xs
xsm
sm
md
lg

"พาณิชย์" ลุยช่วยมังคุดนครฯ ดึงห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ล้ง เข้าซื้อ ดันราคาขยับต่อเนื่อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"พาณิชย์" ลุยช่วยมังคุดใต้เต็มสูบ เผยล่าสุดล้งภาคตะวันออกเข้าไปรับซื้อเต็มพื้นที่เเล้ว แถมยังมีห้างค้าส่ง-ค้าปลีกเข้าไปรับซื้อด้วย ดันราคาปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เกษตรกรขอบคุณที่ไม่ทิ้งกัน หวังราคาดีจนจบฤดูกาล

นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ภายหลังจากการลงพื้นที่ของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 และได้จัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลไม้ออกนอกแหล่งผลิต โดยนำผู้ประกอบการและห้างค้าส่ง-ค้าปลีกลงมารับซื้อผลผลิตโดยตรงจากเกษตรกร จากนั้นกรมได้ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราชลงพื้นที่ติดตามการรับซื้อของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง พบว่าล้งจากภาคตะวันออกได้ลงมารับซื้อผลผลิตในภาคใต้อย่างเต็มที่แล้วภายหลังฤดูกาลภาคตะวันออกใกล้สิ้นสุดลง ส่งผลให้สภาวะการซื้อขายมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีความคึกคักมากขึ้น ประกอบกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีกได้ลงมาซื้อผลผลิตในแหล่งผลิตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อเกษตรกรทำให้ราคาเริ่มขยับขึ้น จากเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ราคามังคุดเบอร์รวมอยู่ที่ 10-11 บ./กก. ได้ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 12-14 บ./กก.แล้ว

สำหรับการคาดการณ์ผลผลิตมังคุดในภาคใต้มีปริมาณ 109,697 ตัน เป็นผลผลิตของจังหวัดนครศรีธรรมราช ปริมาณ 40,063 ตัน ขณะนี้มังคุดของจ.นครศรีธรรมราชได้เริ่มออกสู่ตลาดแล้วกว่า 50% เพื่อเป็นการรองรับผลผลิตดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้มีแผนและมาตรการรองรับผลผลิตในส่วนของภาคใต้รวมกว่า 64,000 ตัน ผ่านมาตรการสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาดของผู้บริโภคโดยการรับซื้อจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ที่ตั้งเป้าการรับซื้อกว่า 6,000 ตัน รวมไปถึงธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่รับซื้อเพื่อการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) อีกทั้งมีการจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ Thai fruit festival 2025 ณ ห้างซุปเปอร์ชีปทั่วภาคใต้ กว่า 2,000 ตัน และเชื่อมโยงมังคุดภาคใต้ผ่านห้างค้าปลีก-ส่ง ปริมาณ 6,000 ตัน และประสานผู้ส่งออกเร่งเข้ารับซื้อผลไม้ในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งเป้ามังคุดนครศรีธรรมราช วันละ 300 ตัน รวมกว่า 15,000 ตัน เพิ่มศักยภาพและส่งเสริมสภาพคล่องให้ผู้รวบรวมรับซื้อผลไม้เพื่อส่งออก ทั้งทุเรียนและมังคุดปริมาณรวม 35,000 ตัน

“ตลอดช่วงเทศกาลมังคุดนี้ กรมการค้าภายในได้ร่วมกับห้างค้าส่ง-ค้าปลีกจัดกิจกรรมรณรงค์บริโภคในทุกสาขาทั่วประเทศ ประกอบด้วย บิ๊กซี แม็คโคร โลตัส โก-โฮลเซลล์ ท็อปส์เซ็นทรัล เดอะมอลล์ 7-Eleven รวมไปถึงห้างซุปเปอร์ชีป ชมรมทายาทห้างค้าปลีก-ค้าส่งแห่งประเทศไทย ตลอดจนสมาคมการค้า ตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทย จำนวน 3 ตลาด และสมาคมตลาดสดไทย จำนวน 12 ตลาด ซึ่งจะสามารถช่วยระบายผลผลิตผลไม้จากแหล่งผลิตออกสู่ตลาดนอกพื้นที่ และช่วยดูแลราคาให้แก่เกษตรกร”

นางประไพ เพชรพงศ์พันธุ์ พาณิชย์จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้สั่งการให้ตนติดตามการรับซื้อผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราชอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันผลผลิตมังคุดนครศรีธรรมราชออกแล้วมากกว่าร้อยละ 50 กำลังเข้าสู่ปลายฤดู ส่งผลให้ลูกตกไซส์มีปริมาณมากขึ้น จึงได้ประสานกรมการค้าภายในและผู้ประกอบการห้างค้าส่ง-ค้าปลีกเข้ารับซื้อในพื้นที่ โดยจุดรับซื้อนอกกลุ่มประมูลเบอร์รวมอยู่ที่ราคาประมาณ 12-14 บ./กก. ปรับตัวดีขึ้นจากอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ 10-11 บ./กก. ส่วนตัวบนคือเกรดมันในกลุ่มประมูล เช่น กลุ่มประมูลมังคุด กลุ่มมังคุดคุณภาพน้ำดำ กลุ่มบ้านไสเหรียง กลุ่มชะอวดโปรดักส์ กลุ่มชะอวดพัฒนา เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 22-26 บาท

ร้อยตรี อรุณ บุญวงศ์ กลุ่มมังคุดบ้านน้ำดำ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้เชื่อมโยงผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อผลผลิตอย่างต่อเนื่องทุกวันจนทำให้สถานการณ์การรับซื้อไม่มีผลผลิตตกค้างและตอนนี้มีผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาแย่งซื้อกันคึกคักมากขึ้นส่งผลดีต่อกลุ่ม คาดการณ์ว่าผลผลิตยังคงทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ผลผลิตออกมากนี้จึงขอให้ กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดช่วยให้มีการรับซื้อเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจนจบฤดูกาล ซึ่งปัจจุบันราคามังคุดเบอร์รวมได้เริ่มปรับตัวขึ้นแล้วอยู่ที่ประมาณ 13-14 บ./กก.

นายสุรักษ์ มังสาทอง กลุ่มมังคุดทอนหงส์ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ทางกลุ่มได้มีผู้ประกอบการเข้ามารับซื้อในราคาขั้นต่ำ 12 บ./กก.ตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้ราคาได้ปรับขึ้นเป็น 13-14 บ./กก.แล้ว ซึ่งเกษตรกรเริ่มมีความพอใจมากขึ้น อย่างไรก็ดี สถานการณ์มังคุดช่วงปลายฤดูอาจจะมีปัญหาคุณภาพได้จึงขอให้หน่วยงานภาครัฐติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด






กำลังโหลดความคิดเห็น