ปัจจุบันประเทศไทยของเราเดินหน้าการท่องเที่ยวอย่างเต็มตัวจนกลายเป็นประเทศท่องเที่ยวแถวหน้าของโลกอย่างชัดเจน อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งข้อมูลหลายอย่างบ่งชี้ถึงศักยภาพด้านนี้อย่างชัดเจน เช่นกรุงเทพฯเป็นเมืองที่มีผู้อย่างมาเยือนมากที่สุดในโลกต่อกันต่อเนื่องหลายปี เอาชนะเมืองใหญ่อย่าง ลอนดอน นิวยอร์ก ปารีส หรือโตเกียว รวมถึง Soft Power หลายอย่างของเราไม่ว่าจะเป็น อาหาร มวยไทย สายมู หรือวัฒนธรรมการแต่งกาย ก็เป็นเรื่องที่โดดเด่นขึ้นมาเป็นจุดขายของประเทศเป็นอย่างฉุดไม่อยู่
สำหรับประเทศที่มีการท่องเที่ยวเป็นจุดขายนั้น แน่นอนว่า โรงแรมและที่พักดีๆคือหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญสูงสุด น่าสนใจว่าแนวโน้มการลงทุนโรงแรมนั้นปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เกิดตลาดใหม่ขึ้นมากมายในการลงทุนด้านโรงแรมบูติคโฮเต็ล โดยเฉพาะการดัดแปลงอาคารเก่า ที่ทิ้งร้าง มาเป็นโรงแรม หรือ การทำธุรกิจ โรงแรม บูติค ใน เมืองรองมากๆ หลายแห่ง กลับ ทำราคาขาย ได้สูงอย่างเป็นปรากฏการณ์ และได้ผลตอบแทนการลงทุนอย่างไม่น่าเชื่อ
วันนี้จะมาคุยกับ สถาปนิก ที่ปรึกษาและ Hotelierแนว Boutique & Heritage ระดับเบอร์ต้นของเมืองไทย ในเรื่องการลงทุนบูติคโฮเทล การดัดแปลงอาคารเก่าให้เป็นโรงแรม โดยเฉพาะการทำโรงแรมในเมืองรองมากๆจนประสบความสำเร็จหลายแห่ง รวมถึง ยังมีหลักสูตรอบรม the Boutique Hotel Master Class ที่สอนคนทำโรงแรมจำนวนมากให้ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วประเทศอีกด้วย
เขาคือนายวรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ กูรูบูติคโฮเต็ลหรือที่รู้จักกันในนามของ The Boutique King วรพันธุ์ เป็นคนที่เกิดในครอบครัวคนทำโรงแรม พ่อของเขาเป็นคนที่ทำโฮสเทลคนแรกของประเทศไทยในนามของ Bangkok Youth Hostel ทำให้เขามีโอกาสคลุกคลีอยู่กับการทำHostel ตั้งแต่ ม.ต้นหรือเมื่ออายุ 15 ปีเริ่มงานตั้งแต่ตอกเสาเข็ม เทปูน จนกระทั่ง การเปิดโรงแรม เช่น ต้อนรับลูกค้า ขายห้องพัก เก็บเงินแขก ซื้อขนมปังมาแพ็คขาย ทำความสะอาดห้องน้ำ ไปจนถึงตามตำรวจมาจับแขกเวลาที่แขกไม่จ่ายเงิน หรือแม้แต่ตามมูลนิธิมาเก็บศพแขกเวลามีคนตายในโรงแรม
นายวรพันธุ์ เป็นสถาปนิกที่ เคยทำงานกับสถาปนิกชื่อดังระดับโลกอย่างเช่น Raj Rewal ของอินเดีย รวมถึงปรมาจารย์นักออกแบบโรงแรมก็คือ Geoffrey Bawa และ Channa Daswatte ชาวศรีลังกา ซึ่งทำให้ เขาเชี่ยวชาญการออกแบบโรงแรม โดยเฉพาะ โรงแรมบูติคโฮเต็ลหรือโรงแรม ที่มีจุดขายเรื่องธรรมชาติและวัฒนธรรม ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เขาอยู่ในบทบาทที่หลากหลายตั้งแต่ ผู้วางแนวความคิด , สถาปนิกออกแบบโรงแรม ผู้ร่วมลงทุน รวมถึง ให้คำปรึกษาทางด้าน Branding