สนค.เผยจีนเดินหน้าข้าวโพด GMO ทั้งพัฒนาสายพันธุ์ เพิ่มพื้นที่เพาะปลูก เพื่อลดการนำเข้า และสร้างความมั่นคงด้านอาหาร เตือนเกษตรกร ผู้ประกอบการมันสำปะหลังจับตา และเร่งปรับตัว เหตุข้าวโพดสามารถใช้แทนมันสำปะหลังในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์และเอทานอล
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค.ได้ติดตามสถานการณ์การวิจัยและพัฒนาข้าวโพด GMO ของจีน พบว่าจีนประสบความสำเร็จในการวิจัยดังกล่าวครั้งแรกในปี 2540 โดยสามารถวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวโพดที่ต้านทานแมลงศัตรูพืชได้ และได้ดำเนินการวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง มีการทดลองภาคสนาม เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของพืช GMO เหล่านี้ รวมทั้งได้เริ่มเปิดให้มีการนำเข้าข้าวโพด GMO มาตั้งแต่ ธ.ค. 2563 และปัจจุบันผลผลิตข้าวโพดภายในประเทศยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ จีนยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้า ซึ่งการวิจัยและพัฒนาข้าวโพด GMO ของจีน ไม่ใช่เพียงเพื่อการต่อสู้กับโรคและศัตรูพืชเท่านั้น แต่ยังต้องการเพิ่มปริมาณอุปทานของข้าวโพดภายในประเทศ เพื่อความมั่นคงด้านอาหารและการส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้านธัญพืช ลดการใช้ยาฆ่าแมลง ช่วยเกษตรกรลดต้นทุนการเพาะปลูก ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการพัฒนาด้านการเกษตรภายในประเทศที่สำคัญตามแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14 ของจีน
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อเดือน ม.ค. 2567 จีนได้ออกประกาศรายการข้าวโพด GMO 37 สายพันธุ์ จาก 24 บริษัทและหน่วยงานวิจัย ที่สามารถนำไปเพาะปลูกได้ใน 8 มณฑลของจีน ประกอบด้วย มองโกเลียใน กานซู เหอเป่ย จี๋หลิน เหลียวหนิง กว่างซี เสฉวน และยูนนาน (ปี 2563 อนุญาตให้ปลูกได้ใน 2 มณฑล ปี 2566 เพิ่มเป็น 5 มณฑล) ซึ่งใน 4 มณฑล (จี๋หลิน มองโกเลียใน เหลียวหนิง และเหอเป่ย) สามารถทำการเพาะปลูกข้าวโพด GMO ได้ในทุกพื้นที่ จึงคาดว่าจีนจะมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด GMO เพิ่มขึ้นเป็น 4.17-6.25 ล้านไร่ ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 1.67 ล้านไร่ ในปี 2566
ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2567 รัฐบาลจีนได้เผยแพร่เอกสารหมายเลข 1 ฉบับที่ 12 แห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ที่ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาชนบทและภาคการเกษตรของจีน เอกสารดังกล่าวจัดทำขึ้นทุกปี โดยในปีนี้ได้กล่าวถึงการกำหนดแนวนโยบายการพัฒนาเขตพื้นที่ชนบทอย่างครอบคลุม ที่มุ่งเน้นการยกระดับผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวโพดและถั่วเหลือง บนพื้นฐานการวิจัยพัฒนา และการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการผลิตพืชอาหารที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร โดยมีเป้าหมายในการยกระดับผลผลิตธัญพืชให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ
สำหรับแนวนโยบายดังกล่าวเป็นการเน้นย้ำว่าจีนจะพัฒนาการใช้ข้าวโพด GMO เพื่อความมั่นคงทางอาหารและการยกระดับผลผลิตในประเทศ ลดการพึ่งพาการนำเข้าธัญพืช ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างการใช้ข้าวโพด GMO เชิงพาณิชย์ แม้ปัจจุบันพื้นที่การเพาะปลูกข้าวโพด GMO ของจีนจะมีไม่ถึง 1% ของพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดทั้งประเทศ โดยพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดทั้งหมดของจีน ปี 2566 อยู่ที่ 276.37 ล้านไร่ และจากรายงานของ Foreign Agricultural Service (FAS) คาดการณ์ว่าพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพด GMO ของจีนในช่วงปี 2568–2570 จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-15% ต่อปี
“แม้ข้าวโพดจะไม่ใช่สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย แต่ข้าวโพดเป็นสินค้าทดแทนมันสำปะหลังที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตอาหารสัตว์และเอทานอล ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นอันดับหนึ่งของโลก และจีนก็เป็นตลาดมันสำปะหลังที่สำคัญของไทย การที่จีนจะหันมาใช้ข้าวโพด GMO เพื่อการเพิ่มผลผลิตภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการ อาจกระทบต่อความต้องการมันสำปะหลัง ดังนั้น จึงควรหาแนวทางเพื่อสอดรับกับสถานการณ์ดังกล่าวที่มีแนวโน้มอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ลดการพึ่งพาตลาดส่งออกเพียงไม่กี่ตลาด ซึ่งไทยมีตลาดจีนเป็นตลาดส่งออกมันเส้นที่สำคัญมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน” นายพูนพงษ์กล่าว
ในปี 2566 จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวโพด (HS Code: 100590) อันดับ 1 ของโลก ปริมาณ 27.14 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 9,017.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.99% โดยนำเข้าจากบราซิล และสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 1 และ 2 ตามลำดับ ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตข้าวโพดซึ่งใช้พันธุ์ข้าวโพด GMO ที่สำคัญของโลก และในปีเดียวกันจีนมีผลผลิตข้าวโพดในประเทศรวม 288.84 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.7% และเพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปี 2563 (ปี 2563 จีนมีผลผลิตข้าวโพด 239 ล้านตัน) ซึ่งในปี 2566 จีนมีความต้องการใช้ข้าวโพดภายในประเทศอยู่ที่ 293 ล้านตัน ส่วนในปี 2567/68 คาดว่าจีนจะมีปริมาณผลผลิตข้าวโพดอยู่ที่ 296 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.4%
สำหรับคาดการณ์ปี 2567 ตลาดข้าวโพด GMO ทั่วโลกมีมูลค่า 264,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าระหว่างปี 2566-2573 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 5% หรือจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 384,200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 โดยอุปทานที่เพิ่มขึ้นของข้าวโพด GMO จากผู้ผลิตรายใหม่ๆ อย่างประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวโพดที่สำคัญของโลกในปัจจุบัน อาจผลักดันให้ราคาข้าวโพดทั่วโลกปรับตัวลดลงในอนาคต