีอีซี ครั้งที่ 5/2568 ว่า ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าของแผนงานต่างๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ดำเนินการ โดยในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) มูลค่าลงทุน 224,544.36 ล้านบาท  ยังมีเรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทาน โดย สำนักงานอัยการสูงสุด มีข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการจำนวน 18 ประเด็น ที่ทุกฝ่ายต้องหาทางออกร่วมกัน

ดังนั้น เรื่องนี้จะต้องมีการหารือร่วมกัน โดยตนจะร่วมประชุมหารือ ร่วมกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในฐานะ เจ้าของโครงการและมี บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซี.พี.) เอกชนคู่สัญญา , อีอีซีและ สำนักงานอัยการสูงสุด โดยมอบหมายให้นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการฯอีอีซี ดำเนินการนัดหมายประชุมทั้ง 5 ฝ่ายโดยเร็ว


ด้านนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ EEC กล่าวว่า นโยบายประธานบอร์ดอีอีซี จะลงมาช่วยแก้ปัญหา โดยจะนั่งเป็นประธานในการหารือร่วม 5 ฝ่าย คาดว่าจะนัดหมายกันได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อให้มีข้อสรุปเสนอบอร์ดอีอีซี ในการประชุม เดือน ธ.ค.2568

ส่วนภาพรวมของโครงการตอนนี้ หลังจาก อัยการสูงสุดตรวจร่างสัญญาฯ และมีความเห็น 18 ข้อ นั้น รฟท.และซี.พี.ได้นำมาหารือร่วมกัน ซึ่ง ค่อนข้างจะเห็นตรงกันในหลายๆประเด็นแล้ว ส่วนที่ยังไม่ตรงกับที่อัยการสูงสุดให้ความเห็นมา ทาง รฟท.และซีพี.ก็จะทำหนังสือสอบถามอัยการสูงสุดอีกรอบหนึ่ง รวมถึงอาจจะมีการหารือฃเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจด้วย โดย เห็นว่า ในความเห็น 18 ข้อ มีบางข้อที่ที่อาจจะตึงเกินไป


ส่วนข้อเสนอของประธานบอร์ดอีอีซี ที่ให้ต่อขยายโครงการออกไปถึงจ.ระยอง จันทบุรี และตราดนั้น นายจุฬากล่าวว่า ประธานบอร์ดอีอีซี บอกว่า อยากให้มองว่า สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางของโครงการไฮสปีด 3 สนามบิน ไม่ใช่มองว่า เป็นปลายทาง เพราะถ้ามองว่า อู่ตะเภาเป็นศูนย์กลาง โครงการนี้ จะทำให้มีเส้นทาง ออกไป 2 ด้าน คือ ต่อขยายไปถึง จ.ตราด (โครงการระยะที่2 ) ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้โดยสารมีมากขึ้น ทั้งฝั่งไปจ.ตราด และฝั่งเข้ากรุงเทพฯ แต่ประเด็นสำคัญ คือ  พิจารณาถึงต้นทุนต่างๆ เพราะต้องใช้เงินทุนสูง อีกประมาณ 2 แสนล้านบาท ที่จะหารือกับ เอกชน และหากจะทำก็ต้อง เป็นอีกสัญญา ไม่เกี่ยวกับสัมปทานเดิม


@เตรียมคุย ‘อู่ตะเภา’ ต่อหลังจบไฮสปีด

ส่วนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท ที่มี บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) เป็นเอกชนคู่สัญญานั้น นายจุฬากล่าวว่า เรื่องนี้ ประธานบอร์ดอีอีซี ระบุว่า หลังแก้ปัญหา รถไฟเชื่อม 3 สนามบินเสร็จ ก็จะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับโครงการสนามบินอู่ตะเภามาพูดคุยเช่นกัน ตอนนี้ คือ มีข้อยุติว่า เอกชนจะสละเงื่อนไขรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแล้ว เหลือ ประเด็น การลดสเกลการพัฒนาอาคารผู้โดยสารระยะที่ 1 ปรับขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารเหลือ 3 ล้านคน/ปี และการให้สิทธิประโยชน์ในการลงทุนต่างๆ กับ UTA ที่รอเสนอบอร์ดอีอีซี เห็นชอบ

@ปัจจัยกระทบ UTA ทบทวนประมาณการณ์ผู้โดยสารตลอด50ปีใหม่

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ที่ส่งผลให้ UTA ต้องลดขนาดการพัฒนาโครงการในระยะแรก นั้น ทางเอกชนเห็นว่าต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ คาดการณ์อัตราการเติบโตของผู้โดยสารตลอดอายุสัมปทาน 50 ปีใหม่ ว่าจะสามารถคงระดับไว้ที่ 60 ล้านคน/ปีหรือไม่ ซึ่งทาง UTA จะไปจ้างที่ปรึกษาศึกษาเอง คาดส่งผลการศึกษาได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งหลังจากนั้น ทางอีอีซี EEC ต้องตรวจสอบผลการศึกษา ของ UTA อีกครั้งด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น