ทาทา สตีลฯมั่นใจไตรมาส4 ปีการเงิน2567 มีผลประกอบการดีขึ้นกว่าไตรมาสก่อนที่ได้รับผลกระทบจากเหล็กลวดจีนดัมป์ตลาด ฉุดปริมาณขายเหล็ก 9เดือน รวม 8แสนตัน ส่อแววหลุดเป้าที่ตั้งไว้ 1.2ล้านตัน ชี้ปีนี้ทิศทางเหล็กในไทยทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน หลังการเบิกจ่ายงบประมาณรัฐล่าช้า
นายตารุน คูมาร์ ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH เปิดเผยว่าบริษัทฯมั่นใจผลประกอบการไตรมาส 4 ปีการเงิน2567 (มกราคม-มีนาคม 2567)จะดีกว่าไตรมาสก่อน ที่ปริมาณการขายลดลงจากผลกระทบการนำเข้าเหล็กลวดราคาถูกจากจีนที่ดัมป์เข้ามา ทำให้ไตรมาส3 ปีการเงิน2567 บริษัทมีปริมาณการขายเหล็กค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 253,000 ตัน ลดลงจากไตรมาสก่อน 12% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มสินค้าเหล็กลวดและยอดขายส่งออกลดลง
ส่วนยอดขายเหล็กในปีงบประมาณ 2567 (เมษายน2566-มีนาคม2567)จะได้ตามเป้าหมายที่ 1,200,000 ตันหรือไม่นั้น บริษัทยังคงไม่ได้ปรับเป้าลงแม้ว่ายอดขายช่วง 9เดือน ปรับลดลงจากปีก่อนหน้า โดยมีปริมาณการขายเหล็กอยู่ที่ 800,000ตันก็ตาม เนื่องจากคาดการณ์ไตรมาสนี้จะดีขึ้น หลังเห็นสัญญาณการพัฒนาเศรษฐกิจในด้านต่างๆทั้งอัตราเงินเฟ้อที่คลี่คลาย แนวโน้มการขยายตัวการบริโภคภาคเอกชน ภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่กำลังดีขึ้น
นายตารุน กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์การบริโภคเหล็กของไทยในปี2567 ทรงตัวใกล้เคียงปีที่ผ่านมา เนื่องจากการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล็กทรงยาวได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรัฐปี2567 ที่ล่าช้า แต่คาดว่าการใช้จ่ายภาครัฐจะเร่งตัวขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ทำให้การใช้เหล็กทรงยาวในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่บางโครงการเพิ่มขึ้น รวมทั้งภาครัฐได้ออกมาตรการสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้นักท่องเที่ยวบางประเทศเดินทางเข้าไทยแบบไม่ต้องขอวีซ่า ทำให้การท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง การสนับสนุนปัจจัยต่างๆเพื่อให้การส่งออกกลับมาขยายตัว แต่ปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ คือปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง รวมทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อาจนำไปสู่การกีดกันทางการค้า แม้ว่าความขัดแย้งในแถบตะวันออกกลางยังไม่มีผลกระทบต่อบริษัทและซัพพลายเชนทั่วโลก การเลือกตั้งทั่วโลกราว 40ประเทศรวมทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อินเดียอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบาย เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี2566 ประเทศไทยมีการใช้กำลังการผลิตเหล็กลดลงเหลือ 28%จากเดิมเคยอยู่ที่ 33%ส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าเหล็กลวดเพิ่มขึ้น 10.5% ขณะที่การบริโภคเหล็กในประเทศลดลง 9.1%เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศจีนอ่อนแอ ทำให้การบริโภคเหล็กลดลงหันมาทุ่มตลาดส่งออกโดยเฉพาะในตลาดอาเซียน พบว่าในช่วง 11เดือนแรกปี2566 จีนมีการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กเพิ่มขึ้น 35.4%เป็น 85.2ล้านตันสูงสุดในรอบ 7ปี
ดังนั้นบริษัทจึงอยากขอให้ภาครัฐพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์เหล็กที่นำเข้ามาไทยมากผิดปกติหรือไม่ และนโยบายเน้นความเป็นธรรมในการนำเข้า หลังจากพบว่ามีเหล็กนำเข้าหลบเลี่ยงพิกัดภาษีโดยเติมสารบางประเภท
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปีการเงิน 2567 ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2566 บริษัทขาดทุนหลังภาษีเงินได้ 96 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนหลังภาษีเงินได้ 58 ล้านบาทในช่วงเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2566 สำหรับช่วงระยะเวลา 9 เดือน (เมษายน -ธันวาคม 2566) บริษัทขาดทุนหลังภาษีเงินได้ 104 ล้านบาท เทียบกับกำไร 577ล้านบาทในช่วงเดือนเมษายน - ธันวาคม 2565
