xs
xsm
sm
md
lg

EGCO ฟุ้งไตรมาส 3/68 โตเพิ่มขึ้น ลุ้นได้ข้อสรุปโรงไฟฟ้าสีเขียวเฟส 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ผลิตไฟฟ้า” ชี้ไตรมาส 3/68 ผลประกอบการโตขึ้น เหตุเข้าสู่ช่วงไฮซีซันโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว พร้อมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก CDI ในอินโดฯ และโรงไฟฟ้า APEX ในสหรัฐฯ ที่ได้รับอานิสงส์จาก Data Center และ AI โชว์ปีหน้าจ่อ COD โรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ เพิ่มอีก 4 โครงการกว่า 600 MW ลุ้นชัดเจนโครงการไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 หลังได้รับการคัดเลือก 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 448 เมกะวัตต์  

นางสาวจิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 เติบโตกว่าไตรมาสก่อน เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซันของโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่มีปริมาณน้ำมากขึ้นตามฤดูกาล และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก CDI ในอินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ที่ได้รับประโยชน์จากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นจากดีมานด์ของธุรกิจ Data Center และ AI ขณะราคาซื้อขายไฟฟ้าในสหรัฐฯ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

กอปรกับโรงไฟฟ้า APEX จะเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2568 คือโครงการ Angelo Battery Storage มีกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ (MW) คาดจะ COD ในไตรมาส 3/2568 และตลอดจนรับรู้รายได้จากการปิดดีลซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Wheatsborough กำลังผลิต 125 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในสหรัฐฯ อีกทั้งการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Supply Agreement - PSA) ฉบับใหม่ กำลังผลิต 400 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 15 ปี

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจนการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศ หรือ RE Big lot รอบที่ 2 ในรูปแบบ Feed-in Tarff (FiT) ปี 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงในส่วนพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจำนวน 11 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 448 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้

ส่วนอีก 4 โครงการในสหรัฐอเมริกาที่จะ COD ในปีหน้าประกอบด้วยโครงการ Bowman Wind มีกำลังการผลิตที่ 200 MW ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดจะ COD ในไตรมาส 1/2569 โครงการ Coldwater Solar มีกำลังการผลิตที่ 150 MW ซึ่งคาดจะ COD ในไตรมาส 1/2569 
โครงการ Lotus Wind โดยมีกำลังการผลิตที่ 200 MW จะ COD ในไตรมาส 2/2569  และโครงการ Rocky Forge Wind มีกำลังการผลิตที่ 78 MW กำหนด COD ในไตรมาส 4/2569 ส่วนโครงการ CDI ในอินโดนีเซีย บริษัทฯ มีแผนจะขยายการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน


“ในครึ่งหลังปีนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายการลงทุนส่วนใหญ่เน้นการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซฯ เพื่อให้บรรลุการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2573 โดยบริษัทยังแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศผ่านการลงทุนรูปแบบ M&A และ Greenfield รวมถึงศึกษาโอกาสธุรกิจใหม่ เช่น CCUS, ไฮโดรเจน, แอมโมเนีย และ LNG เป็นต้น ในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 30,000 ล้านบาท”

EGCO ได้รับใบอนุญาตผู้จัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แล้ว ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่ EGCO จะพิจารณาจัดซื้อ LNG จากโครงการอะแลสกาในอนาคต เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าในไทย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ เป็นต้น แต่จะไม่เข้าไปลงทุนแหล่งก๊าซฯ

บริษัทฯ ยังเดินหน้ากลยุทธ์ "Triple P" ที่เน้นนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ คือ การขายสินทรัพย์ในระยะเวลาที่เหมาะสม และนำเงินที่ได้จากการขายไปลงทุนใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ในขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า และธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน

ปัจจุบัน EGCO มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,683 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,485 เมกะวัตต์ (คิดเป็น 22% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและนอกชายฝั่ง เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น