กฏหมาย การตลาดและการขายห้องพัก ของบูติคโฮเตลที่ประสบความสำเร็จมากมายตั้งแต่ Samsen5Lodge ของเขาเอง ที่ถูกสัมภาษณ์ไปลงสื่อทั่วโลกรวมถึง National Geographic , โรงแรมPrince Theatre Heritage Stay ที่ดัดแปลงมาจากโรงหนังเก่าย่านบางรัก ชึ่งเป็นการทำงานร่วมกับบริษัทเฮอริเทจสเตย์ รวมถึงในฐานะสถาปนิกผู้ออกแบบและวางยุทธศาสตร์ให้กับโรงแรมที่มีชื่อเสียงอย่าง Uthai Heritage จังหวัดอุทัยธานี ที่เปลี่ยนโรงแรมประถมเก่า70ปีมาเป็นโรงแรมสุดเท่ห์ และทำราคาห้องพักได้สูงอย่างไม่น่าเชื่อ จนเจ้าของโรงแรมที่มีชื่อเสียงหลายคนต้องมาพักให้เห็นกับตา , โรงแรม Vela Warin จังหวัดอุบลราชธานี ที่เป็นการเปลี่ยนโรงเตี้ยมเก่าแก่อายุ100ปี มาเป็นบูติคโฮเต็ล หนึ่งเดียวของจังหวัด , Palin Family Cottage ที่เปลี่ยนมาจากหอพักเก่าทิ้งร้างเป็นบูติคโฮเต็ลสำหรับครอบครัว ที่เชียงราย หรือ Humz Canal Stayที่พักสุดเท่ห์5ห้องริมคลองอ้อมนนท์ ที่ทุกห้องมีบันไดส่วนตัวสำหรับผูกเรือและลงคลอง
วันนี้จะมาเปิดใจกับเขาถึง การลงทุนบูติคโฮเต็ลในประเทศไทย ว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ สำหรับผู้ที่กำลังสนใจลงทุนในธุรกิจนี้ บอกเลยว่าห้ามพลาด เด็ดขาด...
ถาม- BoutiqueHotel คืออะไร ทำไมการทำโรงแรมในต่างจังหวัดหลายแห่งของคุณ จึงประสบความสำเร็จและขายห้องได้ละห้องพักราคาแพงๆอย่างไม่น่าเชื่อ
ตอบ- Boutique Hotel คือที่พักที่ขายประสบการณ์ และการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เป็นหลัก ตลาดนี้เกิดจาก ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป คือต้องการหา ความเป็นส่วนตัว ความเป็นธรรมชาติและความแตกต่าง จากจุดนี้ทำให้โรงแรมที่มีจุดเด่น มีบุคลิกเฉพาะ มีธรรมชาติและมีความเป็นส่วนตัว สามารถตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลได้ เพราะ ตรงกับความต้องการของนักเดินทาง ที่สำคัญคือ การทำโรงแรมในเมืองต่างจังหวัดไกล ๆ นั้น หลายคนอาจบอกว่าจะไม่มีใครมาพัก แต่จริงๆถ้าศึกษาตัวเลขแล้ว กลุ่มคนที่ไปพักโรงแรม มีถึง 3 กลุ่มก็คือ คนไปเที่ยว คนไปทำงาน และคนทำธุระ ไม่ได้มีแค่กลุ่มคนไปเที่ยวกลุ่มเดียวเท่านั้น ถ้าโรงแรมของเราสามารถจับอีก 2 กลุ่มได้ คุณจะสามารถมีลูกค้าไปพักในวันธรรมดาได้ แทนที่จะรอคอยจากนักท่องเที่ยวในวันเสาร์อาทิตย์อย่างเดียว
อีกข้อที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนคือ การทำโรงแรมในทำเลลึกๆนั้นจะมีต้นทุนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถูกกว่าโรงแรมที่อยู่ถนนหลักหรืออยู่ในเมืองใหญ่ รวมถึงในเมืองเล็กจะมีคู่แข่งโรงแรมดีๆน้อยมากๆด้วย ถ้านักลงทุนสามารถมองตรงนี้ออกนี่คือจุดชนะจุดแรกของการลงทุน ตัวอย่างกลุ่มโรงแรมระดับโลกที่ใช้ปรัชญานี้ลงทุน และประสบความสำเร็จมาก เช่น Aman.
