xs
xsm
sm
md
lg

“อนุทิน” นำทีมเดินสายพบ ส.อ.ท. หารือทิศทางเสริมศักยภาพอุตฯ ดัน ศก.เข้มแข็ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“อนุทิน” นายกรัฐมนตรี นำทีมร่วมหารือ ส.อ.ท.ร่วมกำหนดทิศทางเสริมศักยภาพการแข่งขันอุตสาหกรรมและ SME ดันเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง พร้อมเร่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของผู้ประกอบการ และปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน ส.อ.ท.ชง 5 แนวทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรมเร่งด่วน

วันนี้ (15 ก.ย. 2568) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วยนายสุชาติ ชมกลิ่น นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายธนกร วังบุญคงชนะ นายวรภัค ธันยาวงษ์ และนายกุลิศ สมบัติศิริ ได้ร่วมหารือกับนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ส.อ.ท. เพื่อวางแนวทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม มุ่งเสริมศักยภาพการแข่งขันและยกระดับความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย

การหารือครั้งนี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ชี้ให้เห็นถึงภาพรวมความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมไทยและแนวทางการขับเคลื่อนตามนโยบาย 4GO ได้แก่ GO Digital & AI (การยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์) GO Innovation (การสร้างผู้ประกอบการ “จิ๋วแต่แจ๋ว” ด้วยนวัตกรรม) GO Global (การยกระดับห่วงโซ่อุปทานสากลและการขยายสู่ตลาดโลก) และ GO Green (การพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดคาร์บอนฟุตพรินต์) ซึ่งจะเป็นกลไกหลักในการผลักดันให้อุตสาหกรรมไทยก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก


ด้านรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กำหนดนโยบายเร่งด่วนในระยะเวลา 4 เดือนเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญ 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย
1. ด้านเศรษฐกิจ มุ่งดำเนินมาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง และค่าขนส่งต่างๆ พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยอย่างเร่งด่วน

2. ด้านความมั่นคง มุ่งแก้ไขข้อพิพาทระหว่างประเทศไทย-กัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ เพื่อลดความสูญเสียและผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ

3. ด้านภัยธรรมชาติ ต่อยอดการพัฒนาระบบเตือนภัยที่เคยริเริ่มไว้ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมเร่งชดเชยความเสียหายแก่ประชาชนที่ประสบภัยธรรมชาติให้ทันการณ์

4. ด้านภัยสังคม มุ่งปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ การพนัน และการพนันออนไลน์อย่างจริงจัง โดยสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ เพื่อกวาดล้างปัญหาภัยสังคมในทุกรูปแบบ

นายอนุทินกล่าวว่า ได้ให้ความสำคัญต่อปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของผู้ประกอบการ หรือแม้แต่ปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องใช้ทุกวิธีในการแก้ปัญหาทั้งทางด้านการทหาร ทางการทูต และการหารือกับฝ่ายกัมพูชาอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันจะสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีการลงทุน และผลิตสินค้าภายในประเทศมากขึ้น ประเทศไทยเราไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่น เนื่องจากการแข่งขันรุนแรง ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องตื่นตัว เพื่อความอยู่รอดของประเทศ จึงต้องเร่งหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ว่าด้วยในเรื่องส่งเสริมการลงทุน ถึงแม้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่มั่นใจว่าเราจะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ผลักดันให้ประเทศไทยเติบโตและทำให้ทุกฝ่ายเกิดความคล่องตัวมากขึ้น

“ดรีมทีม จะเป็น เรียลทีม ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เราจะใช้หลักการทำงานเป็นทีมเพื่อพัฒนาประเทศชาติ” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบเรื่องการส่งออกทองคำจากไทยไปยังกัมพูชามากผิดปกติ โดยเฉพาะทองคำแท่ง ซึ่งวันนี้ในช่วงบ่ายทาง Bank of Thailand (BoT) ได้เรียกประชุมสมาคมผู้ค้าทองคำและผู้ผลิตทองคำไปหารือที่แบงก์ชาติ โดยจะมีการสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร

“ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในสถานการณ์ดังกล่าว และพยายามจะทำให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด จึงอยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งเป็นกังวล โดยคาดว่าเร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุปทั้งหมด”

