xs
xsm
sm
md
lg

ก.พลังงานผนึก75องค์กรสานต่อเครือข่ายอนุรักษ์ฯ ตั้งเป้า6เดือนลดการใช้ไฟกว่า 500ล้านหน่วยมูลค่า 2.5พันล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"พลังงาน" จับมือ 75 องค์กร สานต่อเครือข่ายอนุรักษ์พลังงาน "Energy Beyond Standards 2024" ประกาศเดินหน้าอนุรักษ์พลังงานอย่างเป็นรูปธรรม เป็นองค์กรต้นแบบใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ คาด 6 เดือนลดใช้ไฟฟ้าได้ 500 ล้านหน่วย คิดเป็นเงิน 2,500 ล้านบาท และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 240 พันตันคาร์บอน

นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์เครือข่ายอนุรักษ์พลังงาน "Energy Beyond Standards 2024" โดยมี นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)พร้อมด้วย นายเทพรัตพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ้ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายพิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานคณะกรรมการพลังงาน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธนาคารแห่งประเทศไทย และ นายรวิวัฒน์ พนาสันติภาพ กรรมการสถาบันพลังงาน สภาอุตสาหกรรม ร่วมกับองค์กรภาครัฐ เอกชนกว่า 75 แห่งชั้นนำ ร่วมแสดงความมุ่งมั่นดำเนินการอนุรักษ์พลังงานภายในองค์กร พร้อมกระตุ้นให้เกิดกระแสความความร่วมมือด้านการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากราคาพลังงาน

นายประเสริฐ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้เร่งผลักดันนโยบายการอนุรักษ์พลังงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานสูงให้เกิดการใช้พลังงานอย่างประสิทธิภาพ โดยการประกาศเจตนารมย์จากภาครัฐและเอกชนทั้ง 75 องค์กรในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญให้เกิดการสานต่อและสร้างเครือข่ายด้านอนุรักษ์พลังงาน สร้างความร่วมมือการให้คำปรึกษา ให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับมาตรการที่มุ่งเน้น คือ การดำเนินการภายใต้มาตรการ 5 ป. "ปิด ปรับ ปลด เปลี่ยน ปลูก" ทั้งนี้จากมาตรการที่หน่วยงานแต่ละแห่งจะดำเนินการเพื่อการอนุรักษ์พลังงานนั้น คาดว่าในช่วง 6 เดือน (ก.ย. 67 - ก.พ. 68) จะส่งผลในภาพรวมเกิดการลดใช้ไฟฟ้าได้กว่า 500 ล้านหน่วย ลดค่าใช้จ่ายการนำเข้าพลังงานของประเทศได้สูงถึงถึง 2,500 ล้านบาท เทียบเท่าแอลเอ็นจี 68,500 ตัน บรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 240 พันตันคาร์บอน อีกทั้งช่วยขับเคลื่อนนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ให้ได้ในปี ค.ศ. 2050

ในปีนี้ความต้องการใช้ไฟฟ้าคาดเพิ่ม 7-8% จากปกติโต 2-3% ใกล้เคียง GDP ส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น จำนวนยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด และโครงการดาต้า เซ็นเตอร์ ทำให้ปีนี้มีสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของปี 2567 มียอดใช้ไฟฟ้ารวม 36,699 เมกะวัตต์ สูงกว่าพีคไฟฟ้าของประเทศที่เคยสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2566 ที่ 34,827 เมกะวัตต์ ทุกภาคส่วนต้องร่วมประหยัดพลังงาน นอกจากจะช่วยลดค่าไฟฟ้าแล้ว ยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้กฟผ.และปตท.ลดการนำเข้าแอลเอ็นจีที่มีต้นทุนแพงกว่าราคาก๊าซฯในอ่าวไทย ซึ่งในปี 2566-67 ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น แต่กำลังการผลิตก๊าซฯจากแหล่ง JDA ไทย-มาเลเซีย และเมียนมาปรับลดลงทำให้ต้องนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นถึง 95 ลำ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงแลเป็นผลให้อัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วยเพิ่มขึ้น

นายวัฒนพงษ์ คโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า การประกาศเจตนารมณ์เครือข่ายอนุรักษ์พลังงาน "Enerey Beyond Standards 2024" ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกกฟผ. หอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และองค์กรภาคเอกชนรวม 75 แห่ง อาทิ กลุ่มบริษัทเครือปตท. เครือเซ็นทรัล ค่ายโตโยต้า และ SCG เป็นต้น ทั้งนี้ พพ.จะให้การสนับสนุนด้านเทคนิค การฝึกอบรมให้ความรู้ การให้คำปรึกษาและแนะนำเพื่อความรู้ด้านอนุรักษ์พลังงานสู่สาธารณชน กระตุ้นทุกภาคส่วนให้เกิดความตระหนักและเกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ


กำลังโหลดความคิดเห็น