ถาม- เชนโรงแรมใหม่ที่คุณกำลังปั้นในชื่อ Hotel GAGA คืออะไร มีจุดเด่นอย่างไร
ตอบ- Hotel GAGA คือการลงทุนร่วมของนักลงทุนรุ่นใหม่ ที่เห็นศักยภาพการลงทุนโรงแรมในเมืองรองมีโอกาสสูงแต่ลงทุนน้อยกว่าเมืองใหญ่ เป็นโรงแรมบูติคขนาดเล็กถึงกลาง มีดีไซน์ที่ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรม ชุมชนและธรรมชาติรอบรอบ พอพอกับผลตอบแทนการลงทุน เราอยากปั้นแบรนด์นี้ให้เป็นโรงแรมระดับโลกของไทยครับ ตอนนี้กำลังดูทำเลที่เหมาะสมอยู่หลายจุด เช่น อีสาน ที่มีศักยภาพสูงแต่มทีคู่แข่งน้อยมาก โดยผมจะเป็น Creative & Investment Directorของ Hotel GAGA
ถาม- อะไรเป็นจุดเด่นที่ทำให้ห้องพักในโรงแรมที่คุณออกแบบขายได้ราคาแพง อย่างเช่นที่อุไทยเฮอริเทจ
ตอบ- ง่ายมากครับ การทำห้องพักให้ได้ราคาแพงอยู่ที่ การสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่มีใครเข้าถึง การกล้าเปิดตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือ segment ใหม่ๆผ่านคุณภาพการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ที่ตรงหรือล้ำไปกว่าความคาดหวังของลูกค้า ในรูปแบบที่กล้าจะแตกต่างจากโรงแรมคู่แข่งอื่นๆ ใน พื้นที่ เดียวกัน
อันนี้พูดถึงกลุ่มลูกค้าอย่างเดียวก่อนนะครับยังไม่พูดถึงสไตล์การออกแบบที่ คนทำโรงแรมชอบเริ่มจากจุดนั้นซึ่งเป็นการตั้งต้นที่ผิด
การทำโรงแรมเหมือนทุกธุรกิจ คุณต้องตั้งคำถามก่อนว่า ธุรกิจของคุณจะตอบสนองใคร ถ้าคุณตอบสนอง คนที่มีคนทำสินค้าให้อยู่แล้ว โอกาสที่คุณจะสำเร็จก็น้อยลง คุณต้องมีความสามารถในการค้นหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งยังไม่มีใครทำ เช่นกลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อนกลุ่ม กลุ่มสายมู กลุ่มผู้สูงวัยซิลเวอร์แฮร์ โดยเฉพาะกลุ่มหลังนี้เขาสามารถมาในวันธรรมดาได้มาทีละหลายๆคนได้และมีกำลังซื้อสูง ที่โรงแรมอุไทยเราเน้นกลุ่มนี้ตั้งแต่แรก เราได้ทำห้องพัก 4 เตียง 6 เตียง 8 เตียง ซึ่งทำให้เราสามารถทำราคาขายได้ถึง 4,000-6,000 บาทและ 8,000 บาทตามลำดับในเมืองเล็กๆอย่างอุทัยธานี ที่มีราคาห้องพักเฉลี่ยประมาณ 1,000 บาทเท่านั้น
รวมถึงการออกแบบ Room Type ก็สำคัญโรงแรมทั่วไปเกือบจะ 100% มีเตียงแฝดกับเตียงคู่ เตียงเดี่ยวเท่านั้น เวลาจะทำห้องครอบครัวก็แค่เจาะประตู 2 ห้องเชื่อมกันแล้วบอกว่านี่คือห้องครอบครัว หลายโครงการที่เราทำ เราออกแบบห้องสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริงนอนได้ถึง 6 คน 8 คน อย่างสบายมาก อันนี้คือการเปิดกลุ่มลูกค้าใหม่ แต่หน้าตาของห้องพักสำหรับกลุ่มลูกค้าใหม่ก็ต้องมีคุณภาพ มีความแตกต่างมีบุคลิกที่ชัดเจนด้วยเช่นกัน โรงแรมที่ดีโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลนั้นต้องสามารถสะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติออกมาได้
