SCN เปิดแผนธุรกิจปี 67 รุก EV Charger โซลาร์โฮม นำร่องในหอพัก คอนโดมิเนียม และโรงแรม เผยกำไรสุทธิงวดปี 66 อยู่ที่ 167 ล้านบาท ลดลง 51% เมื่อเทียบจากปีก่อน ขณะที่รายได้โตขึ้น 34% อยู่ที่ 1,878 ล้านบาท ด้านบอร์ดฯ เคาะจ่ายปันผล 0.0124 บาท/หุ้น จ่าย 23 พ.ค.นี้
นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยแผนการลงทุนในปี 2567 ว่า บริษัทฯ เตรียมรุกธุรกิจ EV Charger โซลาร์โฮม โดยก่อนหน้านี้ได้มีการศึกษาการขยายธุรกิจพลังงานเพิ่มเติม โดยวางงบลงทุน 20 ล้านบาท ทำโครงการ “Private PPA” อีวี ชาร์จเจอร์ นำร่องพื้นที่หอพัก คอนโดมิเนียม และโรงแรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเข้าเจรจา โดยคาดว่าจะสามารถเติบโตได้มากในอนาคต และให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) อยู่ที่ราว 10%
นอกจากนี้ยังมีการเข้าไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนของธุรกิจก๊าซธรรมชาติรูปแบบใหม่ในอนาคต คือการผลิตไฮโดรเจนหรือบลูไฮโดรเจน เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้แก่บางอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้ ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจให้ SCN ได้ในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2566 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการ 1,878 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 167 ล้านบาท ลดลง 51% เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งเป็นกำไรสุทธิแบบออร์แกนิกอยู่ที่ 132 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมา 28% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยไม่รวมกำไร one - time ที่เกิดจากขายเงินลงทุนรวมถึงการตัดจำหน่ายโครงการที่เป็น Non-perform ของบริษัท ซึ่งเป็นการเติบโตแบบ Organic Growth หรือการเติบโตจากความแข็งแกร่งขององค์กรจริงๆ
ปี 2566 ปัจจัยการเติบโตเกิดจากการดำเนินงานในหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งได้อานิสงส์บวกจากปริมาณความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รับรู้รายได้สัญญาจ้างขนส่งจากการชนะประมูลงานขนส่ง ปตท. ตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป รับรู้รายได้จากงานจ้างเหมาก่อสร้าง เช่น งานรับเหมาก่อสร้างปั๊มบางจาก และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนของบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ด้วยผลการดำเนินงานก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเตรียมความพร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ปี 2567 ก็มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยมีการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีที่ผ่านมา เพิ่มอีก 6 โครงการ ทำให้ปัจจุบัน COD ไปแล้วกว่า 29 โครงการ ซึ่งรวมกำลังผลิตในมือตอนนี้กว่า 23 เมกะวัตต์ ส่งผลให้มีกำไรเติบโตกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ในช่วงตั้งแต่โควิดที่ผ่านมาจนมาถึงปัจจุบันบริษัทฯ มีการเทิร์นอะราวนด์ที่ชัดเจน และเติบโตขึ้นปีละเกือบเท่าตัว สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยภาพรวมการดำเนินงานของธุรกิจทั้ง 4 กลุ่ม บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโต โดยมีรายได้อยู่ที่ 990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ในส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ มีรายได้อยู่ที่ 156 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เพิ่มขึ้น 233% นอกจากนี้สำหรับธุรกิจขนส่งและอื่นๆ มีรายได้อยู่ที่ 189 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64%
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2567 ได้มีการอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2566 ในอัตรา 0.0124 บาท/หุ้น คิดเป็นจำนวนเงินประมาณ 15 ล้านบาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 8 พ.ค. 2567 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 พ.ค. 2567 พร้อมกำหนดเตรียมจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พ.ค. 2567
