xs
xsm
sm
md
lg

บีโอไอลุ้นญี่ปุ่นย้ายฐานจากกัมพูชามาไทย “ชงบอร์ดฯ ไฟเขียว 3 มาตรการเร่งด่วน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บีโอไอหวังนักลงทุนญี่ปุ่นย้ายฐานการผลิตชิ้นส่วนฯ จากกัมพูชามาไทย หลังแบกรับต้นทุนค่าขนส่งพุ่งจากการปิดชายแดนไทย-กัมพูชา แนะรัฐหาแรงงานซัปพอร์ต พร้อมชง 3 มาตรการเร่งด่วนเสนอบอร์ดบีโอไอ 17 ต.ค.นี้ หวังเร่งรัดการลงทุน การสร้างบุคลากรทักษะสูง และยกระดับผู้ประกอบการไทยภายใน 4 เดือนนี้

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ เปิดเผยผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบอร์ดบีโอไอ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือนักลงทุนไทยและต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชาเมื่อเดือนสิงหาคม 2568 พบว่ามีนักลงทุนส่วนน้อยที่ย้ายฐานการผลิตจากกัมพูชามายังไทย แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนไทย-กัมพูชาทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 5-10 เท่าและระยะเวลาขนส่งเพิ่มขึ้นจากเดิมใช้เวลาครึ่งวันเป็น 7 วันขนส่งสินค้ามาไทยก็ตาม เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีการตั้งโรงงานขนาดใหญ่ในกัมพูชา เพื่อหวังใช้แรงงานจำนวนมาก (labour intensive) ทำให้ลำบากในการย้ายฐานการผลิตมาไทย

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ไทย-กัมพูชา การเปิดชายแดนอีกครั้งคงต้องใช้เวลานาน เพราะมีประเด็นความมั่นคง ดังนั้นนักลงทุนต่างชาติคงต้องหาวิธีเชิงธุรกิจในการแก้ปัญหา และอยู่ที่ Business Model ซึ่งโอกาสที่ย้ายฐานจากไทยไปกัมพูชาเป็นไปได้ยากเพราะโรงงานในไทยใช้เทคโนโลยีและแรงงานที่มีทักษะสูง ดังนั้นการย้ายฐานการผลิตจากกัมพูชามาไทยมีความเป็นไปได้ แต่ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าหากย้ายฐานมาไทยจะหาแรงงานจำนวนมากจากไหน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องดำเนินการ

ที่ผ่านมาบีโอไอได้มีการเจรจานักลงทุนญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งหลายรายที่ผูกซัปพลายเชนเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ โดยมีส่งวัตถุดิบจากไทยไปผลิตชิ้นส่วนในกัมพูชาแล้วส่งมายังไทยชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อน พบว่าหลังปิดชายแดนไทย-กัมพูชา การขนส่งต้องอ้อมไปเวียดนามและลาวก่อนส่งมาไทย ทำให้ค่าขนส่งและระยะเวลาการขนส่งเพิ่มขึ้นมาก ส่วนใหญ่ญี่ปุ่นลงทุนผลิตชิ้นส่วนฯอิเล็กทรอนิกส์ในกัมพูชา เช่น บริษัท มินิแบ และเดนโซ่ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี บอร์ดบีโอไอฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนกรณีได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเหลือนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการปิดด่านพรมแดนไทย-กัมพูชา โดยจะให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรใช้แล้วในทุกกรณี และเงินลงทุนในเครื่องจักรใช้แล้วที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี จะให้นับเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ถึงร้อยละ 100 ของเงินลงทุน สำหรับสิทธิประโยชน์อื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทั่วไป ส่วนกรณีย้ายเครื่องจักรบางส่วนมาใช้งานรวมกับโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนอยู่เดิม หากระยะเวลานำเข้าเครื่องจักรเดิมสิ้นสุดไปแล้ว บีโอไอจะอนุญาตให้นำเข้าเครื่องจักรเฉพาะที่ย้ายมาจากกัมพูชา เป็นเวลา 1 ปี นับตั้งแต่ยื่นขอแก้ไขโครงการ ทั้งนี้ นักลงทุนต้องเสนอแผนการย้ายฐานผลิตจากกัมพูชา และยื่นคำขอภายในสิ้นปี 2569

นายนฤตม์กล่าวต่อไปว่า บีโอไอเตรียมมาตรการเร่งด่วนที่จะเร่งดำเนินการภายใน 4 เดือนนี้ มี 3 มาตรการหลัก เสนอต่อที่ประชุมบอร์ดบีโอไอนัดแรกที่มีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังเป็นประธานในวันที่ 17 ตุลาคมนี้

ประกอบด้วย 1. มาตรการเร่งรัดการลงทุน โดยในช่วง 2 ปี (ปี 2566-67) ที่ผ่านมาบีโอไอได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการต่างๆ พบว่ามีโครงการที่ยังไม่ได้เริ่มลงทุนรวมมูลค่า 4 แสนล้านบาท ดังนั้นบีโอไอได้คัดเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการลงทุนเกิน 1 พันล้านบาทขึ้นไป พบว่ามีจำนวน 70 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 3 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้เริ่มลงทุน ส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตฯ Data Center อิเล็กทรอนิกส์ นิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจไฟฟ้า โดยบีโอไอจะหารือทั้ง 70 โครงการเพื่อสอบถามถึงปัญหา และหาแนวทางแก้ไขได้ตรงจุด เพื่อให้เกิดการลงทุนจริงภายใน 4 เดือนนี้ อาทิ การขอใบอนุญาตต่างๆ โดยจะเร่งปลดล็อกให้ผู้ประกอบการช่วยแก้ปัญหาระยะสั้น

โดยจะทำแบบ “Fast Pass” ซึ่งเป็นกลไกใหม่เพื่อแก้ปัญหาและอุปสรรคในการลงทุน ซึ่งโครงการที่ได้รับสถานะนี้จะได้รับการอำนวยความสะดวกในการลงทุนให้เป็นแบบ “Fast Track” ทั้งในการติดต่อขอใบอนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ

2. มาตรการพัฒนาบุคลากรทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ช่น เซมิ คอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) แผงวงจรพิมพ์ (PCB) AI เป็นต้น โดยบีโอไอร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และภาคเอกชน จะปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรเพื่อเพิ่มทักษะในระยะสั้น โดยจะมี 3 รูปแบบ ได้แก่ ลักษณะ Bootcamp หลักสูตรระยะสั้น ที่รวมการฝึกปฏิบัติในโรงงาน และหลักสูตรออนไลน์ เทรนนิ่ง มีเป้าหมายสร้างบุคลากรให้มีความพร้อมตามนโยบายของรองนายกฯ เอกนิติ ที่ตั้งไว้ 100,000 คนในช่วง 4 เดือน

3. มาตรการยกระดับผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับตัวในการแข่งขันโลกยุคใหม่ โดยปรับเครื่องจักรให้ทันสมัย การใช้ Automation และดิจิทัล เป็นต้น โดยบีโอไอให้การอุดหนุนเพื่อเริ่มต้นให้เกิดเป็นรูปธรรมใน 4 เดือนนี้ สอดรับอายุรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี


กำลังโหลดความคิดเห็น