Branding and Communications ก็เป็นหัวใจสำคัญเช่นกัน ทีมแบรนดิ้งต้องสามารถดึงจุดเด่นโรงแรมออกมาได้ ทั้งทางภาพถ่าย การบริการ การพูดคุยกับลูกค้า รวมถึงความสามารถที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มลุกค้าที่เราอยากให้มาโรงแรมของเรา
ถ้าโรงแรมของคุณนำเสนอคุณภาพที่แตกต่างเหล่านี้ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคุณก็ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ถาม-เราจะประเมินได้อย่างไรว่า จุดขายและดีไซน์ ที่เราคิดขึ้นมานั้น จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขายห้องพักได้ราคาแพงหรือไม่ จะติดตลาดหรือไม่
ตอบ- ผมจะให้หลักการประเมิน การออกแบบดังนี้ 1. โรงแรมที่ตั้งอยู่นั้นต้องสะท้อนเอกลักษณ์ ของพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือวัฒนธรรม โรงแรมอยู่ในป่าควรดูเหมือนอยู่ในป่า ป่าเหนือกับป่าใต้ก็ไม่เหมือนกัน โรงแรมริมทะเลของเมืองใหญ่อย่างพัทยาก็ควรจากมีบุคลิกที่แตกต่างโรงแรมริมทะเลบ้านนอกอย่างตรัง โรงแรมอยู่ในกลางเมือง อย่างกรุงเทพฯก็ต้องสะท้อนเอกลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่ต่างจากฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ถ้าอยู่ในเมืองต่างจังหวัดจากอีสานก็ต้องสะท้อนเอกลักษณ์ของอีสานเป็นต้น เพราะลูกค้าเขาไปพักที่ไหน เขาย่อมต้องการเสพเอกลักษณ์ของที่นั่น เขาถึงเลือกเดินทางไป ที่สำคัญคือการที่มีจุดขายชัดเจน เวลาทำการตลาดนักการตลาดและทีมขาย จะอยากเข้ามาช่วยคุณเพราะเขาขายได้ง่าย ขายได้ราคาเพราะโรงแรมคุณมีความแตกต่าง ถ้าไม่มีความแตกต่างคุณก็ต้องไปเข้าสู่สงครามราคา ขายเป็นห้องพักราคาถูกซึ่งยากมากที่จะประสบความสำเร็จ
ข้อ 2 ต้องมีความเข้าใจเรื่องฟังก์ชันพื้นฐานและฟังก์ชันเพิ่มเติมที่แตกต่างเป็นอย่างดี ต้องแม่นในเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะถ้าจะเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆที่น่าสนใจ เช่นกลุ่มผู้สูงวัย กลุ่มเกษียณเร็ว กลุ่มออกกำลังกาย กลุ่มอาหารการกิน กลุ่มสายมูไหว้พระไหว้เจ้า อันนี้ดีมากๆในเมืองต่างจังหวัดแบบภาคเหนือหรือ อีสานไกลๆ และสุดท้ายกลุ่ม LGBTQ และกลุ่มสัตว์เลี้ยง
