“กกพ.” แย้มข่าวดี!ต้นทุนการผลิตไฟฟ้างวดใหม่(พ.ค.-ส.ค.67) มีทิศทางปรับตัวลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ราคาSpot LNG ดิ่งเหลือ 10 เหรียญ/ล้านบีทียู ก๊าซอ่าวไทยมีเพิ่ม แต่จะต่ำกว่า 4.18 บาท/หน่วยหรือไม่ต้องดูภาระกฟผ.ว่าจะสามารถแบกภาระได้ต่อแค่ไหน รวมถึงนโยบายจากภาครัฐที่จะดูแลประชาชน ปลื้ม UGT ได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่าต้นทุนค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.-ส.ค. 2567 มีแนวโน้มปรับลดลงจากปัจจัยบวกมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้จ่ายค่าเชื้อเพลิงลดลง ราคา Spot LNG ในตลาดโลกปรับลดลงเหลือเพียง 10 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียูจากการที่ประเทศญี่ปุ่นนำขายออกบางส่วน ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่ารอบที่ผ่านมาค่อนข้างที่ราคาอยู่ที่ประมาณ 14 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จึงทำให้สามารถคาดการณ์ต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ถูกกว่างวดที่แล้ว(ม.ค.-เม.ย.67 )
“ ค่าไฟฟ้าม.ค.-เม.ย. 67 เฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย แต่ย้ำว่าส่วนที่จะลดลงคือต้นทุนค่าไฟฟ้า ส่วนค่าไฟสุดท้ายที่จะเรียกเก็บจากประชาชนนั้น กกพ.จะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เนื่องจากยังมีภาระหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ที่ยังแบกรับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงไว้ราวแสนล้านบาท ซึ่งก็คงจะต้องดูว่ากฟผ.จะแบกรับภาระได้มากแค่ไหน รวมถึงนโยบายรัฐในการดูแลประชาชน ส่วนปริมาณก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ที่จะมาตามกำหนดก็จะมีส่วนช่วยให้ค่าไฟฟ้าลดลงแต่ทั้งนี้ก็มีผลไม่มาก เนื่องจากขณะนี้ราคา Spot LNG ในตลาดโลกไม่สูงต่างกันราวๆ 2 ดอลล่าร์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม LNG ปลายปีก็จะเป็นขาขึ้นเพราะฤดูหนาวตะวันตกก็จะต้องติดตาม” นายคมกฤช กล่าว
นายคมกฤชยังกล่าวถึงการเปิดรับฟังความเห็นร่างหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว(UGT) ว่า ได้รับความสนใจค่อนข้างมากใน 3 กลุ่มหลักคือ 1. กลุ่มผู้ที่จะทำเดต้าเซ็นเตอร์ เข้าใจและเห็นว่าต้นทุนสะท้อนข้อเท็จจริง ะมีความเชื่อมั่นใจต่อนโยบายภาครัฐที่จะมีไฟฟ้าสีเขียวให้มากขึ้น 2. ภาคอุตสาหกรรม กลุ่มนี้ยังรอดูอยู่อาจจะดูกลไก มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรปหรือ CBAM ที่ยัง ไม่ได้บังคับใช้มากจึงเป็นการหาข้อมูลเป็นหลัก 3. กลุ่มใหม่ที่ไม่คาดคิดคือกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่ระบุว่าลูกค้าในห้างฯต้องการใช้นำไปให้กับสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ที่ต้องการให้รัฐสนับสนุน
ทั้งนี้ UGT1 จะใช้การคำนวณค่าไฟคือ ค่าไฟที่มีค่า Ft (คิดค่าไฟแบบ TOU) บวกกับ Premium (P) ซึ่งเป็นค่าบริการจัดการและราคาตลาดของ REC ประมาณ 0.59 สตางค์ โดยกลุ่มที่ใช้ไฟ UGT1 จะเป็นกลุ่มกิจการขนาดเล็ก กลางและขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถนำ REC ไปใช้ยืนยันได้ว่า โรงงานของคุณใช้ไฟฟ้าสีเขียว
ส่วน UGT2 จะรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตที่ผ่านโครงการจำนวน 4,852 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากโครงการโซลาร์ประมาณ 2,300 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,400 เมกะวัตต์ และพลังงานโซลาร์กับแบตเตอร์รี่อีก 1,000 เมกะวัตต์ รวมกับราคาตลาด REC ค่าบริหารจัดการและค่าเสริมความมั่นคง (AP) ก็จะได้ราคาแบ่งออกเป็น 2 พอร์ตด้วยกัน ได้แก่ พอร์ต A (2568-2570) ที่ราคา 4.56 บาทต่อหน่วย และพอร์ต B (2571-2573) ที่ราคา 4.54 บาทต่อหน่วย รวมถึงในอนาคตเตรียมรับซื้อเพิ่มอีก 3,600 เมกะวัตต์ โดยคาดว่า UGT2 จะเริ่มใช้ได้ปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568
" ถ้าหน่วยงานที่ต้องการโรงใหม่ UGT 2 ก็คงจะต้องมาดูรูปแบบว่าจะให้บริการแต่ละกลุ่มอย่างไรแต่ต้นทุนเท่าไหร่ บวกสายส่ง จำหน่าย บริการ ฯลฯ UGT 1 คงจะออกมาก่อนคงจะต้องเข้าบอร์ดกกพ.ต่อไป ไฟฟ้าจริงๆ ที่จะเข้ามาใหม่ก็คงปี 2568 UGT เองเราสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมแข่งขันในเวทีโลกได้ ซึ่งในอาเซียนก็เริ่มปรับตัวไปสู่ไฟฟ้าสีเขียวมากขึ้นแล้ว เช่น มาเลเซีย ” นายคมกฤชกล่าว