xs
xsm
sm
md
lg

“บางจาก” วิสัยทัศน์ไกล มอง e-Fuels เชื้อเพลิงสังเคราะห์คือคำตอบสุดท้าย ชี้รัฐต้องเร่งลงทุนวิจัย-พัฒนา ดันสู่เชิงพาณิชย์ ตอบโจทย์ Net Zero อย่างแท้จริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดโลกพลังงานใหม่ “บางจาก” ศึกษา e-Fuels ที่ญี่ปุ่น

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำคณะสื่อมวลชนเดินทางศึกษาดูงานด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-1 ต.ค. 2568 ณ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้แนวคิดด้านพลังงานสะอาด นวัตกรรม และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนจากองค์กรชั้นนำ การดูงานครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่ช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้กับผู้ร่วมเดินทางได้สัมผัสการดำเนินงานจริงของธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อมในหลายเมืองของญี่ปุ่น และเป็นแรงบันดาลใจในการนำแนวทางดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาพลังงานไทยในอนาคต

“ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช” ชี้ e-Fuels คือ “พลังงานแห่งการเปลี่ยนผ่าน”
     
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กล่าวถึงการศึกษาดูงานที่บริษัท ENEOS Corporation เมืองโยโกฮามา ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านวิจัยและพัฒนาพลังงานสะอาดในอนาคต

“ปัจจุบันทั่วโลกมีรถยนต์ประมาณ 1,500 ล้านคัน แต่ในจำนวนนั้นยังมีรถยนต์ไฟฟ้าไม่ถึง 20 ล้านคัน หมายความว่ากว่า 98% ของยานพาหนะยังใช้น้ำมันฟอสซิล ถ้าเราจะเปลี่ยนทั้งหมดเป็นรถไฟฟ้า ระบบอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะต้องเปลี่ยนมหาศาล”

ด้วยเหตุนี้ นักวิทยาศาสตร์จึงพัฒนาแนวคิด “e-Fuels” หรือ Electrofuels ขึ้น เพื่อสร้างเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแต่ยังใช้กับเครื่องยนต์เดิมได้ โดยกระบวนการเริ่มจากการ “จับคาร์บอนไดออกไซด์” จากอากาศหรือปล่องโรงงาน แล้วนำมาผสมกับ “ไฮโดรเจนสะอาด” ซึ่งได้จากการแยกน้ำด้วยไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียน ผ่านกระบวนการทางเคมีจนได้เชื้อเพลิงเหลว เช่น e-Gasoline, e-Diesel หรือ e-SAF (เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน)

ญี่ปุ่นนำร่องผลิตจริง-รถบัสใช้แล้วในงาน “โอซากาเอ็กซ์โป”

โครงการ e-Fuels ของ ENEOS Corporation เป็นหนึ่งในโครงการนำร่องสำคัญของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยใช้งบประมาณสนับสนุนด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อผลิตน้ำมันสังเคราะห์จากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งได้นำมาใช้จริงแล้วในรถบัสรับส่งผู้ร่วมงาน โอซากาเอ็กซ์โป

นายชัยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “หากกระบวนการผลิตสามารถดำเนินได้ตามแผน จะถือว่าเป็น ‘คาร์บอนนิวทรัลฟูเอล’ อย่างแท้จริง เพราะคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกจากการใช้งานจะเท่ากับปริมาณที่ถูกจับกลับมาใช้ในกระบวนการผลิต ถือเป็นระบบหมุนเวียนที่เป็นกลางทางคาร์บอน และสามารถใช้ได้กับรถยนต์ทุกคันโดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบเครื่องยนต์ใหม่”

เขายังย้ำว่า e-Fuels คือ “คำตอบสุดท้าย” ของการเปลี่ยนผ่านพลังงานโลก เพราะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนในขณะที่ยังคงใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมได้

