"มนพร" ลงพื้นที่ "ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3" ตรวจงานถมทะเลคืบหน้า 22.01% กทท.เร่งเพิ่มเครื่องจักรและผลิตหิน สปีดงานเดือนละ 4% มั่นใจส่งมอบพื้นที่ มิ.ย.นี้ และส่งมอบพื้นที่ F1 ให้ GPC ปลายปี 68 เตรียมเปิด PPP หาผู้ประกอบการท่า A5 (ขนส่งรถยนต์)
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะตรวจราชการร่วมลงพื้นที่ฯ ตรวจเยี่ยมและประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง โดยมี นายดรุฒ คำวิชิตธนาภา กรรมการ กทท. นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. ว่าที่ร้อยตรี รัฐกร เขียวไพศาล นักบริหาร 16 ประจำผู้อำนวยการ กทท. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง คณะผู้บริหาร กทท. และกิจการร่วมค้า CNNC ร่วมให้การต้อนรับ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
@สปีดถมทะเล เดือนละ 4.04%
ให้ทันส่งมอบพื้นที่ Key Date 3 ปลาย มิ.ย. 67
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. รายงานถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 กิจการร่วมค้า CNNC สามารถดำเนินงานได้แล้วที่ 22.01% โดยมีเครื่องจักรทางทะเล 71 ลำ และกำลังคนจำนวน 520 คน ทั้งนี้ กิจการร่วมค้า CNNC ได้แจ้งปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานว่าจำนวนหินที่ใช้ในโครงการฯ และเครื่องจักรยังมีไม่เพียงพอ จึงมีแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยการประสานเหมืองหินให้เร่งผลิตหินให้เพียงพอภายในเดือนมีนาคมนี้ และได้มีการเพิ่มเครื่องจักรในการทำ Geotube ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการก่อสร้างคันหินล้อมพื้นที่ และในส่วนของงานถมทะเลได้เพิ่มเรือ Grab Dredger เข้ามาช่วยในการขุดลอก
อย่างไรก็ตาม กิจการร่วมค้า CNNC ได้นำเสนอแผนเร่งรัดงานให้ทันตามแผน 4.0 โดยภายในวันที่ 7 มิถุนายน 2567 วันที่ครบกำหนดส่งมอบพื้นที่ถมทะเล 3 (Key Date 3) จะต้องมีความก้าวหน้าสะสมอย่างน้อยร้อยละ 35.87 เพื่อให้สิ้นเดือนมิถุนายน 2567 มีความก้าวหน้าสะสมร้อยละ 37.77 ดังนั้นนับจากเดือนมีนาคมนี้จะต้องดำเนินการให้ได้ความก้าวหน้าประจำเดือนอย่างน้อยร้อยละ 4.04
ทั้งนี้ กิจการร่วมค้า CNNC มั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบพื้นที่ถมทะเล 3 ได้ทันภายในเดือนมิถุนายน 2567 นี้ และจะส่งมอบพื้นที่ F1 ของโครงการฯ ให้แก่บริษัทเอกชนคู่สัญญา กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้ภายในปลายปี 2568 และกำหนดส่งมอบแล้วเสร็จทั้งโครงการฯ ในปี 2569
@เดินหน้าเปิด PPP หาผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ A5 (ขนส่งรถยนต์)
สำหรับการดำเนินการสรรหาเอกชนร่วมลงทุนใหม่ตาม พ.ร.บ.ร่วมลงลงทุนฯ พ.ศ. 2562 ของท่าเทียบเรือ A5 ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือสำหรับขนส่งรถยนต์ มีความยาวหน้าท่า 527 เมตร และมีขีดความสามารถขนถ่ายรถยนต์ 700,000 คัน/ปี โดยบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด เป็นผู้ประกอบการ ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 30 เมษายน 2569 ซึ่งภายหลังสิ้นสุดสัญญาต้องดำเนินการเป็นโครงการร่วมลงทุนใหม่ ทั้งนี้ กทท.ได้มีการจัดทำรายงานผลการศึกษาฯ และหลักการโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว โดยเสนอผ่านกระทรวงคมนาคมตามขั้นตอนของกฎหมาย และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ PPP และรอผลสรุปจากที่ประชุม โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะแจ้งให้ทราบผลต่อไป
@เร่งจัดหาเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ SRTO เพิ่มการขนส่งทางราง
สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์กลางการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟ (Single Rail Transfer Operator : SRTO) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2561 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 600 ไร่ บริเวณท่าเทียบเรือ B กับ C มีจำนวนรวม 6 ราง สามารถจอดรถไฟได้สูงสุด 8 ขบวน รองรับตู้สินค้าสูงสุด 2 ล้าน TEU ต่อปี กทท.ได้มีการจัดทำแผนดำเนินการเพิ่มเติมจำนวน 3 แผน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และปริมาณการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟของ กทท. ดังนี้
1. จ้างเหมาบริการ Reach Stacker จำนวน 2 คัน ภายในเดือนเมษายน 2567 2. จ้างเหมาเปลี่ยนสายไฟฟ้า (Cable Reel) ของ RMG จำนวน 2 คัน (เพิ่มระยะสายจาก 480 เมตรเป็น 600 เมตร) ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 และ 3. จ้างเหมาสร้าง RMG จำนวน 2 คัน และ RTG จำนวน 4 คัน (จัดหาเครื่องมือระยะที่ 2) หากดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนจะสามารถสนับสนุนนโยบายการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง (Shift Mode) จากทางถนนเป็นทางราง เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศให้มีการประหยัดพลังงานมากขึ้น ลดมลภาวะ รวมทั้งลดต้นทุนโลจิสติกส์โดยรวมของประเทศให้ต่ำลงอีกด้วย
ในส่วนของโครงการท่าเทียบเรือ A เป็นท่าเทียบเรือที่ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายสำคัญในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากทางถนนไปเป็นทางรางและทางน้ำ และส่งเสริมการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือแหลมฉบังกับท่าเรือกรุงเทพ ในปัจจุบันได้มีการยกเลิกประกาศ กทท. เรื่องให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง ดำเนินการบรรจุตู้สินค้าลงเรือ (Loading Container) ณ ท่าเทียบเรือชายฝั่ง ข้อที่ 1 “ให้เรือชายฝั่งที่จะดำเนินการบรรทุกตู้สินค้าลงเรือ (Loading Container) ที่ ทลฉ.มาดำเนินการบรรทุกตู้สินค้า ณ ท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) เท่านั้น” โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไปนั้น ส่งผลให้ปริมาณตู้สินค้าใน ทลฉ.ลดลง เพราะเจ้าของตู้สินค้าประสงค์จะขนถ่ายตรง ณ TLC เนื่องจากค่าใช้จ่ายถูกกว่า ซึ่ง กทท.อยู่ระหว่างทบทวนอัตราค่าภาระ โครงสร้าง และนำเสนอ ครม.ต่อไป