xs
xsm
sm
md
lg

สนพ.ลั่นแผน PDP 2024 ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 4 บาทต่อหน่วย พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็น มิ.ย.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สนพ.ชี้แผน PDP 2024 ค่าไฟฟ้าไม่เกิน 4 บาทต่อหน่วยใกล้เคียงแผนฯ เดิม โดยมีสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเป็น 51% และก๊าซฯ 40% พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ปี 2567-2580 (PDP 2024) และร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024) ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล วันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ และรูปแบบออนไลน์ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ในวันที่ 17 และ 19 มิ.ย.นี้ มั่นใจยื่น ครม.อนุมัติแผนพลังงานชาติในเดือนกันยายนนี้

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สนพ.อยู่ระหว่างการจัดทำร่างแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ฉบับใหม่ ซึ่งจะประกอบไปด้วย 5 แผนสำคัญ ได้แก่ 1. แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ปี พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) 2. แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) 3. แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) 4. แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และ 5. แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan)

สำหรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP  2024) ประชาชนได้รับประโยชน์ เนื่องจากการจัดทำแผนฯ ให้ความสำคัญในประเด็นต่างๆ 3 ด้าน คือ 1. ด้านเน้นความมั่นคงของระบบไฟฟ้าของประเทศ (Security) 2. ด้านต้นทุนค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม (Economy) และ 3. ด้านผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Ecology) เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) ที่ สนพ.กำลังจัดทำอยู่

โดยแผน PDP ฉบับใหม่นี้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นอยู่ที่ 51% ส่วนใหญ่เป็นโซลาร์ ,ก๊าซธรรมชาติ 40% และไฮโดรเจน 5% ส่วนการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านจะรวมอยู่ในสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และในปลายแผนฯจะมีพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) เข้ามาเป็นทางเลือก ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นเพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero GHG Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยคงอัตราค่าไฟตลอดแผน PDP 2024 ให้ใกล้เคียงแผนเดิมที่เฉลี่ย 3.64 บาทต่อหน่วย หรือไม่เกิน 4 บาทต่อหน่วย เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อผู้บริโภค


ในแผน PDP 2024 จะมีการใช้เกณฑ์โอกาสเกิดไฟฟ้าดับ (LOLE) ต้องไม่เกิน 0.7 วันต่อปี หรือไม่เกิน 17 ชั่วโมง จาก 8,760 ชั่วโมง จากเดิมใช้เกณฑ์กำลังผลิตไฟฟ้าสำรอง (Reserve Margin) รวมทั้งยังกำหนดเป้าหมายของมาตรการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า (Demand response) 1,000 เมกะวัตต์ และมาตรการลดความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) รวมไปถึงจะมีโรงไฟฟ้าใหม่และเทคโนโลยีใหม่ที่จะนำมาพิจารณา ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำสูบกลับ การรับซื้อไฟฟ้าพลังน้ำจากต่างประเทศ พลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์) โซลาร์ลอยน้ำ และโซลาร์บวกด้วยระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) มีพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์พัฒนาไปมากและไม่ปล่อยEmission ซึ่งจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และยุโรปให้ความสนใจลงทุนโรงไฟฟ้า SMR

นายวีรพัฒน์กล่าวว่า สำหรับแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024) นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของประเทศ และบริหารจัดการระบบโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติให้มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ

โดย Gas Plan 2024 ได้ประมาณการความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในระยะยาวจากปัจจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติลดลงจาก 4,859 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2567 เป็น 4,747 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2580 จากการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าลดลง เนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนและไฮโดรเจน การใช้ในโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ลดลงตามปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และการใช้ในภาคขนส่ง ตามจำนวนรถ NGV ที่มีแนวโน้มลดลง

ทั้งนี้ สนพ.จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (PDP 2024) และร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. 2567-2580 (Gas Plan 2024) โดยในวันที่ 12-13 มิถุนายน 2567 จะเป็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นในกลุ่มภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพ

และจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นรูปแบบออนไลน์ใน 4 ภูมิภาค ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ช่วงเช้าสำหรับประชาชนภาคกลาง ช่วงบ่ายสำหรับประชาชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ช่วงเช้าสำหรับประชาชนภาคใต้ ช่วงบ่ายสำหรับประชาชนภาคเหนือ ซึ่ง สนพ.ยังเปิดรับให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้ามาแสดงความเห็นผ่านช่องทาง Facebook : EPPO Thailand และเว็บไซต์ www.eppo.go.th ตั้งแต่วันที่ 19-23 มิถุนายน 2567

ส่วนอีก 3 แผน ได้แก่ แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) คาดว่าจะเปิดรับฟังความเห็นภายในเดือนมิถุนายนนี้เช่นกัน หลังจากรับฟังความคิดเห็นแล้วจะนำไปประกอบเข้าสู่แผนพลังงานชาติ และนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หลังจากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติภายในเดือนกันยายนนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น