“จตุพร” สั่งลุยมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย เร่งผลักดันส่งออกและแปรรูปรวม 65,000 ตัน เผยเล็งขยายตลาดใหม่อินเดีย ยูเออี พร้อมเปิดจุดขายที่ ปตท. ธนาคารไทยพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นๆ เร่งกระจายออกนอกแหล่งผลิต จัด Thai Fruits Festival ดึงหน่วยงานรัฐ เอกชนช่วยซื้อ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ผลผลิตกำลังเริ่มออกสู่ตลาด โดยได้เตรียมมาตรการผลักดันการส่งออกและแปรรูป รวม 65,000 ตัน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจซื้อขายลำไย สร้างมูลค่าการค้า 200 ล้านบาท และการเชื่อมโยงการค้าลำไยไปอินโดนีเซีย ระหว่างทูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัด ทำให้ผู้ส่งออกใน จ.ลำพูน ได้โควส่งออกไม่อั้นจากอินโดนีเซีย และยังได้ติดตามเรื่องโควตาส่งออกไปอินโดนีเซีย รวมทั้งมีแผนที่จะเร่งผลักดันการส่งออกลำไยไปยังอินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย
ส่วนตลาดในประเทศ ได้ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นๆ เปิดจุดจำหน่ายลำไย ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 2568 การกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด การจัดกิจกรรม Thai Fruits Festival เชื่อมโยงกับห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดกลาง ตลาดสด รวมถึงการจัดกิจกรรม Pre-Order และ CSR จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การสนับสนุนกล่องไปรษณีย์และตะกร้าให้เกษตรกรผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัด
ทั้งนี้ เกษตรกรได้สะท้อนปัญหาและมีข้อเรียกร้องที่สำคัญหลายประเด็น เช่น การขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวลำไย โดยต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณพัฒนา มาตรฐานโรงคัดบรรจุและโกดัง (GMP, HACCP) เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออก การให้รัฐสนับสนุนผู้ประกอบการโรงอบและผู้ส่งออกลำไยสดรายใหม่ๆ ด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจาก ธ.ก.ส. และขอให้ภาครัฐเร่งผลักดันโควตาส่งออกไปอินโดนีเซีย รวมถึงการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ เช่น ตะกร้า 5 กิโลกรัม และกล่อง 10 กิโลกรัม สำหรับขายออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาคการผลิต ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในดำเนินการลดราคาปุ๋ยและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยจัดเป็นสินค้าธงเขียว เพื่อลดต้นทุนให้เกษตรกรให้ได้มากที่สุดเป็นอันดับแรก และมีแผนหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันที่ 15 ก.ค. 2568 เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาแรงงานภาคการเกษตร โดยเฉพาะแรงงานเก็บลำไย และกำหนดมาตรการช่วยเหลือลำไยทั้งระบบด้วย
สำหรับปี 2568 ผลผลิตลำไยของ จ.เชียงใหม่อยู่ที่ 443,622 ตัน เพิ่มขึ้น 4.32% โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดในเดือน ส.ค.2568 จำนวน 164,577 ตัน คิดเป็น 37% ของผลผลิตทั้งหมด และขณะนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 8% หรือ 22,409 ตัน กระจายในพื้นที่ อ.จอมทอง ดอยหล่อ แม่วาง สันป่าตอง ฮอด และดอยเต่า และปัจจุบันราคาลำไย (12 ก.ค.) ลำไยสดรูดร่วง เกรด AA ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท เกรด A ราคา 10-11 บาท เกรด B ราคา 5-6 บาท และเกรด C ขนาดไม่เกิน 20 มิลลิเมตร ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 1 บาท ลำไยสดช่อ (ตะกร้าขาว อินโดนีเซีย) เกรดทองราคา 25 บาทต่อกิโลกรัม เกรดแดง 22 บาทต่อกิโลกรัม เกรดน้ำเงิน 17 บาทต่อกิโลกรัม และเกรดเขียว 8 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนลำไยสดมัดปุ๊ก เกรด AA บวก A ราคา 18-20 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด A บวก B ราคา 12-15 บาทต่อกิโลกรัม