xs
xsm
sm
md
lg

"มนพร" เช็กผลงาน กทท.รอบ 8 เดือน ลุยนโยบายเร่งถมทะเล "แหลมฉบัง" ศึกษาย้ายท่าเรือคลองเตย อัปเกรดพัฒนาบริการมาตรฐานโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ท่าเรือแหลมฉบัง
“มนพร” เผยผลดำเนินงาน “กทท.” รอบ 8 เดือน สนองนโยบาย จี้งาน "แหลมฉบังเฟส 3" เร่งถมทะเลส่งมอบพื้นที่สัมปทาน เร่งศึกษาย้ายท่าเรือคลองเตย พร้อมเดินหน้าพัฒนาท่าเรือระนอง-เชียงแสน และปรับปรุงกฎหมาย มุ่งท่าเรือสีเขียว มาตรฐานระดับโลก

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) รายงานผลการดำเนินงาน ช่วงระยะ 8 เดือนของปีงบประมาณ 2567 (7 กันยายน 2566-7 พฤษภาคม 2567) ว่า สามารถดำเนินงานได้ตามกรอบนโยบายที่กำหนดและยังสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระดับโลกได้เป็นรูปธรรม ภายใต้วิสัยทัศน์ มุ่งสู่มาตรฐานท่าเรือชั้นนำระดับโลก

ท่าเรือแหลมฉบัง
ผลการดำเนินงานในส่วนของโครงการก่อสร้างเป็นไปตาม Timeline ที่กำหนดโดยเฉพาะโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าทางทะเลระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ในส่วนที่ 1 งานก่อสร้างงานทางทะเล ปัจจุบันผู้รับจ้างนำบุคลากรเข้ามาปฏิบัติงานเพิ่มเติมจากเดิมรวมเป็น 520 คน และนำเครื่องจักรทางน้ำ (เรือขุด) เข้ามาปฏิบัติงานเพิ่มจากเดิมรวมเป็น 67 ลำ โดย กทท.ได้เร่งรัดให้ผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามแผน เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนได้ทันกำหนดเวลา

ในส่วนที่ 2 งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนนและระบบสาธารณูปโภค อยู่ในขั้นตอนการประกวดราคา ราคากลาง 7,387.518 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติเพื่อลงนามในสัญญาต่อไป

ท่าเรือกรุงเทพ
@เดินแผนย้ายท่าเรือคลองเตยออกจากพื้นที่ กทม.แก้ปัญหาฝุ่น

สำหรับท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่บริเวณท่าเรือเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งประชาชนกรุงเทพฯ ในภาพรวม ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ที่กำหนดให้พิจารณาการย้ายท่าเรือกรุงเทพ (คลองเตย) ออกจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการบริหารจัดการพื้นที่ เป็นการร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการศึกษาความเหมาะสม โดยในช่วงดำเนินการนั้นต้องพิจารณาให้ครบวงจร ครอบคลุมถึงการย้ายคลังและโรงเก็บน้ำมันที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย ส่วนพื้นที่ในบริเวณท่าเรือกรุงเทพ ที่เป็นพื้นที่ว่างหรือสามารถนำมาปรับปรุงพัฒนาใหม่ได้ จะนำมาใช้ประโยชน์เพื่อความเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เช่น ปัญหาชุมชนแออัด ปัญหาการจราจร ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง เป็นต้น

ท่าเรือกรุงเทพ
ทั้งนี้ ตามแผนพัฒนาพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพบริเวณที่ 2 นั้น จะเป็นโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษบางนา-อาจณรงค์ (S1) เพื่อให้การบรรทุกสินค้าออกสู่เส้นทางพิเศษอื่นๆ โดยรอบได้รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งจะพัฒนาให้เป็นท่าเรืออัตโนมัติ รวมถึงพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าเพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการได้อย่างครบวงจร

นอกจากนี้ กทท.ยังได้ดำเนินการตามข้อสั่งการ เช่น โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย (Smart Community) การใช้ประโยชน์จากพื้นที่ 90 ไร่ ในการพัฒนาพื้นที่ลานจอดรถบรรทุก (Trucking Parking) ท่าเรือแหลมฉบัง

ท่าเรือระนอง
@ศึกษาพัฒนาท่าเรือบก "ขอนแก่น" 710 ไร่ หนุนส่งออก

ขณะเดียวกัน กทท.มีโครงการพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดขึ้นในเชิงพาณิชย์ บนขนาดพื้นที่ 710 ไร่ สถานะปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ โดยโครงการท่าเรือบกแห่งนี้จะสนับสนุนการส่งออกจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น สินค้าเกษตร อาหารแปรรูป ฯลฯ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระบบราง ถนน และทางน้ำ รวมถึงรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กทท.ยังได้ตั้งเป้าหมายในการพัฒนาท่าเรืออย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้บริการ เช่น ท่าเรือกรุงเทพ ต้องเป็นท่าเรือที่ได้มาตรฐานสากล สร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมการค้าการลงทุน และสนับสนุนธุรกิจ SMEs ได้เต็มรูปแบบ ท่าเรือแหลมฉบัง ต้องเป็นท่าเรือชั้นนำระดับโลก เชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์สู่การค้าโลกแบบไร้รอยต่อ ท่าเรือระนอง ตั้งเป้าให้เป็นท่าเรือที่สนับสนุนการเชื่อมโยงการค้าและการขนส่งทางฝั่งทะเลอันดามัน และท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน/ท่าเรือเชียงของ ต้องเป็นท่าเรือที่สนับสนุนการเชื่อมโยงการค้าและการขนส่งในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นต้น

ท่าเรือเชียงแสน
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานมี 4 ด้านสำคัญ ได้แก่

1. ด้านการส่งเสริมการคมนาคมทางน้ำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ส่งเสริมการใช้พลังงานจาก Solar cell ในอาคารสถานที่ เร่งรัดการจ้างบริษัทที่ปรึกษาฯ จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เดินหน้าการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาด เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นท่าเรือสีเขียวร่วมกับห่วงโซ่อุปทาน (Green Port Supply Chain) ส่งเสริมการเป็นท่าเรือที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Port) เพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และ PM 2.5 เป็นต้น

2. ด้านการยกระดับการดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ ได้แก่ ยกระดับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานระหว่างประเทศ IMO, IUU และพัฒนากรอบความร่วมมือในระดับภูมิภาค เช่น ASEAN และ JCCN

3. ด้านการสนับสนุนและส่งเสริมการขนส่งมวลชนสาธารณะทางน้ำในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานโครงการเพื่อสร้างการรับรู้ของประชาชนและสังคม

4. การพัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบให้ทันสมัยเป็นมาตรฐานสากล โดยการให้จัดส่งร่าง พ.ร.บ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ.... ในส่วนของการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น