“เจ้าของรถ 1,500 ล้านคันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรถใหม่ แต่ผู้ผลิตต้องเปลี่ยนวิธีผลิตเชื้อเพลิงแทน นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมพลังงานโลก”

รัฐต้องหนุนวิจัย-ดันแข่งขันได้เชิงพาณิชย์
     
บางจากมองว่า e-Fuels ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของเทคโนโลยี แม้ ENEOS จะสร้างโรงงานสำเร็จแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะในการพัฒนาให้มีต้นทุนแข่งขันได้ในเชิงพาณิชย์

หากรัฐบาลไทยให้การสนับสนุนเช่นเดียวกับญี่ปุ่น โดยร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยเช่น สวทช. (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) เชื่อว่าจะสามารถพัฒนาโครงการนำร่องในประเทศได้เช่นกัน ซึ่งบางจากพร้อมเข้าร่วมดำเนินการทันที

ENEOS คาดว่าภายในปี ค.ศ. 2040 e-Fuels จะมีการใช้งานอย่างแพร่หลายและมีฐานผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

e-Fuels: พลังงานสะอาดแห่งอนาคต
e-Fuels หรือ Electrofuels คือเชื้อเพลิงเหลวที่ผลิตจากไฮโดรเจนสะอาดและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ทางเคมี สามารถนำไปใช้กับยานพาหนะ เครื่องบิน และเรือเดินสมุทรได้ทันที โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์หรือระบบขนส่ง

ข้อได้เปรียบ:

* ใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมได้
* ลดคาร์บอนได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนระบบขนส่งทั้งหมด
* เป็นพลังงานสะพานเชื่อมระหว่างยุคน้ำมันกับยุคพลังงานสะอาด

ความท้าทาย:

* ต้นทุนการผลิตสูง
* เทคโนโลยียังอยู่ในระดับนำร่อง
* ต้องอาศัยการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ

จากพลังงานสู่ชาเขียว “อินทนิล”
ตำนานใบชาญี่ปุ่น 150 ปี ป้อนวัตถุดิบคุณภาพให้ร้านกาแฟไทย  
   
นอกจากด้านพลังงาน คณะดูงานยังได้เยี่ยมชมไร่ชาเก่าแก่เมืองโอมะเอซากิ จังหวัดชิซูโอกะ แหล่งผลิตชาคุณภาพระดับโลกอายุเกือบ 150 ปี ซึ่งเป็นผู้จัดส่งใบชาให้กับร้านกาแฟ “อินทนิล” ในเครือบางจาก รีเทล

โรงงานชาแห่งนี้ก่อตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2413 ปัจจุบันบริหารโดย มาสุดะ สึโยมิ (Masuda Tsuyomi) ทายาทรุ่นที่ 5 ซึ่งยังคงยึดแนวทางการผลิตครบวงจร ตั้งแต่เพาะปลูก แปรรูป บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย เพื่อควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน

โรงงานได้รับรางวัลระดับประเทศและมาตรฐานสากลมากมาย เช่น ถ้วยจักรพรรดิ (ปี 2015), รางวัลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง, และ FSSC 22000 / Rainforest Alliance

นางสาวณิภาภรณ์ จักรพิทักษ์
ผู้จัดกา>ใหญ่ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เปิดเผยว่า

“โรงงานแห่งนี้เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบชาเขียวหลักให้กับอินทนิลกว่า 1,100 สาขาทั่วประเทศ และในอีก 3 ปีข้างหน้าอินทนิลตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นแตะ 6,000 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาเป็น 1,800 แห่งทั่วประเทศ”

โดยเฉพาะ “ชาเขียวมัทฉะ” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดมีการเปิดตัว อิเสะมัทฉะ เกรดพิธีการ ที่นำเข้าจากญี่ปุ่น พร้อมโปรโมชันสะสมแต้มแลกเครื่องดื่มฟรีเพื่อกระตุ้นการบริโภคในกลุ่มลูกค้าประจำ


กำลังโหลดความคิดเห็น