กลุ่มเฉพาะเหล่านี้มีศักยภาพมากโดยเฉพาะคนที่ทำโรงแรมห้องไม่เยอะ ข้อ 3 สำคัญมากๆเรื่องกฎหมายต้องแม่นตั้งแต่วันแรก ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของและสถาปนิกส่วนมากไม่เข้าใจกฎหมาย ทำให้เลือกลงทุนในทำเลที่ติดขัดข้อกฎหมาย หรือเลือกซื้ออาคารที่ผิดกฏหมายหลายจุดมาดัดแปลงเป็นโรงแรม ทำให้มีปัญหาในอนาคตและยากที่จะแก้ไขให้ถูกกฏหมายได้ เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจล้มเหลว
ถาม- ความสำเร็จของโรงแรมนั้นเราจะประเมินได้จากอะไรบ้าง
ตอบ- นอกจากอัตราเข้าพักแล้วผมจะประเมินจาก ระดับของแขกที่มาเข้าพัก, จากราคาห้องที่สูงโดยเฉพาะบูติคโฮเต็ลจำนวนห้องไม่มาก เราต้องขายห้องได้ราคาแพง, จากระดับของสื่อที่มารีวิวของเราว่าเป็นสื่อระดับไหน เป็นสื่อแบบบ้านๆหรือสื่อแบบ World Class ที่สำคัญมากคือโรงแรมนั้นๆช่วยยกระดับเศรษฐกิจหรือช่วยมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์บำรุงรักษาธรรมชาติหรือวัฒนธรรม ให้มีความยั่งยืนสืบต่อไปหรือไม่ ประเด็นต่างๆเหล่านี้นักลงทุนต้องนำมาประเมินที่ดินถ้วน ไม่ใช่แค่ประเมินแค่อัตราค่าเข้าพักเท่านั้น เพราะการทำโรงแรม เป็นธุรกิจที่รบกวนสิ่งแวดล้อมรบกวน
ชุมชน เพื่อนบ้านรอบๆเป็นจำนวนมากดังนั้นนักทำโรงแรมควรคิดถึงการจ่ายคืนให้กับสังคม เพื่อให้รูปแบบธุรกิจโรงแรมของเรามีความยั่งยืน ในทุกมิติไม่ใช่ในเรื่องรายได้การคืนทุนเท่านั้นครับ
ถาม- ทั่วประเทศมีโรงแรมขนาดเล็กที่ประสบความสำเร็จ เป็นจำนวนมาก ที่เกิดมาจากหลักสูตร Boutique Hotel Masterclass ของคุณ ที่สอนมากว่า 12 ปี คือ อะไรทำให้หลักสูตรนี้สามารถสร้างผู้ประกอบการโรงแรมที่โดดเด่นได้เป็นจำนวนมาก และ หลักสูตรนี้แตกต่างอย่างไร และสอนอะไรบ้าง
ตอบ- จุดเด่นของBoutique Hotel Master Classก็คือ เราสอนหลักการในการที่ทำให้ทุกทำเล ไม่ว่าจะไกลแค่ไหน สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะทุกวันนี้ ข้อจำกัดของทำเลไกลแทบไม่มีเหลืออีกแล้ว และรวมถึงไม่ต้องทำจำนวนห้องเยอะก็คุ่มค่าในการลงทุนได้ เป็นหลักสูตร ที่พัฒนาขึ้นมาจากองค์ความรู้จริงในการทำธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยเฉพาะบูติคโฮเต็ลและการดัดแปลงอาคารเก่าเป็นโรงแรม ปรัชญาของหลักสูตรเราเชื่อว่าทุกหนทุกแห่ง ที่มนุษย์เดินทางไปถึง สามารถทำโรงแรมได้
เรามีวิสัยทัศน์ว่าทุกจังหวัดต้องมีบูติคโฮเต็ล 1 แห่งไว้เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดและเพื่อต้อนรับลูกค้าดีๆ และเราเชื่อว่าคนไทยทุกคนเกิดมาเพื่อทำอาชีพนี้ การทำธุรกิจต้อนรับอยู่ในสายเลือดของคนไทย โดยไม่จำกัดความรู้ การศึกษา หรือว่าความห่างไกลของทำเล