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ตั้งข้อสังเกตการส่งออกทองคำแท่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยทำให้ค่าเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมากกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชีย จึงอยากให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจังและในเชิงลึกมากขึ้นกว่านี้


ทั้งนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท.ได้นำเสนอแนวทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรม 5 เรื่องหลักในระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย
1. การเตรียมความพร้อมรับมือมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และสงครามการค้า
2. การส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs
3. การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ
4. การรับมือผลกระทบจากปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ
5. การบริหารจัดการผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการรับมือมาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และสงครามการค้า นายนาวา จันทนสุรคน รองประธาน ส.อ.ท. ได้ชี้แจงว่าปัจจุบันไทยถูกสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีอัตราที่ 19% ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 แต่จะมีการเรียกภาษีอยู่ 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 สำหรับการเรียกเก็บภาษีอัตราที่ 19% ใช้กับสินค้าที่ตกอยู่ในขอบเขตของมาตรการนี้โดยรวมยกเว้นสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรา 232 เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เหล็กและอะลูมิเนียม ทองแดงกึ่งสำเร็จรูป เพราะสินค้ากลุ่มนี้มีกรอบกฎเกณฑ์ต่างหาก

สำหรับกรณีที่ 2 เรียกเก็บภาษีอัตราที่ 40% จะบังคับใช้เมื่อสินค้าถูกพิจารณาว่า เกิดจากการสวมสิทธิ์ของประเทศที่สาม หรือมีกรณี transshipment โดยสินค้าในกรณีนี้จะต้องผ่านการตรวจสอบและพิสูจน์โดย U.S. Customs and Border Protection (CBP) ก่อน และหากพบว่ามีการสวมสิทธิ์จริงจะถูกเรียกเก็บอัตรานี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีหลักเกณฑ์การคำนวณสัดส่วนมูลค่าการผลิตในประเทศ/ภูมิภาค (Regional Value Content: RVC) ที่ชัดเจน ภาครัฐจึงต้องติดตามแนวปฏิบัติของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวได้ทัน

ดังนั้น ส.อ.ท.จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสหรัฐฯ การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการคำนวณ RVC ตลอดจนการส่งเสริมผู้ประกอบการในการปรับตัว (Transformation) เพื่อปรับซัปพลายเชน (Supply Chain) ของไทยให้มีความยืดหยุ่นและทันสมัย พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ภาครัฐดำเนินมาตรการเชิงรุกด้านการค้าระหว่างประเทศ กำกับดูแลสินค้าให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และส่งเสริมการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand: MiT)


ด้านการส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. ชี้แจงถึงสถานะความเปราะบางของ SME ไทย ณ เดือนมิถุนายน 2568 ว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในกลุ่ม SME คิดเป็น 243,026 ล้านบาท และยอดหนี้คงค้างรวม (สินเชื่อ SME) คิดเป็น 3,119,525 ล้านบาท

ดังนั้น ส.อ.ท.จึงนำเสนอแนวทางส่งเสริมสภาพคล่องทางการเงินและการเข้าถึงแหล่งทุน ภายใต้ “มาตรการ Fast Track เพื่อ SME” ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อฉุกเฉิน (Emergency Credit Guarantee) ที่อนุมัติได้ภายใน 3-7 วัน โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าธรรมเนียมช่วงแรก และเพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันสูงกว่าปกติ เช่น 80-100% เพื่อธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อทันทีให้ SME ที่ต้องการสภาพคล่องเร่งด่วน สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง SME ด่วนพิเศษ 1% ผ่านกองทุนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยให้ธนาคารรัฐเป็นผู้ดำเนินการ และเปิดช่องทางด่วน (Express Lane) สำหรับสินเชื่อวงเงิน 5-10 ล้านบาท รวมทั้งสำหรับ SME ที่อยู่ในระบบภาษี โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน เพื่อเติมสภาพคล่องระยะสั้นให้ SME สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้และลดความเสี่ยงที่จะลุกลามเป็น NPL และมาตรการ “Hair Cut” สำหรับการปรับโครงสร้างหนี้เสีย (NPL) เพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ที่เหลือได้และปิดบัญชี รวมทั้งลดปริมาณหนี้เสียในระบบโดยรวม

