xs
xsm
sm
md
lg

“LG” ยกไทยฐานผลิตที่3ของโลก ทุ่มงบ3.2พันล.ขยายโรงงานระยอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - แอลจีเปิดฐานการผลิตระดับโลกในไทย จากระยองสู่ตลาดโลก เผยอัดงบมากกว่า 3,200 ล้านบาท นับจากปี 63 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโรงงาน ส่งผลให้ปัจจุบันเป็นโรงงานที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลกฃ


นายวราพงษ์ อูปแก้ว ผู้อำนวยการโรงงาน บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ระยอง) เปิดเผยว่า แอลจีมุ่งมั่นลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ยกระดับระบบความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐานของโรงงานอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2540 ที่แอลจีได้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เพื่อผลิตเครื่องซักผ้าและเครื่องปรับอากาศ ณ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง

โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 535,756 ตารางเมตร (335 ไร่) โดยมีพื้นที่อาคารรวม 258,886 ตารางเมตร บาท ภายในพื้นที่โรงงานประกอบด้วย อาคารการผลิตรวม 5 แห่ง ซึ่งผลิตสินค้า 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และคอมเพรสเซอร์


ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน แอลจีได้ลงทุนเพิ่มเติมในโรงงานแห่งนี้ไปแล้วกว่า 3,200 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโรงงาน ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานรวมกว่า 1,850 คน มีกำลังการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมอยู่ที่ 5.5 ล้านเครื่องต่อปี ถือเป็นโรงงานที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลก โดยกว่า 80% ของการผลิต เน้นส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอเมริกา ตะวันออกกลาง แคนาดา เม็กซิโก และออสเตรเลีย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังเป็น 1 ใน 18 ประเทศทั่วโลก ที่แอลจีเข้ามาลงทุนทั้งด้านการตลาด การขาย และฐานการผลิตสินค้าอีกด้วย

โดยข้อมูลการผลิตในปี 2567 ประกอบด้วย 1. เครื่องซักผ้า 39% มีทั้งเครื่องซักผ้าฝาบน เครื่องซักผ้าถังคู่ เครื่องอบผ้าฝาบน กำลังการผลิตรวม 2.28 ล้านเครื่อง จาก 3 สายการผลิต ประกอบด้วย เครื่องซักผ้าฝาบน 2 สาย และเครื่องอบผ้า 1 สาย, 2. เครื่องปรับอากาศ 45% มีทั้งเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วน เครื่องปรับอากาศแบบติดหน้าต่าง เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 2.7 ล้านเครื่อง จาก 5 สายการผลิต ประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 4 สาย และเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 1 สาย, 3. คอมเพรสเซอร์ 16% มีทั้งคอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ และคอมเพรสเซอร์ดูอัลอินเวอร์เตอร์ กำลังการผลิตรวมที่ 9.2 แสนชิ้น ภายใต้ 2 สายการผลิต


นายวราพงษ์ กล่าวต่อว่า ภายในโรงงานยังมีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรม K-Tech (Korean Technology) ที่เป็นความเชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลีใต้มาใช้ ในส่วนงานการผลิตที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อคน และในส่วนงานที่ต้องการใช้ความแม่นยำระดับสูง อาทิ การใช้หุ่นยนต์ในการย้ายชิ้นงาน และการใช้ระบบอัตโนมัติในการติดแผ่นกันกระแทก รวมถึงการใช้ระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบด้วยกล้องและการตรวจสอบด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

โดยมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่โดดเด่นในโรงงานดังนี้ 1. โครงการโซลาร์รูฟท็อป ติดตั้งบนพื้นที่หลังคารวม 64,840 ตารางเมตร ซึ่งคิดเป็น 66% ของพื้นที่หลังคาทั้งหมด โดยมีกำลังการผลิตรวม 7.4 เมกะวัตต์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 5,100 ตันต่อปี โครงการนี้ได้ดำเนินการเป็นเฟสตั้งแต่ปี 2564 และแล้วเสร็จในปี 2567, 2. ระบบ Vision Camera System ติดตั้งในทุกสายการผลิต มากกว่า 20 กระบวนการผลิต เพื่อควบคุมคุณภาพให้ได้มาตรฐานระดับโลก,

3. ระบบ Smart Control Tower การรวบรวมข้อมูลสถานะการผลิตและการตรวจติดตามข้อมูลแบบออนไลน์เพื่อการบรรลุเป้าหมายการผลิต, 4. ระบบ Robotic Automation (หุ่นยนต์อัตโนมัติ) นำระบบหุ่นยนต์ในสายการผลิตสำหรับย้ายชิ้นงาน และจัดเรียงผลิตภัณฑ์ และติดป้ายสัญลักษณ์ต่างๆ มากกว่า 40 หุ่นยนต์ ในทั้ง 4 อาคาร, 5. ระบบ AGV Supply Part (รถสำหรับลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ) สั่งงานผ่านระบบอัตโนมัติตามแผนการผลิตในแต่ละรอบการผลิต ผ่านสัญญาน Wi-Fi สำหรับการเรียกชิ้นส่วนในแต่ละพื้นที่ตั้ง ที่สำคัญ

ในส่วนของพนักงาน แอลจีได้จัดให้มีสวัสดิการที่ครอบคลุมและหลากหลาย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน อาทิ 1.การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามมาตรฐานในการทำงาน และกิจกรรมการปรับปรุงพื้นที่ในการทำงานอย่างต่อเนื่อง 2.การติดตั้งระบบการความเย็นในสายการผลิตในแต่ละพื้นที่ให้คลอบคลุมพื้นที่การผลิตหลัก ให้พนักงานทำงานได้อย่างเหมาะสม และมีการยกระดับพื้นที่พักผ่อนให้พนักงานในแต่ละพื้นที่ 3.การจัดการด้านอาหารสำหรับพนักงานมีการได้รับการรับรอง GMP Food safety ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการรับรองโรงงานอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 3 และกำลังอยู่ในขั้นตอนขอเข้ารับการประเมินอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 ในปีปัจจุบัน.


























กำลังโหลดความคิดเห็น