สำหรับการสอนเรื่องการวิเคราะห์พื้นที่อย่างจริงจัง สอนเรื่องกลุ่มลูกค้า สอนเรื่องกฎหมายสิ่งปลูกสร้าง โดยเฉพาะเรื่องกฎหมายอาคารและกฎหมายโรงแรม ที่เป็นจุดอ่อนของเจ้าของธุรกิจ และเราสอนการวิเคราะห์การเงิน การเขียนแผนการกู้เงินธนาคารกันอย่างเข้มข้น รวมถึง การเตรียมการเปิดโรงแรม การออกแบบการบริการ ไปจนการตลาดและการขายห้องพักด้วย และยังมีเจ้าของโรงแรมที่ประสบความสำเร็จกว่า10โรงแรมมาบรรยาย รวมถึงมีการบรรยายจาก Air BnBที่เป็นแพลตฟอร์มขายห้องพักที่ใหญ่ที่สุดในโลกมาร่วมด้วย ทำให้ ผู้ที่มาเรียนสามารถเปิดธุรกิจและประสบความสำเร็จได้ จริง ที่สำคัญคือเรายังมีวันพาไปดูงาน 2 วันเต็ม และตัวผมเองจะไปดูที่ให้นักเรียนทุกคนเพื่อวิเคราะห์อย่างเข้มข้นก่อนการเริ่มเรียนจริง นอกจากนี้เรายังจัดทัวร์ไปดูงานโรงแรม ด้วยเช่นที่ญี่ปุ่น ที่จะไปดูโรงแรมสไตล์ครอบครัวและเทคโนโลยี หรือทัวร์โรงแรม ศรีลังกา ที่เน้นดูโรงแรมสไตล์ธรรมชาติและวัฒนธรรม ที่ออกแบบโดยเจฟฟรีย์ บาว่า ปรมาจารย์นักออกแบบโรงแรม และทัวร์ฮอลแลนด์ ที่จะพาไปดูโรงแรมที่มีนวัตกรรมใหม่ๆกลุ่มลูกค้าใหม่ๆดีไซน์ใหม่ๆ ครับ
ถาม- ช่วยอธิบายขั้นตอนการทำโรงแรม ให้ประสบความสำเร็จ ในทุกสถานการณ์ทีครับ
ตอบ- ทุกโครงการนั้น ผมจะมีวิธีวิเคราะห์เรียบง่าย ต้องไปตรงมามากๆถ้าคุณทำได้ 4 ข้อนี้ จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
1. วิเคราะห์ทำเลให้ถี่ถ้วนถ่องแท้ เข้าใจ จุดเด่นของทำเล เข้าใจDNA ของที่ตั้งอย่างแตกฉานว่าทำไมตรงนั้น เหมาะกับลูกค้าประเภทไหน ใครผ่านอยู่แล้วหรือยังไม่เคยผ่าน ลูกค้าประเภทไหนมีกำลังจ่าย ลูกค้าประเภทไหนเราต้องการดูดเขาเข้ามา
2. นำจุดเด่นของทำเลตรงนั้นมาพัฒนาเป็นจุดขาย แล้วมองให้ออกว่าลูกค้ากลุ่มไหนชอบจุดขายแบบนั้น เช่นถ้าทำเลเราอยู่ไกลจุดขายอยู่ที่ความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัว ทำเลใกล้ จุดขายจะอยู่ที่ความเป็นเมืองอยู่ที่ความคึกคัก จะทำเป็นโรงแรมปาร์ตี้ไหม หรือจะคิดต่างทำเป็นUrban Sanctuaryเงียบสงบแตกต่างไปเลย หรือทำเลที่จังหวัดลึกมากๆไม่มีใครไป เอาจุดขายเรื่องสายมูหรือเป็นโรงแรมSecret มาใช้ได้หรือไม่
3. เมื่อมีกลุ่มลูกค้าแล้ว ให้ดูเรื่องตัวเลขว่า เราควรต้องทำห้องพักได้ราคาเท่าไหร่ ลูกค้าของเรามีความสามารถที่จะจ่ายได้หรือไม่ ต้นทุนต่อเดือน ต้องมองให้ขาด กี่ปีคืนทุนจุดคุ้มทุนอยู่ตรงไหน ตัวนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องมองให้ออก
4. การออกแบบเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะนี่คือการเปลี่ยนความคิดทั้งหมดให้เป็นกายภาพ งานออกแบบโรงแรมต้องมีคุณภาพต้องดึงดูดลูกค้าที่เราต้องการได้ ต้องคุ้มค่ากับเงินในกระเป๋าที่เขาจะจ่ายให้เรา โรงแรมเราต้องมีบุคลิก โดดเด่นไม่ใช่ทำมาแล้วเชยตั้งแต่ในแบบ จุดนี้เจ้าของโครงการควรให้นักออกแบบโรงแรมที่ถนัดกับโรงแรมประเภทนั้นๆมาออกแบบจริงๆ เพราะโรงแรมเป็นงานเฉพาะ คนที่ถนัดทำโรงแรมใหญ่ๆ จะไม่ถนัดทำโรงแรมบูติค ซึ่งในส่วนนี้ผู้ออกแบบต้องมีความเข้าใจทั้งเรื่องธุรกิจโรงแรม และเรื่องกฎหมายอย่างกระจ่างแจ้งถ่องแท้ไปพร้อมๆกันจึงจะสามารถทำได้ครับ โดยเจ้าของเองควรเป็นผู้มีรสนิยมและเห็นโรงแรมมามากพอสมควร เพื่อที่จะตัดสินใจได้ถูกว่า แบบที่สถาปนิกทำให้นั้นดีพอหรือยัง ถ้าเจ้าของไม่สามารถทำได้ ก็ควรมีที่ปรึกษาเข้ามาช่วยวางแผน
ถาม- อยากฝากอะไรให้ผู้ที่ต้องการ ลงทุนใน โรงแรมบ้าง
ตอบ- ปรัชญาของผมมีเสาหลักอยู่ 4 ข้อถ้าทำได้ครบตามนี้คุณสำเร็จแน่นอน 1.ก็คือจุดขายต้องยอดเยี่ยม ข้อ 2. ต้องถูกกฎหมายได้ใบอนุญาต ข้อ 3 การเงิน ต่างๆต้องดีมีกระแสเงินสด ,การเข้าใจแหล่งเงินการเข้าถึงแหล่งเงินต่างๆ ข้อ4.คือต้องมีระบบเพราะระบบจะช่วยให้บริหารจัดการได้และสามารถออกจากธุรกิจได้สามารถขายธุรกิจได้
แต่สุดท้ายแล้วความคิดต่างต่างเล่านี้จะไม่มีทางสำเร็จเลย ถ้าคุณไม่ได้ใช้คนที่เก่งมากๆมาทำงาน ดังนั้นทุกโครงการของผม จะเลือกทีมงานที่เก่งมาช่วยเราเสมอตั้งแต่ทีม Branding, Hotel Setup ไปจนถึง Marketing and Sales สุดท้ายจริงจริงที่อยากฝากนักลงทุนคือ การลงทุนให้ศึกษาหาความรู้ก่อน ดูงานโรงแรมให้มาก โดยเฉพาะที่ต่างประเทศ ก็จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นครับ.
และนั่นคือมุมมองและเคล็ดลับการลงทุนบูติคโฮเต็ล ของ the Boutique King วรพันธุ์ คล้ามไพบูลย์ นักปั้นโรงแรมที่ก้าวข้ามทุกข้อจำกัดของทำเล ที่ปรึกษาการลงทุน และสถาปนิกบูติคโฮเทล ชั้นนำของเมืองไทย ผู้ออกแบบบูติคโฮเต็ลชั้นนำหลายแห่ง ของประเทศ ที่เราเอามาฝากกัน
ปิดท้าย... สำหรับท่านที่จะลงทุนอย่าลืมศึกษาความรู้ให้ถ่องแท้ หรือจะหาที่ปรึกษาเก่งเก่งมาช่วยชี้แนะแนวทาง เพื่อลดความเสี่ยง ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าเสี่ยงทำเอง.
ทั้งนี้ผู้สนใจหาความรู้เรื่องการลงทุนโรงแรม หรือหลักสูตร The Boutique Hotel Master Class ติดต่อเพจ: เปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบูติคโฮเต็ลหรือwww.theboutiqueking.com หรือ line@theboutiqueking