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. ได้เสนอแนวทางการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าเพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิต โดยเน้นถึงความจำเป็นในการสร้างโครงสร้างค่าไฟที่เป็นธรรม สะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริง และเอื้อต่อการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนพลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกที่ให้ความสำคัญต่อมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ได้เร่งให้ภาครัฐเร่งจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยราคาที่เป็นธรรม และมีความมั่นคงด้านพลังงาน

รวมทั้งเสนอให้ปรับโครงสร้างการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้า เพื่อลดต้นทุนส่วนเกินที่ไม่จำเป็นและส่งเสริมการเปิดเสรีไฟฟ้า รวมทั้งปรับลดวงเงินประกันการใช้ไฟฟ้าเหลือ 0.5 เท่า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีประวัติการชำระตามกำหนด เพื่อบรรเทาภาระด้านการเงิน และเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ

สำหรับปัญหาการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการจำนวนมาก โดยเสนอให้ภาครัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว ทั้งในด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า การแก้ไขปัญหาด่านศุลกากร รวมถึงการเจรจาระดับทวิภาคี เพื่อสร้างความชัดเจนในกฎระเบียบการค้าชายแดน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับระยะเร่งด่วน ควรมุ่งเน้นการลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ให้แก่ผู้ประกอบการ ผ่านการเสริมช่องทางโลจิสติกส์เดิม การเพิ่มเรือชายฝั่งในการส่งสินค้า เข้าในช่องทางที่ไม่ใช่ชายแดนที่มีอาณาเขตติดกัน เช่น จันทบุรี และตราด และการพิจารณาอนุญาตให้ส่งออกและนำเข้าสินค้าที่เป็นวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน ที่จะนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิตใน Supply Chain ได้ในด่านที่ไม่มีความขัดแย้ง รวมทั้งการเยียวยาผู้ประกอบการที่ต้องขนส่งในช่วงที่ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้ง โดยขอให้นำค่าขนส่งที่ชัดเจนมาใช้หักค่าใช้จ่ายเป็น 2 เท่าได้

สำหรับระยะสั้น เสนอให้พิจารณา Soft Loan ให้ผู้ประกอบการเพื่อรักษาสภาพคล่องของกลุ่ม SME ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะกลุ่มที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา หรือผู้ที่มีหลักฐานการค้าขายต่อเนื่องกับกัมพูชา เพิ่มเติมจากมาตรการที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM Bank ออกมา รวมทั้งขอให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พิจารณาให้สิทธิประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมที่อยู่ใน Supply Chain ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ เพื่อจูงใจให้มีการลงทุนในไทยสำหรับชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าจากกัมพูชา

ในส่วนของมาตรการระยะยาว พิจารณาตามสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่จะให้ทั้งสองประเทศกลับมาทำการค้าร่วมกัน และมีการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจที่ถูกกฎหมาย สร้างความเจริญเติบโตร่วมกันให้กับภูมิภาค

นอกจากนี้ นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. แสดงความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค เช่น เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย โดยได้เสนอให้ภาครัฐเร่งศึกษาและแยกแยะผลกระทบจากธุรกรรมทองคำ คริปโตเคอร์เรนซี และการโอนเงินแรงงานต่างด้าวที่ไม่ผ่านระบบ ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถจำแนกได้ชัดเจน พร้อมทั้งเสนอให้ส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ในการค้าระหว่างประเทศภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน+3 และสนับสนุนผู้ประกอบการในการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เช่น FX Options และ Forward Contract ด้วยมาตรการช่วยลดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเบื้องต้น

สำหรับกลไกความร่วมมือในอนาคต ส.อ.ท.เห็นควรให้ขับเคลื่อนการหารือผ่านคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) และจัดให้มีเวทีระดมความคิดเห็นในประเด็นเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น มาตรการภาษีสหรัฐฯ การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อร่วมกันหาทางออกที่เป็นรูปธรรม

“การพบปะในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างความร่วมมือเชิงรุกระหว่างภาครัฐกับเอกชน โดย ส.อ.ท.พร้อมที่จะสนับสนุนและทำงานเคียงข้างรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อนำพาเศรษฐกิจไทยสู่ความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนในอนาคต” นายเกรียงไกรกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น