คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ซื้อข้าวสาร 10 ปี เผยผลตรวจสอบพบ 3 ราย ที่ยื่นเสนอราคา ทั้ง “วีเอท-ธนสรร ไรซ์-เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร” ถูกตัดสิทธิ์ เหตุพัวพันกับนิติบุคคลที่มีคดีค้างเก่าและทำความเสียหายกับ อคส. เตรียมเรียก 3 รายที่เหลือมาเจรจาต่อรอง ตั้งเป้าให้ได้ราคาเท่าที่ 3 รายแรกเสนอ หรือมากกว่าผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล หรือข้าว 10 ปี ที่จัดตั้งขึ้นโดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ตรวจสอบเอกชนที่ยื่นเสนอราคาซื้อข้าวทั้ง 6 รายแล้ว และพบว่า ผู้ที่ให้ราคาสูงสุด 3 ราย คือ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด และบริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์. การเกษตร จำกัด ไม่ผ่านคุณสมบัติ หลังตรวจสอบเชิงลึก โดยทั้ง 3 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องคดีค้างเก่ากับนิติบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ทำความเสียหายให้แก่ อคส. และถูก อคส. ฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายตามสัญญารับฝากเก็บรักษา มันเส้น ข้าวสาร และสัญญาจ้างตรวจสอบ และรับผิดชอบคุณภาพข้าว ซึ่งเป็นคดีค้างเก่าและยังอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง แม้บริษัททั้ง 3 ราย จะไม่ใช่เป็นคู่กรณีโดยตรง แต่ก็มีความเชื่อมโยงทางอ้อมและเกี่ยวพันธ์กัน จึงเห็นว่าไม่สมควรที่จะเดินหน้าเจรจาต่อรองและควรตัดสิทธิ์การยื่นซองประมูลซื้อข้าวสารในครั้งนี้
สำหรับขั้นตอนต่อไป จะพิจารณาว่าเมื่อทั้ง 3 ราย ถูกตัดสิทธิ์ไปแล้ว จะต้องคืนหลักประกันให้แต่ละรายหรือไม่ และความผิดมีหรือไม่ เพราะตามกรอบและหน้าที่ของ อคส. เมื่อตรวจสอบแล้ว คุณสมบัติไม่ผ่าน แม้จะเป็นผู้เสนอราคาข้าวสารสูง ก็ต้องคืนหลักประกันให้ ส่วนความผิดที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไป
ส่วนอีก 3 รายที่เหลือ และมีคุณสมบัติครบถ้วน อคส. จะดำเนินการต่อรองให้ได้ราคาที่ดีที่สุด เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด คือ บริษัท สหธัญ จำกัด จังหวัดนครปฐม บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จำกัด จังหวัดนครสวรรค์ และบริษัท ทรัพย์แสงทอง ไรซ์ จำกัด จากจังหวัดสุพรรณบุรี ที่เสนอราคาซื้อข้าวตั้งแต่ 12 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ขึ้นไป โดยการต่อรองราคา ได้ตั้งเป้าที่จะให้ได้ราคาสูงกว่าที่ 3 รายที่ถูกตัดสิทธิ์เสนอมา แต่จะได้เพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่คณะกรรมการจะเจรจาต่อรอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเปิดประมูลข้าวสาร 10 ปีครั้งนี้ มีผู้สนใจมากถึง 6 ราย และให้ราคาตั้งแต่ 15-19 บาท/กก. แสดงให้เห็นว่าข้าวสารยังมีคุณภาพดี แม้จะเก็บไว้นานเกิน 10 ปี โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กำชับให้การประมูลครั้งนี้มีความโปร่งใ ตรวจสอบได้ และไร้ข้อครหา ทำให้ต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นและเชิงลึก จนได้ข้อสรุปออกมาต่างจากที่มีการประเมินกันไว้ก่อนหน้านี้
โดย 3 บริษัทที่ผ่านคุณสมบัติ ได้เสนอราคา ดังนี้ บริษัท ทรัพย์แสงทองไรซ์ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง เฉลี่ย 12,208.81 บาท/ตัน หรือประมาณ 12.208 บาท/กก. คลังสินค้ากิตติชัย เฉลี่ย 15,617.35 บาท/ตัน หรือ 15.617 บาท/กก. บริษัท สหธัญ จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้งคลังเดียว เฉลี่ย 18,690 บาท/ตัน หรือ 18.690 บาท/กก.. และ บริษัท บี เอ็น เค การเกษตร 2024 จำกัด เสนอราคาซื้อข้าวคลังพูนผลเทรดดิ้ง เฉลี่ย 16 บาท/กก. คลังสินค้ากิตติชัย เฉลี่ย 16 บาท/กก.
ทั้งนี้ ในการประมูลข้าวสารที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวที่เก็บไว้ในสต๊อกของรัฐบาลเป็นเวลา 10 ปี อคส.ได้เปิดให้ผู้สนใจยื่นซองคุณสมบัติเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2567 ปรากฏว่า มีเอกชนมายื่นซอง 8 ราย ต่อมาวันที่ 13 มิ.ย.อคส.ได้ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติเอกชนซึ่งผ่าน 7 ราย ไม่ผ่าน 1 ราย คือ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) จังหวัดอุบลราชธานี
จากนั้น วันที่ 17 มิ.ย.อคส.ได้เปิดให้เอกชนที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติยื่นซองเสนอราคา ปรากฏว่ามีเอกชนมายื่นซอง 6 ราย โดยบริษัทที่ให้ราคาสูงสุดคือ บริษัทวีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาเฉลี่ย 19.07 บาท/กก. รองลงมาคือ บริษัท ธนสรร ไรซ์ จำกัด เสนอราคาเฉลี่ยประมาณ 18.00 บาท/กก. และ บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อาร์.การเกษตร จำกัด เสนอราคาเฉลี่ยประมาณ 16.71 บาท/กก. ตามลำดับ